30 เม.ย. 2023 เวลา 09:46 • บันเทิง

ตอนที่ 4 บางเรื่องมันส์ๆของ Van Gogh

บ้าก็บ้า (วะ)
บันทึกส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า แวนโก๊ะห์บ้า หรือป่วยทางจิต มีส่วนน้อยที่แย้งว่า เขาจิตปกติ ( เป็นธรรมดาของเรื่องในตำนาน ที่นานเข้า จะเริ่มมีมุมมองที่แตกต่างตรงข้าม เพราะความเชื่อกระแสหลักมันถูกเขียนซ้ำๆซากๆจนหมดจุดขายแล้วไง )
มีคนแย้งว่า แวนโก๊ะห์จะบ้าได้อย่างไร ในเมื่อภาพวาดหลายๆภาพ มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ว่า เขาวาดจากของจริง และรายละเอียดเหล่านั้น ต้องใช้สมาธิและสติในการวาดอย่างยิ่ง
คนประสาทหลอน หรือจิตใจไม่นิ่งจะวาดได้อย่างไร ?
ตัวอย่าง ภาพมวลหมู่ดาวที่สกาวฟ้า ในหลายๆภาพที่ โด่งดังนั้น ตรงตามตำแหน่งดาวของจริง ทั้งในวันเวลา และตำแหน่งโคจรในท้องฟ้า
เรามาชมกันดูสิ (มีทั้งชม และทั้งดูซ้ำๆกัน ครูภาษาไทยท่านไหนมาอ่านเจอ คงจะมือกำไม้เรียว !)
เริ่มที่ภาพสุดดัง The Starry night ( คศ 1889 )
เดอะ สตาร์รี่ไน้ท์ (1889)
เวลา ตี 4 ของ คืนวันที่ 19 มิถุนา 1889
สถานที่ รพ. Saint Paul de Mausole
เมือง Saint Remy
มีผู้ตกงาน เอ๊ย ว่างงานใช้ โปรแกรมดาราศาสตร์ย้อนเวลาไปถึงวันเวลา และ ตำแหน่งGPS สถานที่ข้างต้น ดูท้องฟ้าเวลานั้น ก็พบว่าพระจันทร์เสี้ยว สุกสกาวอยู่ด้านขวามือ ตามภาพจริงๆ ต่างกันตรง จันทร์เวลานั้นเป็นจันทร์ข้างแรม เป็นทรงรีออกทางกลม แต่ในภาพวาดเป็นจันทร์เสี้ยว แต่ก็มีร่องรอยลบและทาสีป้ายให้ออกเป็นเสี้ยว
คงเพื่อความสวยงามและ ให้ภาพไม่ดูแบน
**** หมายเหตุ
ที่เรารู้ว่า แวนโก๊ะห์วาดภาพนี้ วันเดือนปีไหน นั้น ต้องยกเครดิตให้ลุงโก๊ะห์เอง ที่ช่างเขียนจดหมายถึงใครต่อใคร โดยเฉพาะเขียนถึงธีโอมากที่สุด
แกเขียนว่า วาดภาพนี้เสร็จแล้ว และมี คหสต. -ความเห็นส่วนตัว ความรู้สึกต่อภาพอย่างโง้นอย่างงี้
คนรุ่นหลังเลยได้หลักฐาน เอกสารชั้นต้นแบบสบายเสบย ไม่ต้องลงแรงมากเหมือนค้นคว้าเรื่องของคนอื่นๆ !!!
ดาวดวงโตสุกขาวสกาว ตรงด้านขวาของสน Cypress ลุงโก๊ะห์ บรรยายใน จดหมายว่า คือ ดาวประกายพรึก หรือ ดาวศุกร์ ซึ่งก็ตรงความจริงอีก
ส่วนดาวที่เรียงกันแนวนอนสี่-หกดวง ด้านขอบบนของภาพ ก็คือ ดาว ราศีเมษ (ดาวแกะ - Aries )
ซึ่งท้องฟ้าคืนนั้น ก็ อยู่ในตำแหน่งตามรูปจริงๆ
ตำแหน่งดาวและดวงจันทร์ ในคืนนั้น ส่วนสนไซเปรสซ้ายมือ วาดเพิ่มขึ้น ยอดพวยพุ่งขึ้นฟ้า สัญญะของความตาย
ภาพถัดมา The Starry night over the Rhone ( คศ. 1888 ) เมือง อาร์ล
ในวงคือ กลุ่มดาว หมีใหญ่ ( Ursa Major ) 7 ดวง ไทย=ดาวจระเข้ , อังกฤษ= ดาวไถ , จีน = ดาวกระบวย
ีอีกภาพ The Cafe' terrace at night ( 1888 ) เมือง Arles
กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ ( Aquarius ) ราศีกุมภ์
ดูออกไหมว่า ตรงกับข้างบนตรงหนาย ตรงใต้อักษรAQU นั่นไง
Cafe' สถานที่จริง ปัจจุบัน ทางร้านยังเปิดโกยเงินอยู่
Le Cafe' La Nuit เมือง Arles
โดยผู้ที่ต้องการเยี่ยมชม และดื่มกาแฟในบรรยากาศจริง ก็สามารถไปดูกัน ได้ที่ร้านกาแฟ Le Café La Nuit ที่ตั้งอยู่ทางมุมตะวันออก เฉียงเหนือของ Palace du Forum เมือง Arles ทางตอนใต้ ของฝรั่งเศส ทางร้านยังมีชื่อร้านให้จำง่ายขึ้นอีกชื่อว่า Van Gogh Cafe
แหม การตลาดเก่งจริงนะพ่อคู๊ณ !!! รวยๆๆๆ
แวนโก๊ะห์ สนใจติดตามข่าวสารวิทยาศาสตร์ แบบนี้ จะบ้าได้อย่างไร ?
SUNFLOWERS - ทานตะวัน กับ สีเหลือง
แวนโก๊ะห์ ชื่นชอบสีเหลือง ซึ่งเขารู้สึกว่า เป็นสีที่สื่อถึงความหวัง ดังนั้น จึงชื่นชอบดอกทานตะวันด้วย เพราะทานตะวัน ดอกโตส่งสีเหลืองแบบแลเห็นเด่นแต่ไกล
ในจดหมายถึงธีโอ แวนโก๊ะห์บอกว่า the sunflower is mine
แวนโก๊ะห์ วาดภาพดอกทานตะวันไว้หลายภาพ ชุดแรกวาดไว้ 5 ภาพ ในปี 1887 ขณะอยู่ที่ปารีส ได้แรงบันดาลใจจากเห็นหมู่ดอกทานตะวันที่ ย่าน
มงมาร์ต ( Mont marte')แหล่งพบปะของศิลปินยุคนั้น
ภาพดอกทานตะวันที่วาดที่ปารีส ในปี 1887 มีจำนวน 5 ภาพ เป็นทานตะวันที่วางกับพื้น
ทานตะวันชุดถัดมา วาดใน 2 ช่วงเวลาห่างกันสี่เดือน วาดตอนย้ายจากปารีสมาเมือง Arles แล้วเพื่อไว้แสดงที่ชั้นล่างของ Yellow house
เขาวาดในเดือนสิงหาคม 1888 จำนวน 4 ภาพและวาดเพิ่มในเดือน มกรา 1889 อีก 3 ภาพ( 3 ภาพชุดหลังนี้ ล้วนวาดก๊อปปี้ภาพที่วาดในเดือน สิงหาทั้ง 3 ภาพเพื่อสำเนาเก็บไว้)รวมเป็นจำนวน 7 ภาพ
ภาพชุดที่วาดที่เมือง อาร์ลทั้งหมดนี้ เป็นภาพทานตะวันที่ปักอยู่ในแจกัน
และเป็นภาพจำที่โลกรู้จัก เพราะมีอยู่ 1ภาพ เปนภาพที่มีทานตะวัน 15 ดอกในแจกัน เป็นภาพที่แขวนในห้องนอนโกแกงที่ บ้านเหลือง และเคยติดอันดับ 1 ภาพที่แพงที่สุดในโลกมาแล้ว ราคา 2,549 ล้านบาท !
ผมชอบภาพนี้ เพราะดูสีสันสวยสดตัดกันดีมาก
ภาพ 6 ดอกนี้ น่าจะเป็นภาพเดียวกับข้างบน ที่เสียหายไปที่ญี่ปุ่น
ภาพ 12 ดอก สังเกตว่าพื้นผนังเปนสี เทอร์ควอยน์สดใส
ภาพนี้สำคัญสุด (15ดอก) วาดช่วง สิงหา 1888 ที่อาร์ล เพราะเปนภาพทานตะวัน 1 ในสองที่แขวนในห้องโกแกงตอนที่พักด้วยกัน และเปนภาพที่โกแกงบอกว่า completely Vincent (เพราะ เหลืองทั้ง ดอกไม้ ฉากหลังและโต๊ะ เพียงแต่เหลืองต่างเฉดกันเท่านั้น)
ภาพก๊อปปี้ 15 ดอก ไม่มีลายเซนต์ว่า Vincent
จะสังเกตได้ว่า ภาพก๊อปปี้ข้างบน ( ภาพ 15 ดอกวาดก๊อปโดยตัวเขาเอง) วาดช่วงเดือน พย ต่อ ธค 1888 ไม่มีลายเซนต์ชื่อ และสีสว่างกว่า เพราะช่วงนั้น เขาได้สีที่มีการผลิตขึ้นแบบใหม่
ภาพนี้ ก๊อปรุ่น 12 ดอก
ภาพก๊อป 15 ดอก อีกภาพ ภาพนี้มีลายเซนต์ ใต้ขอบปากแจกัน และสีจะสว่าง สดใสกว่าภาพที่วาดช่วงสิงหา เพราะเปนสีหลอดรุ่นใหม่
ส่วนภาพที่วาดไว้ก่อน (ช่วง สิงหา 1888) นานเข้า สีรุ่นเดิม มีการเสื่อมลงในปัจจุบันจนดูเหลืองอมน้ำตาลหม่น
ทำไมแวนโก๊ะห์มักจะใช้สีเหลืองในภาพของตัว
ช่วงปี ที่อยู่ปารีสจนช่วงถึงช่วงเสียชีวิต ( 1886-90) บางเล่มเรียกภาพช่วงนี้ว่า Yellow Period เพราะสังเกตกันว่า ภาพวาดของเขาช่วงนี้ สีส่วนใหญ่ใช้สีเหลืองเป็นสีหลัก หรือไม่ก็ออกโทนทางเหลือง
คำพูดนี้ ชื่นชมทั้งสีเหลืองและดอกทานตะวัน
ภาพนี้ออกโทนเหลืองอมส้ม เอ...หรือว่า ส้มอมเหลืองดี ?
นอกจาก ที่ลงความเห็นว่าเป็นความชอบส่วนตัวแล้ว (เจ้าตัวเขียนบอกในจดหมายหลายๆครั้งว่า ชอบสีเหลือง ซึ่งไม่เกี่ยวกับ กปปส. หรืออยู่ฝ่ายเจ้าแต่อย่างใด)
มีผู้สันนิษฐานอีกว่า อาจจะเป็นเพราะตาของจิตรกรเห็นโลกออกในโทนเหลือง จากพิษของยาที่ใช้(และเชื่อว่าสามารถ)รักษาโรคลมบ้าหมูของเขา คือยา Digitalis ซึ่งสกัดมาจาก ต้น ถุงมือหนังจิ้งจอก - Foxglove plants ( ชื่อยังกะสมุนไพรในนิยายกำลังภายใน !)
Digitalis เป็นยาที่ใช้รักษาภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ แต่ในอดีตแรกเริ่ม เชื่อว่าใช้รักษา ภาวะโรคลมชักจากลมบ้าหมูได้ (ภายหลังเลิกไป เพราะไม่ได้ผล คงได้ผลแต่รักษาโรคหัวใจ )
ผลข้างเคียงของยาตัวนี้ คือ ภาวะเห็นของออกโทนเหลือง ( Xanthopsia ) ซึ่งพบไม่มากนัก
Xantho = Yellow Opsia = Vision
ซึ่งผลข้างเคียง เห็นโลกเหลืองนี้ พบน้อย(มาก)
อนึ่ง ภาวะเห็นอะไรเหลืองๆ ในชีวิต ที่เราๆพบกันมากกว่า คือ ภาวะ "ฟ้าเหลือง" ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของการสูญเสียเรี่ยวแรงในชั่วข้ามคืน และมักเกิดกับชายวัยเลยกลางคนขึ้นไป และไม่เกี่ยวกับ ยา ดิจิทาลิส แต่ประการใด ส่วนจะเกี่ยวกับอะไร ใครอยากรู้ ก็หลังไมค์มาถามกัน !
ที่คิดกันว่า แวนโก๊ะห์ อาจจะมี Xanthopsia จาก ยา ดิจิทาลิส เพราะ ในภาพวาด portrait Dr. Gachet นั่น แกถือกิ่ง Foxglove ที่นำมาสกัดเป็นยา Digitalis ใช้รักษาโรคหัวใจและรักษาโรคลมชัก (ยุคนั้น) นั่นเอง !
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า หมอ กาเช่ท์ คนนี้ เป็นหมอคนสุดท้ายที่ได้ดูแลแวนโก๊ะห์ ซึ่งหมอเพิ่งจะมารักษาตะแกในปีสุดท้ายของชีวิต แต่ยุคสีเหลืองของแวนโก๊ะห์นั้น เริ่มก่อนหน้ารักษากับหมอมาหลายปีแล้ว คือ ตั้งแต่อยู่ที่ปารีส และรู้จักกับเพื่อนศิลปินกลุ่ม อิมเพรสชั่นนิสต์นั่นเอง ( Yellow period = 1886-1890)
หรือว่า ตอนมารักษาโรคทางประสาทที่ แซง เรมี แกก็ได้รับ digitalis มาโดยตลอดต่อเนื่อง ?
ดูสีหน้าหมอแกออกกำลังเซ็งสุดขีดอยู่นะ(สงสัยถูกเมียด่า) สังเกตว่า สาบเสื้อ ไม่มีกระดุม
ภาพเหมือน Dr. Gachet หมอคนสุดท้ายที่ดูแลแวนโก๊ะห์ ภาพนี้ ก็ติดอันดับ 1 ภาพแพงที่สุดในโลกด้วย และเทียบค่าเงินแล้ว แพงกว่าภาพ ทานตะวันมากมาย เสื้อมีกระดุม สามเม็ด
เขาวาดภาพท่านี้สองภาพ เพราะของบนโต๊ะวาง ต่างกันเล็กน้อย ภาพหนึ่งกำนัลให้หมอ อีกภาพคงเก็บไว้เอง
ไหนๆคุยเรื่องตาเกี่ยวกับการเห็นสีแล้ว
มีหมอตาที่ช่างสังเกต ได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า
ภาพดวงจันทร์และดวงดาว ใน The Starry night นั่น มันมีรัศมีสีเหลืองสีขาวรอบๆกลมๆ อย่างที่เรียกว่า Halo อาจจะเป็นภาวะ ความดันตาขึ้น จาก ต้อหิน ( Glaucoma ) ก็เป็นได้ !
เอาละสิ ยัด ต้อหิน เพิ่มเข้าให้อีกโรคล่ะ !?!
ความดันตาสูงในต้อหินจะเห็น Halo รัศมีรอบดวงไฟกลม
หมายเหตุ
คำบรรยายบทความข้างบนที่ว่า ต้อหิน ( Glaucoma ) ทำให้กระจกตา ( Cornea ) ดำขึ้นนั้น ผิดพลาดอย่างมาก ที่จริงแล้ว ภาวะความดันตาสูงจาก ต้อหินนั้น ทำให้กระจกตาดำ บวม ต่างหากและส่งผลให้เห็นแสงสว่าง เป็นวงวัศมีรอบๆแหล่งกำเนิดแสง หรืออาจเห็นเปนสีรุ้ง รอบๆดวงไฟ ดังตย. รูปถัดมา
เก้าอี้ ของแวน โก๊ะห์ และ โก แกง
ภาพเก้าอี้ของแวนโก๊ะห์ วาดขึ้นในเดือน พย. 1888 ซึ่งมีการทะเลาะกันมาก่อนวาดหลายหนพอควร ก่อนที่จะทะเลาะกันรุนแรงถึงขั้นมีการตัดติ่งหู ในคืนวันที่ 23 เดือน ธค. ถัดมา
เก้าอี้ของ แวนโก๊ะห์ เป็นเก้าอี้ฟางสานราคาถูกๆ มีไปป์และซองยาสูบราคาถูกวางอยู่ ที่พื้นข้างหลังมุมซ้ายบนมีลังบรรจุหัวหอมมีชื่อเขา บ่งบอกว่าห้องนี้เป็นห้องของแวนโก๊ะห์
เก้าอี้ของโกแกง ดูดีมีชาติตระกูล ดีไซน์โค้งเว้าอ่อนช้อย เบาะที่นั่ง มีเชิงเทียนและจุดติดอยู่ ข้างๆมีหนังสือ สัญลักษณ์ คนมีการศึกษาปนยาชัน ทำนองประชดให้โลกรู้ว่า โกแกงทำตัวหรูหรากว่า ขี้อวดกว่า
เรื่องราวแวนโก๊ะห์ ในยามที่โลกไร้ แวนโก๊ะห์
อย่างที่บอกแต่ต้นแล้วว่า ในยามที่มีชีวิต แวนโก๊ะห์มีชีวิตที่ล้มเหลวไปทุกๆเรื่อง
โลกมาเห็นคุณค่า และให้ราคาเอาเมื่อเขาไม่อยู่รู้เห็นความสำเร็จของตนแล้ว
มีอะไรตามมาอีก หลังจากโลกเริ่มตื่นตากับผลงานภายหลังการตายของเขา ?
