27 เม.ย. 2023 เวลา 14:24 • ความคิดเห็น
เมื่อคนเราเกิดมา เราก็ได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ค่อยๆเรียนรู้ ..เรื่อนการเรียนหนังสือหนังหา เราก็เรียนรู้จัก เมื่อเราอยากจะทำคะแนน ให้ดี..เราก็ต้องเรียน ขยันทั้งอ่าน ทั้งท่อง จดบันทึก ทบทวนแล้ว ตั้งใจ..คาดหวังว่า ..ถึงวันสอบเราจะพยายาม ทำให้ดี ..แต่มันก็มีเหตุการณ์ ..ร่างกายเราปกติมั้ย อารมณ์ของเราเป็นปกติมั้ย มีความวุ่นวาย วิตกกังวล
หรือ มีใครมายุแหย่ ..อารมณ์มันเสีย ..พอเข้าห้องสอบ ..เราก็ไม่รู้ตัวว่า ..อารมณ์ที่ค้างคาก่อนเข้าห้องสอบมันจะเป็นอุปสรรค ..เข้าห้องสอบ สมองก็ไม่ปลอดโปร่ง มึนงง ..เบลอๆ สมองมันก็เหมือนมีหมอกควัน ..เลือดที่ไปเลี้ยงสมองมันก็เป็นสีดำๆ สมองมันจะทำงานได้เป็นปกติมั้ย เมื่อสมองมันทำงานไม่ค่อยดี อารมณ์ที่ค้างคาใจอยู่ ..มันก็ทำให้จิตใจเราว้าวุ่น ลุกลี้ลุกลน ..ไม่สามารถ .. จิตเราก็ไม่สามรถ ไปดึง ความคิด ..ความจดจัา ที่ดี ๆ ที่เราอ่านจดไว้ ด้วยวิญญาณตา ..บันทึกที่ธาตุทั้งสี่
เรื่องการอ่านหนังสือ ..ก็ควร ทำใจให้นิ่งๆ นึกถึงว่า ..นั่งหลับตา บอกตัวเอง ว่าจิตของข้าพเจ้าอาศัยอยู่ในธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา ข้าพเจ้าจะนำวิญญาณตามาอ่านหนังสือ บันทึกจดจำรลงไปที่ธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา ..(บอกตัวเองให้หูเราได้ยิน) แล้วเราก็สำรวจตัวเราเอง ใจเราเองวุ่นวายอยู่หรือเปล่า
ถ้ายังวุ่นวาย สูดลมหายใจลึกๆ แล้วก็กลั่นลมหายใจ หายใจออกแรงๆ ทำสักสองสามครั้ง สำรวจตัวเอง ว่ามีความวุ่นวายมั้ย เมื่อไม่วุ่นวาย ..ใจไม่วุ่นวาย เราก็บอกตัวเอง เอาตามาอ่านหนังสือ ให้จดจำบันทึก ลงธาตุทั้งสองของคุณบิดามารดา .เมื่อถึงเวลาจำเป็นที่จะใช้ ..ความจำที่บันทึกไว้ เค้าก็จะไหลออกมาให้ เมื่อเวลาจำเป็น..
เรื่องอารมณ์ดีใจ เสียใจ ผิดหวัง มันมีด้วยกันทุกคน เมื่อเกิดมาอาศัยอยู่ในโลก ..มันมีความอยาก ความทะเยอทะยาน กันทุกคน ..มีความหวัง อยากให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ บางครั้งเราก็ต้องเจอะเจออุปสรรค ..การที่มีอุปสรรค ..ส่วนมากมันเกิดขึ้นที่ตัวเราเอง ..เหมือนอารมณ์ ผิดหวังมันเกิดขึ้น
..เราก็ได้เรียนรู้ว่า ความรู้สึกผิดหวังมันเป็นอย่างไร ..มันร้องห่มร้องไห้ เสียใจ ..อ่อนเปลี้ย ..หมดแรง นั่นก็คือ ..อารมณ์.ที่มันเข้ามาครองจิตเราชั่วขณะหนึ่ง เราก็หาวิธีเอาอารมณ์ตัวผิดหวังนั้นทิ้งไป อย่าไปยึดอารมณ์นั่น
แล้วเราก็ทำการทำเรื่องที่เราต้องรับผิดชอบ สลัดไอ้ตัวผิดหวังที้งไป ให้แล้วที่สุด ตัวผิดหวัง มันเหมือน ลูกศรมาปักอก เราก็ต้องรีบเอาออก ..มันผ่านมาแกล้งเรา ..อารมณ์ของเรานั้นแหละ ที่ผุดขึ้นที่ตัวเรามารังแกเราเอง ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก
..ถึงบอกว่า ให้สวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญเล็กน้อยๆ จิตจะได้มีบุญหล่อเลี้ยงเรือนกาย จิตใจมันก็ไม่วุ่นวาย หมั่นทำดู..จะรู้เอง ว่าบุญช่วยเหลือจิตอย่างไร ทำบุญแล้วก็ต้องสังเกตตัวเอง ..ว่าเป็นอย่างไร ..เพื่อเราจะได้รู้จักคำว่าบุญนั้นเป็นอย่างไร นั่นก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน แล้วต้องทำให้ถูกวิธีด้วย จึงจะเกิดคำว่า บุญ..
เพราะขีวิตของคนเรา มันวนเวียน มีคำติคำชม ให้ตาเราดู หูเราได้ยิน ..มีันก็มีอารมณ์พอใจไม่พอใจ ไม่ได้ดังใจอะไรมากมาย ที่จะเกิดขึ้น ..แล้วก็อาศัยสติของเรา จับพลิกอารมณ์ ขึ้นมาดูว่าเป็นอย่างไร ..ความรู้สึกนึกคิดที่มากับอารมณ์ มันนำพาอะไรเกิดขึ้นที่ตัวเรา ไม่ดีเราก็ทิ้งมันไป
เห็นว่าดี ..ก็ต้องทบทวนแล้วทบทวนอีก ว่าดีจริงหรือ นั่นเป็นคำตอบให้แก่จิตของเรา ..ต้องทบทวนตัวเอง อารมณ์ของตัวเอง. เพื่อจะได้รู้จักว่า ..ศัตรูที่แท้จริงก็คืออารมณ์ ..เค้าว่าใช้เวลาเป็นชาติๆ กว่าจะรู้จัก..อารมณ์..เห็นอารมณ์เป็นศัตรูของจิตตนเอง ที่จริง ..อารมณ์..ๆ เราก็พูดได้ ..อารมณ์ไม่มีตัวตน .เพราะยึดถืออารมณ์ ..มันจึงเกิดมีตัวตนขึ้นในจิตเรา
โฆษณา