30 เม.ย. 2023 เวลา 04:11 • ท่องเที่ยว
Ushguli

Ushguli หมู่บ้านที่สูงที่สุดในยุโรป หมู่บ้านมรดกโลก

ครั้งนี้เราออกเดินทางสู่หมู่บ้าน Ushguli กันค่ะ
23/09/2022
การจะเดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้ จะต้องมาสตาร์ทกันที่ Mestia
วิธีเดินทางก็มี 2 วิธีเท่านั้น 1. รถ 2. เดิน
เส้นทางเดินเขา Mestia - Ushguli ถือเป็นเส้นทางยอดฮิตเลยค่ะ
ใช้เวลาเดินทั้งหมด 4 วัน แต่ได้ยินว่าสวยมากๆ ใครสายนี้ก็น่าสนใจนะคะ
แต่คงต้องเสี่ยงกับสภาพอากาศเหมือนกัน ตอนที่มาเจอกับคู่รักที่จะเดินเขาไปอูชกูลิ แต่ว่าฝนตกตลอดทั้งวัน เราพักอยู่ที่นั่น 3 คืน ก็เจอเขาอยู่แต่ในโรงแรม 3 วันเพราะออกไปเดินไม่ได้
ส่วนเราแน่นอนว่าเลือกนั่งรถไปค่ะ
รถสามารถไปหาได้ที่จัตุรัส Seti แต่ของเราจองเอาไว้แล้ว คนขับมารับถึงโรงแรม
เพื่อนร่วมทางครั้งนี้มีเพื่อนชาวอินเดียร่วมเดินทางด้วยอีก 2 คน
อย่างที่บอกว่าฝนตกตลอด และไม่ได้ตกเบาด้วยแต่ค่อนข้างหนักเลย
เราคิดด้วยซ้ำค่ะว่าถ้าไม่ได้จองรถไว้แต่แรกคงไม่ได้ไปแล้ว ตกแบบที่คิดว่าจะเดินเข้าจัตุรัสเมืองยังคิดหนักเลย
พอฝนตกแบบนี้ วิวระหว่างการเดินทางไปยังหมู่บ้านเลยกลายเป็นหมอกไปหมดเลยค่ะ แต่ก็สวยไปอีกแบบ
ฝนตกหนัก และหมอกลงหนาตลอดทาง
เราได้นั่งข้างคนขับเลยเห็นวิวสวยๆ ชัดเลย ที่จริงตอนอ่านรีวิวเคยได้ยินอยู่แล้วว่าคนที่นี่ขับรถเร็ว มาวันนี้เราได้สัมผัสแบบสุดซึ้งเลยค่ะ
คนขับเราคืออะไรแซงได้แซงทุกอย่าง ไม่มีที่ไหนให้แซงก็เหยียบเต็มที่
คือคนนั่งด้านหลังอาจไม่ค่อยรู้สึก แต่นั่งหน้าสัมผัสกับความฉวัดเฉวียนแบบ Full HD ไปเลย
ทางจากเมสเตียไปอูชกูลิเป็นภูเขาค่ะ เพราะว่าฝนตกหนัก เราต้องหยุดรถกันเกือบครึ่งชม. เพื่อรอรถแทร็กเตอร์เคลียทางที่หินถล่มลงมาจากภูเขาด้วยค่ะ
ระหว่างรอเห็นบางคันหันรถกลับด้วย
ตอนแรกก็ใจเสียแล้วว่าจะได้ไปถึงไหม แต่คนขับใจเด็ด และมั่นใจมากว่าผ่านได้ เราก็แบบเอาไงเอากัน
หินกลิ้งลงมาจากทางลาดนี้
ตอนที่ขับผ่านยังมีหินตกลงมาเรื่อยๆ ค่ะ แต่ว่าก้อนเล็ก
คนที่อยู่อีกฝั่งก็จะส่งสัญญาณให้ คนขับรถก็เล็งทางก่อนขับผ่าน
อืม เป็นอีกประสบการณ์ชีวิตดี
แต่เราอยู่ในรถยังขนาดนี้ ตอนที่ใกล้ถึงหมู่บ้านแล้วเห็นคนที่เขาเดินเท้ามา รู้สึกนับถือมากจริงๆ ค่ะ
เมื่อมาถึง (ในที่สุด) คนขับรถก็ไปจอดรถรอที่ Cafe Bar Enguri