อันนี้ ขอตัดก๊อปมาดื้อๆแล้วกัน เอามา จาก A day เพราะเขียนไว้ดีมากอยู่แล้ว
Lust for Life (1934) คือนิยายชีวประวัติโดย นักเขียนชาวอเมริกัน Irving Stone ที่หยิบยกเอา เนื้อหามาจากจดหมายที่เขาเขียนถึงน้องชาย ธีโอ ซึ่งต่อมาในปี 1956 ถูกนำมาทำเป็นหนังในชื่อ
เดียวกัน นำแสดงโดย พ่อคางบุ๋ม เคิร์ก ดั๊กลาส พ่อของอีตาไมเคิล ดั๊กลาส (พระเอกคู่สาวร้อน ชารอน สโตนในเรื่อง Basic instinct ที่สุดฮือฮากับฉากชารอนนั่งไขว่ห้างสลับขาอ้าซ่าสองวินาที -สองวินาทีที่หยุดโลก !)
หนังสือ ชื่อเดียวกัน เขียนโดย Irving Stone
เพลงนี้ ไม่ต้องพูดถึงอีก
Eternity's Gate
จิตรกรชาวอเมริกันชื่อดังผู้ผันตัวเป็นผู้
กํากับหนังมือรางวัลอย่าง Julian Schnabel ก็ หยิบยกเอาชีวประวัติของแวนโกะห์ ในช่วงที่
อาศัยและทำงานอยู่ในเมืองอาร์ลส์มาถ่ายทอดลง ในหนังเรื่องล่าสุดของเขาอย่าง At Eternity's Gate (2018) โดยมีนักแสดงเจ้าบทบาท Willem Dafoe รับบทเป็น วินเซนต์ แวน โกะห์ อีกด้วย
จิตรกรชาวโปแลนด์ Dorota Kobiela
และโปรดิวเซอร์รางวัลออสการ์ชาว
อังกฤษ Hugh Welchman หยิบชีวิตของแวน โกะห์ มาถ่ายถอดผ่านหนังแอนิเมชั่น Loving Vincent (2017) เล่าเรื่องราวไฟแห่งการ สร้างสรรค์และโศกนาฏกรรมแห่งชีวิตของแวน โกะห์ จากการรวบรวมจดหมายกว่า 800 ฉบับที่ เขาเขียนเอาไว้ ความพิเศษอยู่ที่การใช้ภาพวาด ของเขากว่า 120 ภาพมาสร้างภาพเคลื่อนไหวที่ วาดด้วยมือโดยมีไฮไลต์อยู่ที่เหตุการณ์น่า สะเทือนใจในชีวิตของเขาซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตที่ ยังคงเป็นปริศนาจวบจนทุกวันนี้
ภาพ animation ในหนังสวยทั้งเรื่อง และเป็นภาพแนว impressionist ทั้งเรื่อง
หนังเดินเรื่องโดยให้ บุรุษไปรณีย์ Joseph Roulin ที่ส่งจดหมายของแวนโก๊ะห์เป็นประจำ นำเอาจดหมายที่แวนโก๊ะห์เขียนถึงพี่ชายก่อนตาย มอบให้ลูกชายตัวเอง เดินทางไปส่งให้ธีโอโดยตรง
ระหว่างเดินทาง ก็จะไปพบปะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแวนโก๊ะห์ และสืบหาว่า แวนโก๊ะห์ถูกใครฆ่า หรือฆ่าตัวตายกันแน่ ?
เมื่อคู่หนุ่มสาวตัวเอกในหนังพาแวนโก๊ะห์เข้าพิพิธภัณฑ์ ศิลปะ ที่มีภาพของเขามากมายแขวนแสดงอยู่ และแวนโก๊ะห์ได้เห็นคนรักงานศิลป์จำนวนมากมาชื่นชมภาพของเขา รวมทั้งได้ยินคนสรรเสริญผลงานที่วาดไว้ เขาถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปิติสุดๆ
ก็เป็นอันว่า ครบสูตรของหัวข้อ ศิลปะ ในโพสของผม คือ เรื่องราวเกี่ยวกับ ศิลปิน / วรรณกรรม /ภาพยนตร์ / ภาพวาด(จิตรกรรม) และ บทเพลง
ท่านผู้อ่านชอบเรื่องราวที่โพส หรือมีความเห็นเพิ่มเติมอย่างไร ก็เชิญส่งเสียงได้นะครับ
พบกันใหม่ เมื่อผมพร้อมครับ สวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา