3 เม.ย. 2023 เวลา 10:28 • ข่าวรอบโลก

((( ความวิปริตของ เออร์มา กรีส )))

เออร์มา กรีสเป็นสตรีเยอรมัน เกิดเมื่อปี 1923 ในครอบครัวเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เธอมีผมสีทองตาสีฟ้า หน้าตาสะสวยงดงามตรงต้องกับลักษณะอุดมคติของชาวอารยันสายเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งได้รับการเชิดชูโดยพรรคนาซีที่ปกครองเยอรมันในเวลาที่เธอเติบโตขึ้นทุกประการ
1
เมื่ออายุได้สิบสองปีมารดาของกรีสจับได้ว่าสามีมีชู้จึงกินน้ำกรดฆ่าตัวตายประชด ทำให้กรีสกลายเป็นเด็กมีปัญหา เธอถูกเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้ง แต่ไม่เคยมีความกล้าหาญพอจะปกป้องตนเองเลย พออายุได้สิบสี่จึงต้องออกจากโรงเรียนเพราะทนการกลั่นแกล้งไม่ไหว
เธอหันมาทุ่มเทความสนใจให้กับการเป็นสมาชิกองค์กรสตรีนาซีซึ่งบิดาของเธอไม่ยอมรับ ทั้งยังยึดถืออย่างมืดบอดในอุดมการณ์ที่ว่ามนุษย์เผ่าอารยันนั้นดีกว่าเผ่าอื่นๆ และสมควรกำจัดหรือปกครองมนุษย์ที่ด้อยกว่าเช่นพวกยิวอย่างข้าทาส
กรีสได้พยายามสมัครเป็นนางพยาบาลเพื่อรับใช้อุดมการณ์หลายครั้ง แต่สำนักจัดหางานของรัฐบาลเห็นว่าเธอไม่เหมาะสมจึงส่งเธอไปทำงานฟาร์มโคนม
1
กรีสต่อต้านเรื่องนี้อย่างยิ่งยวดแต่ไม่สำเร็จ และไม่ว่าเธอจะสมัครเป็นนางพยาบาลกี่คราก็ถูกส่งกลับมาเป็นเกษตรกรอยู่ร่ำไป
ในที่สุดอุดมการณ์อันรุนแรงของพรรคนาซีได้พาเยอรมันเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง พวกนาซีจับชาวยิว และชนชาติที่เห็นว่า “ชั้นต่ำ” มากมายมาขังทรมานเพื่อกวาดล้างให้สูญพันธ์ สำหรับตัวกรีสนั้นได้ถูกส่งให้ไปช่วยงานในค่ายกักกันแห่งหนึ่ง ที่นั่นคนล้มเหลวอย่างเธอกลับสร้างผลงานดีเยี่ยม เพราะได้สำแดงความอำมหิต สามารถจัดการพวกนักโทษอย่างเลือดเย็นผิดวิสัยสตรีใดๆ
กรีสชื่นชอบทรมานนักโทษ เรื่องโหดร้ายอะไรที่คนอื่นไม่กล้าทำเพราะยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ เธอกลับสามารถทำอย่างสนุกสนาน
ยิ่งทารุณเท่าใด เธอก็ยิ่งได้รับการยกย่องชมเชย มีความดีความชอบถูกเลื่อนขั้นเป็นผู้คุมตำแหน่งสูง และได้ย้ายไปอยู่ที่ “เอาชวิตซ์” สุดยอดค่ายนรกซึ่งเป็นโรงงานสังหารชาวยิวอย่างโหดร้ายไปกว่าหนึ่งล้านคน จนเป็นที่ตราตรึงในประวัติศาสตร์
ที่เอาชวิตซ์นี้เอง เออร์มา กรีส ในวัยไม่ถึงยี่สิบ ได้เปลี่ยนเป็นคนละคน เธอแต่งหน้าทาปาก ฉีดน้ำหอมอย่างหนัก และแก้เครื่องแบบของตนเองให้รัดรูป แสดงส่วนโค้งเว้ามากขึ้น
เธอยั่วยวนผู้คุมชายหลายคน มีคนรักมากมาย หลับนอนไม่เลือก ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ พัฒนารสนิยมทางเพศอันวิปริต โดยเชื่อมโยงความสุขในการทรมานผู้อื่นกับความสุขทางกาม
...เธอถึงจุดสุดยอดเมื่อได้ขยี้ผู้หญิงด้วยกันให้แหลกเละ และหมายจับเอานักโทษหญิงที่หน้าดี หรือมีร่องรอยว่าเคยหน้าตาดีมาก่อน มาเตะต่อยอย่างหนัก
หากหญิงคนนั้นมีใบหน้าสวยก็จะเน้นตีจนกว่าจะเสียโฉม หากอกสวยก็จะเน้นเฆี่ยนหน้าอกให้เลือดอาบ หรือหากถูกใจสตรีคนไหนเป็นพิเศษ เธอก็จะข่มขืนแล้วบังคับให้นักโทษอื่นๆ ดู
มีรายงานว่ากรีสมีวิธีการทรมานพิสดารหลายประการ เช่นบังคับให้นักโทษคุกเข่าแบกหินหนักเป็นเวลานาน, ปล่อยสุนัขหิวไปขย้ำ, หรือเมื่อเห็นผู้หญิงคนไหนท้อง ก็บังคับให้ทำแท้งอย่างโหดร้าย ความชั่วทั้งปวงของเธอ ทำให้ได้รับฉายาจากพวกนักโทษว่า “ไฮยีน่าแห่งเอาชวิตซ์”
มีรายงานว่ากรีสใฝ่ฝันจะสมัครเป็นดาราภาพยนต์หลังสิ้นสงคราม แต่สงครามกลับไม่ได้สิ้นสุดในลักษณะที่เธอคิด
ในปี 1945 สงครามโลกครั้งที่สองยุติโดยนาซีเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มีทัพพันธมิตรบุกมาช่วยชาวยิว จับกุมพวกนาซี กรีสก็ถูกจับด้วย
มีการตั้งศาลขึ้นมาพิจารณาอาชญากรสงคราม คดีกรีสนั้นได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยพวกนักโทษที่เคยถูกเธอทำร้ายต่างมาให้การกล่าวโทษเธอ ส่วนสื่อมวลชนเห็นเธอหน้าตาดีจึงตั้งฉายาว่า “The Beautiful Beast” หรือ “สัตว์ร้ายงดงาม”
1
เมื่อเภทภัยมาถึงตัวกรีสเองก็กลัวตาย...
เอาจริงๆ เธอมิได้กล้าหาญอะไร... ขณะที่พวกนาซีอื่นๆ ยืดอกรับความตายอย่างสงบ เธอกลับเป็นคนสุดท้ายที่ดิ้นรนประท้วงคำตัดสินประหาร ผลักดันความผิดทั้งหมดให้คนอื่น
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 1945 กรีสถึงจุดจบด้วยการแขวนคอ ก่อนตายเธอร้องเพลงสรรเสริญพรรคนาซีเป็นเวลานาน
เธอเสียชีวิตอย่างรวบรัดในลักษณะอันมีเมตตากว่าคนที่เธอเคยก่อกรรมไว้ด้วยมาก
...ขณะนั้นเธอมีอายุเพียง 22 ปี จบชีวิตอันชั่วช้าและน่าสังเวช ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ระบบที่เลวทรามยิ่งกว่าเธอ...
สามารถตามข่าวสารของ The Wild Chronicles พร้อมกับอ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์แปลกๆ ทั่วโลกเพิ่มเติมได้ โดยสมัคร line OA ของเพจที่ https://lin.ee/fNEO1jr
ครับ
โฆษณา