จากนั้นนัดแนะเวลากลับกันว่าจะอยู่ถึงกี่โมง
(ใช้เวลาเดินทางมาประมาณ 2 ชม. ค่ะ)
แต่คือฝนมันยังตกตลอด แล้วอากาศก็หนาวมากๆ คิดว่าหนาวแบบเลขตัวเดียว
จากที่เมืองทบิลิซีเมื่อสองวันยังร้อนเหงื่อโชก วันนี้มาแบบเสื้อกันหนาวยังเอาไม่ค่อยอยู่
ดังนั้นใครจะเที่ยวจอร์เจียต้องเตรียมเสื้อผ้ามาเผื่อทุกสภาพอากาศดีๆ นะคะ
บอกตามตรงว่ามาที่หมู่บ้านนี้ มาเพื่อให้ได้พูดว่ามาถึงจริงๆ ค่ะ
เรากัดฟันตากฝน ทนหนาวออกไปเดินเล่นในหมู่บ้าน
แต่ก็เดินดูได้ไม่มากนะ เพราะมันทรมานเกินไปจริงๆ เราไม่ได้เตรียมอุปกรณ์กันฝนอะไรมาเลยด้วย
ภาพมีน้อยมาก เพราะหนาวสุดๆ และฝนตก
พอได้ภาพมานิดหน่อยพอใจแล้วค่ะ
กลับมาสั่งช็อกโกแลตอุ่นๆ อาหารอุ่นๆ ในคาเฟ่กินแทน
พร้อมกับถอดเสื้อกันหนาวไปวางตากฮีตเตอร์ไว้ แต่ดันตากใกล้เกิน + เม้าท์กับคนอื่นเพลิน ทำเสื้อกันหนาวไหม้ไปรูนึงอีกค่ะ (ฮือ)
มาที่นี่ได้เดินดูอะไรไม่มาก แต่ความประทับใจติดตราตรึงใจมากๆ
เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้มาติดฝนอยู่ในหมู่บ้านที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่ในสุดในยุโรปแบบนี้
วันฝนตกอาจเที่ยวอะไรไม่ได้มาก แต่ก็ยังไม่เสียใจที่ได้มา และก็ยังคงจำได้ไม่ลืมค่ะ
พอใกล้เวลากลับฝนก็ซาลง...ระหว่างทางกลับคนขับเลยแวะ Tower of love ให้ด้วยค่ะ
ข้างในหอคอยขึ้นไปได้ แต่ทางขึ้นแคบมาก เราเลยขึ้นไปแค่ชั้นเดียวเล่นๆ ก็ลงมาแล้ว
Tower of love
จากนั้นก็เดินทางตรงกลับเมสเตีย ตอนแรกว่าอยากขึ้นกระเช้า Hatsvali cable car แต่คนขับบอกว่าวันฝนตกแบบนี้เขาจะปิด เนื่องจากลมแรงเกิน กระเช้าแกว่ง ก็อดไปค่ะ
ยอมเข้าโรงแรมแบบว่าง่าย กลับไปทำร่างกายให้อบอุ่นดีกว่า
วันนี้เรามากินมื้อเย็นที่ร้าน Chalet Mestia
ร้านสวย แต่อาหารเฉยๆ มาก ไม่แนะนำเท่าไร
หลังจากวันนี้ เรายังอยู่ต่ออีก 1 วัน 2 คืน
แต่ว่าฝนยังคงตกไม่เลิกค่ะ มาหยุดเอาเช้าวันกลับ
ก็เลยไม่ได้เที่ยวอะไรเลย ตอนแรกดูแพลนมาว่าจะไป
Chalaadi gracier หรือ Koruldi lakes เลยไม่ได้ออกไปไหนเลยค่ะ
ที่จริงวันฝนตกแบบนี้ สามารถลองดูรอบหนังเรื่อง Dede ซึ่งถ่ายทำที่เมสเตีย
แล้วไปนั่งดูที่ Bar & Cinéma DEDE ได้นะคะ
ได้ฟีลไปอีกแบบเหมือนกัน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา