Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
All about เรื่องมันส์มันส์
•
ติดตาม
30 เม.ย. 2023 เวลา 03:13 • ศิลปะ & ออกแบบ
ตอนที่ 3
ปัจฉิมบท ย้ายไป Saint Remy ( พค. 1889 )
ท้าวความเดิม จากตอนที่ 2
หลังเรื่องตัดใบหู อาการของแวนโก๊ะห์ในแต่ละวันแต่ละคืน ยังคงมีขึ้นๆลง บางคืนไม่หลับไม่นอน ส่งเสียงกรีดร้อง จนข่าวถึงหูธีโอ ซึ่งเห็นท่าอาการพี่ชายจะแย่ลง จึงแนะนำให้ไปรักษาอาการทางจิตที่ รพ. ประสาทโดยเฉพาะที่เมือง แซงต์ เรมี ( Saint -Remy) ซึ่งตั้งอยู่ในเขต โปรวองซ์ ตอนใต้ของฝรั่งเศสเช่นกัน
จะว่าไปแล้ว ชีวิตช่วงที่มีความสุข(บ้าง)ที่สุดของเขา น่าจะเปนช่วงที่อาศัยที่เมือง Arles นี่แหละ
แต่ก็เป็นได้แค่ปีเศษๆ ก็กลับมาทุกข์จากอาการทางจิตและเรื่องทะเลาะกับโกแกงเสียนี่
ฤาว่านี่เปนชาตากรรมที่พระเจ้าทรงลิขิตขีดเขียนเส้นทางไว้แล้ว ???
แวนโก๊ะห์ ย้ายจากเมือง Arles ไป ยังเมือง Saint Remy เพื่อเข้ารับการบำบัดอาการทางจิต ที่ รพ.ประสาทชื่อ Saint Paul de Mausole ในกลางเดือน พฤษภาคม 1889
หมอวินิจฉัยว่า เขาเปน ลมบ้าหมู ที่กลีบสมองส่วนข้าง( โรคลมชักชนิดหนึ่ง )
ภายหลังมีจิตแพทย์คิดว่า เขาน่าจะเปน จิตเภท ชนิด Bipolar หรือ Manic depressive มากกว่า เพราะมีวงจรชีวิตที่ช่วง Mania (บ้า) ทำงานหามรุ่งหามค่ำ และหมกมุ่นการวาดภาพ (ช่วง 10 สัปดาห์ก่อนตาย เขาวาดภาพสีน้ำมันเฉลี่ยถึงวันละภาพ - รวม70 ภาพ ) และมีช่วงที่ชีวิตซึมเศร้า จนกระทั่งยิงตัวเองในวันสุดท้าย ( แต่ภายหลัง ก็มีคนแย้งอีกว่า แวนโก๊ะห์ไม่ได้บ้า และที่ยิงตัวตายนั้นไม่ใช่ เขาถูกเด็กหนุ่มที่ผ่านมาในทุ่งหญ้าที่เขาวาดภาพอยู่ยิงด้วยสาเหตุที่ทะเลาะกันมากกว่า)
ที่รพ.แห่งนี้ เขาอาศัยห้องชั้นล่าง นอกจากห้องพัก ยังมีห้องเล็กๆที่ให้เขาใช้เป็นห้องวาดภาพ โดยมีหน้าต่างมองออกไปเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ด้วย
เขาวาดภาพสภาพใน รพ. , ลานดอกไม้ และอื่นๆ ช่วงที่อาการดีขึ้น หมอก็อนุญาตให้เขาแบกเฟรมผ้าใบและพกนำพู่กันและหลอดสีออกนอกสถานที่ไปวาดภาพได้พร้อมผู้ติดตาม 1 คน
ภายในโรงพยาบาล
กำเนิด THE STARRY NIGHT ( 1889 )
ภาพที่โลกจำและโด่งดังสุดๆ คือ the Starry night (1889) นั้น เชื่อว่า เขาวาดจากการเห็นดวงดาวและดวงจันทร์ บนท้องฟ้า จากการนั่ง(หรือนอน ไม่ยืนยัน)มองผ่านหน้าต่างห้องใน รพ.แห่งนี้นี่เอง
เป็นท้องฟ้า ในคืนวันที่ 19 June 1889 เวลาประมาณ ตี 4 !!!
