24 เม.ย. 2023 เวลา 08:15 • ท่องเที่ยว
ภูเขาไฟอะโซะ

🌋 เที่ยวอะโสะ (Aso) ภูเขาไฟชื่อดังแห่งภูมิภาคคิวชู 🌋

📸 ภูเขาไฟอะโสะ (Asosan) ตั้งอยู่ในจังหวัดคุมาโมโตะ เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคคิวชู และเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
ภูเขาไฟอะโสะ เป็นภูเขาไฟที่ยังไม่สงบ มีปากปล่องภูเขาไฟอยู่หลายปล่องด้วยกัน ปล่องที่เข้าถึงได้ง่ายและมีชื่อเสียงมากที่สุด ก็คือ ปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ(Nakadake) แค่นั่งรถ Shuttle Bus ไปก็จะได้ใกล้ชิดกับภูเขาไฟอะโสะ ที่ยังมีควันโพยพุ่งออกมาค่ะ
คำแนะนำ : ควรเช็คสถานะของปล่องภูเขาไฟก่อนมาทุกครั้ง เพราะบางวันที่ปริมาณก๊าซพิษออกมาจากปล่องภูเขาไฟมากเกินไป หรือมีความเสี่ยงที่จะปะทุ ก็อาจจะปิดปากปล่องภูเขาไฟ ไม่ให้เข้าไปได้ค่ะ
อย่างเช่นวันที่เราไป ภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวยจึงปิดไม่ให้ไปยังปากปล่อง แต่บอกเลยว่าถึงแม้ไม่ได้เห็นปากปล่อง แต่วิวของอะโสะก็สวยมากกก ไม่เสียแรงที่มาเที่ยวที่นี่แน่นอนค่ะ
ทั้งนี้การไปยังปากปล่องภูเขาไฟนั้น ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงนะคะ
ภูเขาไฟอะโสะเที่ยวได้ตลอดทั้งปี สามารถตรวจสอบเวลาทำการ และการเปิดให้เข้าถึงปล่องภูเขาไฟได้จากเว็บไซต์ http://www.aso.ne.jp/~volcano/eng/
แผนที่เดินทางไปยัง Kumamoto
🚂 วิธีเดินทาง : ภูเขาไฟอะโสะ (Aso) เท่าที่เราทราบ มีอยู่ 2 วิธีนะคะ
1. เช่ารถขับเอง เป็นวิธีที่สะดวกที่สุด โดยเริ่มต้นจาก นั่งรถไฟมายังเมืองคุมาโมโตะ (หากใครมี JR Pass North Kyushu ก็สามารถใช้ได้เลยนะคะ) ทางเราแนะนำให้นอนที่โรงแรมในเมืองคุมาโมโตะ แล้วขับรถไปเที่ยวอะโสะแบบ One Day trip ค่ะ
สำหรับการเช่ารถขับในประเทศญี่ปุ่น ทุกคนต้องมีใบขับขี่สากล ซึ่งต้องทำมาจากประเทศไทย ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากแค่มีใบขับขี่รถยนต์ พาสปอร์ต และรูปถ่ายหน้าตรงขนาด 2 นิ้ว 2 รูป พร้อมเงิน 505 บาทก็ทำได้เลย แต่อย่าลืมจองคิวผ่านทางแอพปลิเคชั่น DLT ก่อนด้วยนะคะ
ครั้งนี้เราจองรถเช่าผ่านแอพพลิเคชั่น KLOOK กับทางร้าน Nippon car rental โดยเราเช่ารถยนต์ Toyota Yaris แบบ 12 ชั่วโมง ได้มาในราคา 7150 เยน หรือประมาณ 2000 บาทค่ะ สามารถไปรับรถที่ร้านได้เลย ซึ่งร้านตั้งอยู่หลังสถานี JR Kumamoto โดยเดินทะลุสถานีไปก็จะเห็นร้านเช่ารถสีแดงๆ เด่นเป็นจุดดึงสายตาอยู่เลยค่ะ
รถที่เราเช่าขับ
การขับรถยนต์จาก Kumamoto Station ไปยังภูเขาไฟอะโสะ มีระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาขับรถประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที เพราะรถที่ญี่ปุ่นขับได้แค่ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ระหว่างทางนั้นก็จะมีป้ายจราจรควบคุมความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นส่วนใหญ่…ที่ญี่ปุ่นขับรถพวงมาลัยขวาเหมือนที่ไทยนะคะ แค่รู้กฎจราจรของที่นี่ก็ขับได้สบายค่ะ
2. รถไฟ JR โดยนั่งจากสถานีคุมาโมโตะไปยังสถานี JR Aso แล้วนั่งรถบัสจากสถานี JR Aso มาลงที่ Aso Sanjo Terminal
💴 อัตราค่าเข้าชม
ภูเขาไฟอะโสะ หากเราขับรถมาเอง จะจอดถ่ายรูปตรงไหนก็ได้ ไม่เสียเงินสักกะบาท แต่ถ้าต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอะโสะ (Aso Valcano Museum) มีค่าเข้าชม 840 เยนค่ะ หรือหากไม่เข้าชม แต่ต้องการจอดรถเพื่อเดินชมคุสะเซ็นริ ต้องจ่ายค่าจอดรถเป็นเงิน 500 เยน (ไม่กำหนดเวลาจอดนะจ๊ะ)
และที่เที่ยวของอะโสะที่เราจะแนะนำให้ไปกันมีดังต่อไปนี้ค่ะ
วิวระหว่างทางค่ะ สวยมาก
📸 ทุ่งหญ้าคุสะเซ็นริ (Kusasenri) เป็นทุ่งหญ้ากว้างๆ ที่มีภูเขาล้อมรอบ ให้บรรยากาศแบบเทือกเขาแถวยุโรป และมีทะเลสาบอยู่กลางลานกว้าง คิดจินตนาการไปเองว่า หากอากาศหนาวจัดๆ ทะเลสาบตรงนี้น่าจะกลายเป็นน้ำแข็งแล้วเดินผ่านไปได้ รึเปล่านะ?
