8 เม.ย. 2023 เวลา 11:39 • นิยาย เรื่องสั้น

“เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ผมขับรถไปกับเพื่อนแล้วเกิดอุบัติเหตุ

รถเสียหลักข้ามเกาะกลางมาชนร้านค้าอีกฝั่ง ตำรวจก็เข้ามาไกล่เกลี่ย เช้าวันรุ่งขึ้นผมต้องขายมอเตอร์ไซค์และเอาเงินเก็บทั้งหมดมาชดใช้ความเสียหายให้เจ้าของร้าน อุบัติเหตุครั้งนั้นเปลี่ยนชีวิตเลย ผมเครียดมาก แฟนเพิ่งทิ้งไปอีก เลยมีความคิดแย่ๆ ว่าจะไปโดดน้ำ แต่พอเดินขึ้นไปบนสะพานพระปิ่นเกล้า มีไรเดอร์คนหนึ่งจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ เขาทำท่าจะโดด ผมเลยวิ่งเข้าไปห้าม ทั้งที่เรากำลังจะโดดเหมือนกัน ผมถามว่า ‘จะทำอะไร’ เขาบอกว่า ‘ผมจะโดดน้ำตาย’ ตอนนั้นผมคิดในในว่า อ้าว เหมือนกูเลย (หัวเราะ)
“ผมเข้าไปกอดตัวเขาไว้ เราเลยได้คุยกัน เขาเล่าว่าเมียเพิ่งพาลูกหนีกลับบ้าน ผมเลยเล่าชีวิตตัวเองให้ฟัง ทั้งเรื่องแฟนทิ้งและเรื่องอุบัติเหตุ คนกำลังจะโดดน้ำสองคนมาคุยกัน กลายเป็นว่าเรากอดกันแล้วร้องไห้ (หัวเราะ) ตอนนั้นคนสัญจรไปมาก็จอดดูว่าเกิดอะไรขึ้น คงดูออกแหละว่ากำลังจะโดด น่าจะมีคนถ่ายไปลงโซเชียลด้วย เวลาเกือบเที่ยงแล้ว ผมเขินๆ เลยเดินลงมา ตรงใต้สะพานพระปิ่นเกล้ามีคนมาแจกข้าว คนไร้บ้านต่อแถวกันเยอะ ผมกำลังหิวเลยไปต่อบ้าง
ตอนนั้นเลยคิดได้ว่า พวกเขายังอยู่กันได้ ทำไมเราถึงจะอยู่ไม่ได้ล่ะ งั้นอยู่แบบนี้ไปก่อนละกัน เดี๋ยวค่อยหางานทำ
“ช่วงแรกที่ผมออกมานอนข้างนอก รู้สึกแปลกๆ นะ อายคนด้วย แต่พยายามคิดว่า คนคนอื่นยังอยู่กันได้เลย จำได้ว่าคืนแรกยุงเยอะมาก แต่มีคนไร้บ้านเอา ก.ย.15 และซอฟเฟลมาให้ เวลาใครมาแจกข้าว ผมก็วิ่งไปรับ วินาทีนั้นไม่อายแล้ว ผมนอนอยู่หลายที่ ส่วนใหญ่จะอยู่แถวถนนราชดำเนินตรงข้ามโชว์รูมเบนซ์ เราอยู่ด้วยกันสามคน มีคนหนึ่งเดินไม่ค่อยไหว เราก็วิ่งเอาข้าวเอาน้ำมาให้ เวลาผ่านไปเขานอนเสียชีวิตตรงนั้น
ช่วงนั้นผมตั้งใจไว้ว่า อยากหางานให้ได้เร็วที่สุด เพราะอยากกลับมาเช่าห้องเหมือนเดิม เวลาใครมาให้ลงทะเบียนอะไร ผมไปลงชื่อตลอด แต่สุดท้ายก็เงียบกันหมด
“จนวันหนึ่งผมได้เจอกับคุณกุ๊งกิ๊งและคุณจ๋า (เจ้าหน้าที่โครงการจ้างวานข้า มูลนิธิกระจกเงา) เขาลงมาสำรวจคนไร้บ้านที่อยากทำงาน ผมเลยสมัครไปทำงานกับโครงการจ้างวานข้า เดือนแรกของที่นั่นยังได้งานแค่สัปดาห์ละวัน แต่ความตั้งใจของผมคืออยากมีเงินไปเช่าห้อง พอมีเถ้าแก่อยากได้คนไปอยู่โรงงานรับซื้อเศษเหล็กที่ฉะเชิงเทรา ผมเลยไป ระหว่างนั้นผมยังติดต่อกับเพื่อนที่ทำงานอยู่โครงการจ้างวานข้าตลอด
จนผมตัดสินใจกลับมาทำงานที่โครงการจ้างวานข้าอีกครั้ง เจ้าหน้าที่คงเห็นว่าผมตั้งใจ เลยเพิ่มวันทำงานให้ พอทำไปสักพักก็พาไปเช่าห้องด้วย
“การนอนข้างนอกกับนอนในห้องต่างกันเยอะครับ ความสบายต่างกัน ความปลอดภัยก็ต่างกัน ถ้านอนข้างนอก เราหลับได้ไม่เต็มตื่นหรอก ระแวงตลอดเวลา หลับลึกก็อาจของหายได้ ผมยังไม่เคยหาย เพราะเก็บเป็นอย่างดี สำหรับผม การมีบ้านคือความภาคภูมิใจนะ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากขึ้น เป็นการบอกว่า ชีวิตของเรายังไม่ไร้จุดหมาย เป้าหมายต่อไปของผมคือการเก็บเงินให้ได้หนึ่งแสนบาท ถ้าเก็บได้แล้วก็อยากกลับไปเยี่ยมบ้านพี่ชายที่ขอนแก่น ซื้อของอร่อยๆ ไปให้เขา
“พี่ชายไม่เคยว่าอะไรเลย เขาบอกด้วยว่าอยากให้กลับไปอยู่ด้วยกัน แต่ผมยังรู้สึกว่าตัวเองด้อยๆ เมื่อหลายปีก่อนเคยไปเยี่ยมเขา ผมเจอเพื่อนบ้านถามว่า ‘ทำมาหากินอะไร’ ‘เก็บเงินได้เท่าไรแล้ว’ ‘มีรถหรือยัง’ ‘มีเมียหรือยัง’ มีแต่คำถามจากเพื่อนบ้านนี่แหละ ผมเลยอยากเก็บเงินให้ได้สักหนึ่งแสน เงินจำนวนนั้นจะเป็นหน้าเป็นตา ทำให้คนอื่นไม่ดูถูก ตอนนี้ผมตั้งใจทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมาย และปรับการกินการอยู่ให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ตั้งใจไว้ว่าคงใช้เวลาสักสองปี”
จ้างวานข้า โดยมูลนิธิกระจกเงา คือโครงการที่เปิดโอกาสให้คนไร้บ้านได้ทำงาน มีทั้งงานคัดแยกสิ่งของที่มูลนิธิได้รับบริจาค งานทำความสะอาดสถานที่ต่างๆ และงานอื่นที่มีการจ้างจากหน่วยงานภายนอก
เบื้องต้นในช่วงทดลองงาน 1 เดือน คนไร้บ้านจะได้งาน 1 วัน/สัปดาห์ ก่อนที่เดือนที่ 2 จะเข้าสู่ ‘โปรแกรมเปลี่ยนผ่าน’ เพิ่มงานให้เป็น 2 วัน/สัปดาห์ พร้อมกับให้เริ่มหาห้องเช่า พอเดือนที่ 3 ทางโครงการจะจัดการเรื่องห้องเช่าให้ โดยชำระค่าเช่า 1 เดือน ค่ามัดจำและค่าประกันห้องต่างๆ และปรับงานให้เป็น 5 วัน/สัปดาห์
นอกจากค่าเช่าห้องแล้ว โครงการยังมี ‘ของตั้งต้น’ ให้กับคนไร้บ้านที่มีห้องเช่าด้วย ทั้งหม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ กะทะไฟฟ้า ที่นอน หมอน พัดลม และกล่องแบ่งปัน ประกอบด้วยข้าวสารอาหารแห้ง ขนม ยารักษาโรค และอุปกรณ์อาบน้ำ ซึ่งได้มาจากโครงการแบ่งปันเพื่อการเปลี่ยนแปลง และโครงการอาสามาเยี่ยม ซึ่งเป็นโครงการภายใต้มูลนิธิกระจกเงา
สนับสนุนจ้างวานข้าได้ที่ โครงการผู้ป่วยข้างถนน โดยมูลนิธิกระจกเงา
เลขที่ 202-2-58289-4 SCB
โฆษณา