18 เม.ย. 2023 เวลา 12:00 • บันเทิง

ทำไมต้องดู suzume no tojimari ?! จะปวดใจเหมือน your name รึเปล่า?!

/สำหรับอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่เพิ่งเข้าโรงไปเมื่อ 12 เมษายนที่ผ่านมา ถือว่ามีรายได้ทะลุในประเทศไทยเกินคาดกว่าที่คิดไว้ ซึ่งตัวเลขอยู่ที่ 6.70 ล้านบาทเลยทีเดียว! เชื่อว่าเม็ดเงินจำนวนนั้นได้มาจากความคาดหวังของเหล่าคนดูที่มีต่อ ผู้กำกับอย่าง “ชินไค มาโคโตะ” เคยฝากความประทับใจ ปวดใจ และ ปวดตับกันไปแล้วกับ “Your name” และ “Weathering with you” ด้วยเอกลักษณ์และลายเส้นผ่านการเล่าจุดเชื่อมโยงของภัยพิบัติกับมนุษย์บนผืนโลกที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
/ในเรื่อง “Your name” จะเป็นภัยพิบัติที่มนุษย์นั้นไม่ได้สร้างขึ้น “Weathering with you” กับการฝืนธรรมชาติที่จะเกิดขึ้น และใน “Suzume no Tojimari” จะสร้างตำนานบทใหม่กับสิ่งที่มนุษย์ได้สร้างขึ้นจนก่อเกิดกลายเป็นภัยพิบัติและต้องการแก้ไขก่อนที่จะสายเกินไป
/โดยเรื่องราวเริ่มจากตัวเด็กสาวอย่าง ซูซุเมะ ที่อาศัยอยู่ในเกาะคิวชู ในวันที่เธอหวังดีช่วยเหลือ ชายแปลกหน้าที่เดินสวนกันตามหาสถานที่ร้างกับ “ประตู ปริศนา” มันกลับตาลปัตร เพียงเพราะเธอยื่นมือเปิดประตูบานนั้น สิ่งที่ตามมาคือ “ภัยพิบัติจากประตู” ได้เกิดขึ้นทั่วแผ่นดินญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยจากการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจของเธอ เธอจึงตัดสินใจแก้ไขความผิดพลาดของเธอด้วยการร่วมมือกับ “โชตะ” ชายปริศนาคนนั้น เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆในญี่ปุ่นเพื่อปิดประตู ก่อนภัยพิบัติจะหลุดออกมา
/แอดที่ได้ไปดูมาแล้วขอสรุปคะแนนความประทับจากความคิดเห็นส่วนตัวตามนี้
คำเตือน : ถ้าใครอยากหลบสปอยส์เราแนะนำให้เลื่อนอ่านบทความอื่นไปก่อนได้เลย
/เนื้อเรื่อง และ การดำเนินเรื่อง 6.5/10✨
สำหรับแอด ตัวเรื่องมีการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างเร็วรวมทั้งตัวเรื่องเป็นการดำเนินเรื่องแบบการเดินทาง เราจะเห็นได้ว่าตัวของนางเอกจะพบเจอคนที่หลากหลายและได้ทำความรู้จักคนมากมาย ซึ่งใช้เวลาเพียงสั้นๆเท่านั้นสามารถทำให้เราอินตามได้ แต่ในทางกลับกันการสานสัมพันธ์กับ “โชตะ” พระเอกที่ “ซูซุเมะ” เดินทางไปด้วยกันกลับไม่ได้ทำให้เราอินกับความรักของพวกเขามากพอที่จะเข้าใจถึงจุดที่พวกเขาสามารถยอมเสียสละหรือต่อสู้ให้กันและกันได้ขนาดนั้น
กลับกันเรากลับประทับใจการเล่าอดีตของ ซูซุเมะ ที่เธอมีปมเกี่ยวกับภัยพิบัติซึ่งมันส่งผลต่อจิตใจ และตัวเธอเองก็ได้ลืมเลือนมันไปหมดจนเหมือนลืมตัวตนที่แท้จริงไป สิ่งนี้อาจเป็นที่มาทำให้เธอต้องเกี่ยวข้องในการยับยั้งไม่ให้เหตุการณ์เลวร้ายเกิดอีกครั้งเพื่อที่เธอจะได้แก้ปมของตัวเองที่ยังคงคาใจเธออยู่ลึกๆ
/เพลงประกอบ 8/10✨
ต้องยอมรับว่าทำให้ขนลุกเหมือนเดิมและสามารถดึงดูดให้เราโฟกัสกับฉากที่ดำเนินเรื่องได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะฉากในเมืองโตเกียวที่ถูกเล่าและเป็นจุดคลายข้อสงสัยหลายๆอย่าง บอกเลยว่าหลังจากดูแล้วแอดมานั่งฟังsoundtrack เปล่าๆก็ยังสามารถขนลุกได้ ซึ่งเพลงที่ถูกดำเนินเรื่องก็ได้วงอย่าง “Radwimps” มาเชิดฉายอีกเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นเพลง title อย่าง “Suzume” หรือเพลงตอนท้ายของหนังอย่าง “Tamaki” นั้นเอง ทุกคนสามารถไปฟังได้ทั้ง spotify,youtube music และ apple music
/ภาพประกอบและโมชั่น 10/10✨
เราขอเทคะแนนให้เต็มสิบไปเลยในข้อนี้ ลายเส้นทิวทัศน์และมุมกล้องสตอรี่บอร์ด ของผู้แต่งยังคงสามารถตราตรึงให้เราจดจ้องอยู่กับหนังได้ตลอด 2 ชม. แบบไม่มีสะดุด อีกทั้งเรายังจะได้เห็นญี่ปุ่นในมุมมองเมืองที่มีเสน่ห์แตกต่างกันไป ไม่เหมือนกับอนิเมชั่นสองเรื่องแรก ซึ่งจะเล่าเรื่อง 1-2 เมืองเท่านั้น
ในด้านแฟนตาซีก็สามารถบรรยายความน่ากลัวของภัยพิบัติ(หรือตัวหนอนที่ในเรื่องได้นิยามไว้)ได้ดีเช่นเดียวกัน แอบทำแอดขมวดคิ้วทุกครั้งที่โผล่มาและลุ้นไปพร้อมๆกับตัวเอกว่าจะสามารถปิดประตูส่งสิ่งนั้นกลับไปได้หรือไม่
/สุดท้ายนี้ ภาพรวมเราขอให้คะแนนที่ 8/10 ✨
ถือเป็นอนิเมชั่นที่มีภาพจำและเป็นหนังต้นปีเรื่องนึงที่คุ้มค่าที่เสียเงินเข้าไปดู อย่างไรก็ตาม อนิเมชั่นสะท้อนแง่คิดหลายมุมมองให้เรา เช่นประตูที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ก็เหมือนกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่มนุษย์เพิกเฉยและปล่อยจนถูกทิ้งเหมือนกับพื้นที่ร้าง หากเราจะแก้ไขก็คงไม่มีวิธีไหนดีไปกว่าตัวเราเองที่จะสามารถคืนลมหายใจจากธรรมชาติที่เราหยิบยืมมา
เหมือนกับบทพูดที่เราจะได้ยินตลอดเรื่องก่อนที่ตัวเอกจะผนึกประตูว่า “ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงสถิตอยู่ใต้ดินแดนแห่งนี้ ปกป้องคุ้มครองเรามาหลายชั่วคน ภูเขาและแม่น้ำทุกสายที่เป็นของท่าน ซึ่งเรายึดถือเป็นของเรา…มาแสนนาน ขอส่งคืนกลับไป “🕊️
โฆษณา