วิวภูเขา
วิธีเดินทาง คือ ขับรถมาตามทางใน Google map จะเจอจุดชมวิว ขับรถลงมาจากจุดชมวิวนิดหน่อยก็จะเจอกับพิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟอะโสะ ซึ่งมีลานจอดรถ และ Food center หากใครหิวเราแนะนำให้ลองทานราเม็งท้องถิ่น ซึ่งเราจำชื่อไม่ได้… แต่จำได้แค่ว่าอร่อยที่สุดเท่าที่ได้กินอาหารญี่ปุ่นทั้งหมดมาในทริปนี้เลยล่ะค่ะ
ลานจอดรถ
เราไปที่นี่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ อากาศประมาณ 3-4 องศาเซลเซียส ยังคงมีหิมะตกอยู่ ทุ่งหญ้าเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีเหลืองทอง ตัดกับวิวเบื้องหลังที่เป็นวิวภูเขาสีน้ำตาลเข้ม มันสวยจนไม่สามารถที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลยจริงๆ ค่ะ
วิวทะเลสาบ
หากเราเดินตัดทุ่งหญ้าไป ก็จะเจอกับเนินเขาเล็กๆ ชันนิดหน่อย ลื่นพอเป็นกระสัย ให้เราได้ขึ้นไปถ่ายรูปมุมสูง และชมวิวแบบ 360 องศา เว่อร์มากแม่…
หลังจากอื่มท้อง อิ่มตา อิ่มใจ เราก็ขับรถต่อไปยังที่ต่อไปกันค่ะ
📸 อะโสะ ซันโจ เทอมินัล (Aso Sanjo Terminal)
เป็นสถานีรถบัสบนยอดเขาอะโสะ โดยจะมี Shuttle Bus พานักท่องเที่ยวเดินทางไปยังปากปล่องภูเขาไฟนาคาดาเกะ หากไม่ได้เช่ารถขับเองก็สามารถขึ้นรถบัสจากสถานี JR Aso แล้วมาต่อรถ Shuttle Bus ที่นี่ เพื่อไปยังปากปล่องภูเขาไฟได้เลยค่ะ เมื่อก่อนจะมีกระเช้าไฟฟ้าให้ขึ้นไปยังปากปล่องภูเขาไฟ แต่ตอนนี้ได้รื้อถอนออกไปและยกเลิกให้บริการแล้ว เหลือเพียง Shuttle Bus เท่านั้น
ถ้าหากขับรถมาเอง สามารถขับรถไปจอดได้ที่ลานจอดรถใกล้สถานีอะโสะซันโจได้เลยค่ะ
ภายในสถานีมีร้านค้าขายของที่นะลึกด้วยนะคะ หากใครสนใจสามารถเข้าไปแวะชมแวะซื้อกันได้เลยค่ะ
แวะถ่ายรูประหว่างทางขับรถไปยังอะโสะซันโจ
📸 ศาลเจ้าอะโสะ ซันโจ (Aso Sanjo Shrine)
เป็นศาลเจ้าเล็กๆ ตั้งอยู่ใกล้ๆกับสถานีอะโสะซันโจ คนญี่ปุ่นนิยมมาขอพรเกี่ยวกับความรัก นอกจากเรื่องความรักก็จะมีเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพด้วยนะ ตอนเราไป เราได้เขียนขอพรลงไปบนผ้าแล้วผูกรวมไว้กับเชือก ซึ่งไม่รู้ว่าคนญี่ปุ่ณเขาเรียกว่าอะไร ตอนเขียนก็คิดในใจว่าต้องเขียนภาษาอะไร กลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่ไม่เข้าใจ เลยเปิด Google translate แล้วเขียนลงไปเป็นภาษาญี่ปุ่นแทนค่ะ แฮะๆ
ศาลเจ้าอะโซะซันโจ
หลังจากไหว้ศาลเจ้าเสร็จพวกเราก็ขับรถกลับคุมาโมโตะกันเลย เพราะตอนเราไปที่ทุ่งคุสะเซ็นริ เจอพายุหิมะลง ต้องรอให้หิมะหยุด หมอกหายไปก่อนถึงจะออกเดินทางต่อไปยังจุดอื่นได้ ถึงแม้เราจะเจอกับอุปสรรคแต่เราก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบที่หาไม่ได้จากประเทศไทย คือประสบการณ์ติดพายุหิมะค่ะ ฮ่าๆๆๆ
สภาพเมื่อพยายามถ่ายรูปท่ามกลางหิมะ
แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า ขอให้พระคุ้มครองทุกคนนะคะ บ้ายบายค่ะ
ใครอยากได้บรรยากาศแบบเต็มๆสามารถดูได้ในลิ้งค์ YuoTube ด้านบนได้เลยนะคะ
โฆษณา