(ยังดีไม่ระบุ ว่า ตี 4 กี่นาที)
19 มิถุนายน 1889 ที่ รพ.ประสาทในเมือง Saint Remy เวลาประมาณตี 4 แวนโก๊ะห์ มองท้องฟ้าจากภายในห้อง เห็นภาพท้องฟ้ายามย่ำรุ่ง ที่ดาระดาษไปด้วย กลุ่มดาวแกะ ( Aries ) ทางซ้ายมือด้านบน ต่ำลงมาเป็นแสงสุกเปล่งปลั่งของดาวประจำเมือง (ดาวศุกร์) ส่วนทางขวามือ คือ แสงสกาวขาวเด่นของดวงจันทร์ข้างแรม (รูปร่างออกกลมรี)
ภาพ Starry night พลันเกิดขึ้นจากสิ่งที่ตาเห็น และประทับลงไปในดวงจิต แล้วถ่ายทอดสู่เฟรมผ้าใบ
เวลานี้ มีคนลองproof ข้อเท็จจริงดู โดยการใช้โปรแกรมย้อนปฏิทินดาราศาสตร์ เพื่อดูว่า ตำแหน่งดาวในคืนดังกล่าว โดยปักหมุด GPS ที่ รพ ดังกล่าวด้วย ก็พบว่า ตำแหน่งดวงดาวหลักๆ และตำแหน่งดวงจันทร์ ตรงกับภาพวาดจริงๆ ต่างกันที่ดวงจันทร์ ของจริงเป็นดวงข้างแรม รีๆคล้ายลูกรักบี้ แต่ ในภาพวาดเป็นจันทร์เสี้ยว แต่ก็มีคนดูว่า เดิมวาดจันทร์เต็มตามจริง แล้วมีรอยแต่งลดเปนจันทร์เสี้ยว
ในภายหลัง อาจจะเพื่อความโรแมนติค และความสวยงามของภาพ
ยังมีข้อถกเถียงกันในหมู่คนว่างงานอีกว่า เขาลงมือวาดท้องฟ้าหน้างานตอนตี 4 จนเสร็จ หรือว่าเห็นท้องฟ้าคืนนั้นและจำเอา หรืออาจจะร่างคร่าวๆไว้ มาวาดในวันอื่น กันแน่ ?
wiki บอกว่า เขา จำภาพท้องฟ้าไว้ แล้วมาวาดตอนกลางวัน บางคนแย้งว่า เขาชอบกลางคืน วาดตอนที่เห็นเลย อีกอย่าง ใครจะไปจำรายละเอียดตำแหน่งดาวและสภาพอื่นๆได้เล่า(วะ) ?
ประเด็นนี้ไม่ขอข้องเกี่ยว เดี๋ยวจะเขียนกันเปนพันโพส
เมฆที่ม้วนหมุนวน คล้ายทางช้างเผือก หรือ สะท้อนความว้าวุ่นในใจ
starry night over the Rhone
ดวงจันทร์ของจริงคืนนั้นกลมออกรี แต่ดูหมือนมีรอยวาดทับใหม่ให้เปนรูป จันทร์เสี้ยว ซึ่งดูสวยกว่า
ต้นสนไซเปรสซ้ายมือ ก็ถูกวาดเพิ่มมาในภายหลัง
โดยภาพนี้เป็น ภาพสีน้ำมันที่เกิดขึ้นจากเทคนิคการป้ายสีลงจากหลอดโดยไม่ผ่านพู่กัน ตัวภาพจึงมีความเข้มข้นชัดเจนสะท้อนความช็อกที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย ผ่านสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคงของตัวเขา
ความฉวัดเฉวียน ทำให้ภาพที่ออกมามีความ ขมุกขมัว ไม่นิ่ง และเข้มข้นมากกว่าปกติ อย่าง น้อยก็มากกว่าภาพวาดในจํานวนหลายร้อย ชิ้นของเขาตอนที่ยังมีสติสัมปชัญญะดีอยู่
กลางภาพคือ โบสถ์และหมู่บ้าน ในตัวเมือง ต้นสนไซเปรสด้านซ้ายถูกวาดเพิ่มภายหลัง ใบและยอดพวยพุ่งสู่สรวงสวรรค์ ( ความตาย ? ) ดวงจันทร์เดิมเป็นจันทร์ข้างแรม รีๆคล้ายรักบี้ ซึ่งไม่มีความสวย แต่ถูกลบและแต่งให้เหลือเป็นจันทร์เสี้ยว ( ซึ่งทำให้ภาพไม่แบนและเพิ่มความสวยงามชวนโรแมนติคขึ้น )
ดาวสุกสกาวเปล่งปลั่งสีขาวข้างขวา ของสนไซเปรส คือ ดาวศุกร์ - ดาวประจำเมืองซึ่งดูสว่างกว่าดาวดวงอื่น
เปรียบเทียบภาพท้องฟ้าจริง vs ภาพวาด ลองขยายดูสิ จะทึ่ง !
ชีวิตใน รพ. ที่ แซง เรมีช่วงกลางปี 1889 จนถึงต้นปี 1890 อาการของเขา ก็มีทรงๆทรุดๆ ในช่วงแรก พอปลายปีค่อยดีขึ้น เขาเขียนถึงธีโอว่า อยากกลับไปปารีส เพื่ออยู่ใกล้กัน
และแล้ว 31 มกราคม 1890 ก็มีข่าวดีที่ ธีโอ ได้รับกำเนิดลูกชายคนแรก แวนโก๊ะห์ดีใจมาก และวาดภาพ ชื่อ อัลมอนด์ แตกกิ่ง ( Almond blossom )ให้เป็นของรับขวัญหลานชาย
ในภาพ กิ่งและดอกอัลมอนด์ ออกชมพู พื้นหลังภาพสีฟ้าอมเขียว โทนออกแนวภาพญี่ปุ่น ที่ช่วงนั้น อิทธิพลภาพพิมพ์ของญี่ปุ่น เข้ามาสู่กลุ่มลัทธิประทับใจ
เป็นอีกภาพที่ได้รับการประมูลราคาติดอันดับโลก
Almond blossom วาดมอบให้หลานชาย ลูกคนแรกของธีโอ
Van gogh coffee ที่ After U มาเปิดร้านในงาน
ยังมีภาพกิ่งไม้ ดอกไม้ที่สวยงามหวามไหว ไม่แพ้ Almond blossom นี้อีกภาพ คือ ภาพ the Irises วาดช่วงอยู่บ้านเหลือง เมืองอาร์ล
Irises
บทจะมีข่าวดี ก็ไม่มีแค่ข่าวเดียว !
ธีโอแจ้งมาว่า ภาพ the Red Vineyards ของเขาเป็นภาพแรกที่ขายได้แล้ว ราคาดีด้วย 400 ฟรังซ์ (เทียบเท่า 13,000 บาท ในตอนนั้น) และ เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักวาดภาพแนว Impressionist รวมถึงในหมู่ผู้ซื้องานศิลปะด้วย !
เมื่อมีเรื่องราวดีๆเข้ามา และปารีสจะมีงานแสดงภาพ แวนโก๊ะห์จึงปรึกษาธีโอ เพื่อย้ายกลับมาปารีส
ธีโอจึงติดต่อสถานบำบัดเล็กๆตอนเหนือใกล้ปารีสที่ Auvers sur Oise- ออแวร์ ชูร์ อัว โดยมี หมอ กาเช่ท์ - Dr. Paul Gachet ซึ่งอยากเป็นจิตรกร เป็นผู้ดูแล แวนโก๊ะห์สอนวาดภาพให้หมอกาเช่ท์จนสนิทกันในเวลาอันรวดเร็ว และแวนโก๊ะห์วาดภาพเหมือน หมอในท่านั่งเท้าแก้มให้ สองภาพ
ภาพเหมือนหมอ กาเช่ท์ ได้รับจัดอันดับ ภาพแพงที่สุดในโลกอีกภาพ ราว 4 พันล้านบาท ( ติดอันดับคนละปีกับภาพดอกทานตะวันในแจกัน)
ที่ทั้งสองเข้ากันได้ดี มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า หมอกาเช่ท์เองก็เพี้ยนพอๆกัน !
ภาพ Dr. Gachet หมอผู้ดูแลแวนโก๊ะห์ช่วงสุดท้ายของชีวิตและอยากเป็นจิตรกร
ช่วงนี้ แวนโก๊ะห์ ไม่ต้องนอน รพ.อีกแล้ว เขาเช่าห้องที่ รร. Ravoux inn และออกหาทำเลวาดภาพนอกสถานที่ไปเรื่อยๆ และไปสถานบำบัดบางวันแบบ ผู้ป่วยนอก
ทุกอย่างเหมือนจะสงบ และเริ่มเป็นไปด้วยดี
แต่บนความสงบของเปลือกนอกนั่นเอง ที่พายุร้ายกำลังจะพัดผ่านมา !
วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎา 1890 แวนโก๊ะห์หอบเฟรมผ้าใบและอุปกรณ์วาดภาพ ไปภาคสนามในทุ่งหญ้าตามลำพังเหมือนเคย
แล้วเสียงปืนจากกระบอกรีวอลเวอร์ที่เขานำไปด้วยก็แผดก้องไปทั้งท้องทุ่ง
กระสุนฝังอยู่ในอกของเขา !!
เขาโซซัดโซเซกลับมาที่พัก ร่างกายโชกไปด้วยเลือดแดงฉาน
เจ้าของ รร. ตามหมอกาเช่ท์ มา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ต้องการไป รพ.
กว่าจะติดต่อธีโอได้ ก็ล่วงมาอีกวัน แต่ก็ยังดีที่ทันดูใจพี่ชาย
ก่อนจะสิ้นใจ แวนโก๊ะห์ขอไปป์เพื่อสูบยาจากธีโอ
ธีโอบอกว่า แวนโก๊ะห์ เจ็บปวดกับหลายสิ่งในชีวิต และบอกว่า เขาต้องการที่จะตายสถานเดียว
แวนโก๊ะห์ จากโลกนี้ไป เมื่อเวลาตี หนึ่งครึ่ง ของวันอังคาร ที่ 29 กรกฎา 1890
พอกันที กับโลกใบนี้ เขาจะไประบายสีเหลืองกับท้องฟ้าบนสรวงสวรรค์
ไปสร้างสรรค์ ความสวยงามให้ เทวดาและพระเจ้าได้ชื่นชม
STARRY STARRY NIGHT ..........
Wheatfield with crows ภาพสุดท้ายในชีวิต (1890)
หลังจากวาดภาพ Wheatfield with Crows (ทุ่งข้าวสาลีกับอีกา) เสร็จเมื่อต้นเดือนกรกฎา 1890
เชื่อกันว่าเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายใน ชีวิตของเขา
ในวันอาทิตย์ ที่ 27 กรกฎาคม 1890 มีคน พบแวน โกะห์ ถูกยิงที่หน้าอกอาการบาดเจ็บ
สาหัสก่อนที่จะเสียชีวิตในอีกสองวันต่อมาด้วย
อาการติดเชื้อในกระแสเลือดในวัยเพียง 37 ปี
รายงานอย่างเป็นทางการระบุว่าเขาฆ่าตัวตาย
แต่ล่าสุดมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าเขาน่าจะเสีย
ชีวิตจากอุบัติเหตุในยามที่มีปากเสียงกับเด็ก หนุ่มผู้คึกคะนองในละแวกนั้นมากกว่า
เพราะสงสัยกันว่า ไม่มีวี่แววที่ชัดเจนนักว่าเขาจะทำร้ายตัวเอง และ เขาเอาปืนมาจากไหน ?
มีผู้วิเคราะห์ถึงสภาพจิตใจของเขาจากภาพๆนี้
บรรยากาศของท้องฟ้าในภาพดูน่าสะพรึงกลัวและดูปั่นป่วน ฝูงอีกาโบยบิน เหนือทุ่งข้าวสาลี และเส้นทางแพร่งที่ถูกตีความหมายถึงเส้นทางแห่งความตายของเขาที่กำลังจะมาเยือน
นอกจากนี้ ราย ละเอียดและองค์ประกอบของภาพ สื่อถึง เส้นทางเดินตรงกลางที่ลัดเลาะผ่านท้องทุ่ง กลับคล้ายทางแพร่งในทุ่งรวงข้าวสาลี แต่ ปลายทางนั้นกลับคล้ายเส้นทางที่เลือนหาย ไป ราวกับบ่งบอกถึงทางตันที่เลือนหายและความสับสนในจิตใจของแวน โก๊ะที่ไร้ ทางออกของชีวิต
ราวกับเป็นสัญญะของ ความตาย และด้วยบรรยากาศของภาพที่ เงียบเหงา วังเวง และแฝงไว้ด้วยลางร้ายของความตาย โดยฝูงอีกาสีดำที่สื่อถึงรวมทั้งท้องฟ้า สีน้ำเงิน ที่ดูหดหู่
องค์ประกอบของภาพจึงถูกตีความหมายถึงช่วงสุดท้ายแห่งชีวิตของ เขาที่ใกล้ดับสูญ จึงทำให้มีคนจำนวนไม่น้อยพร้อมที่จะ เชื่อกันว่า Wheatfield with crows ก็คือภาพสุดท้ายในชีวิตของเขา
เกร็ดความรู้
เรื่องเล่า
บันเทิง
บันทึก
2
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Van Gogh จิตรกร ที่ โลก ต้องจำ !
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย