29 เม.ย. 2023 เวลา 03:22 • ไลฟ์สไตล์

สามีไม่เอาไหน “อยากเลิก” แต่เป็นห่วง “ความรู้สึกลูก”

เป็นอีกกรณีการโค้ชที่เมื่อโค้ชกันจบ
ผมต้องขออนุญาต โค้ชชี่เพื่อนำเรื่องราวบางส่วน
มาเล่าเป็นวิทยาทานให้กับท่านทั้งหลาย
ได้อ่านกันด้วย เพราะผมมองว่า
ไม่ใช่แค่กับโค้ชชี่ ที่กำลังเผชิญเรื่องราวแบบนี้
แต่มีอีกหลายคนก็เผชิญอยู่ แต่ไม่กล้าที่จะเล่าให้ใคร
ที่ไว้ใจฟังได้ แต่กับโค้ชมืออาชีพ สามารถเล่าได้อย่างสบายใจ
ไม่ต้องถูกตัดสิน ไม่ต้องถูกซ้ำเติม ไม่ต้องกังวลว่า
เรื่องราวจะถูกนำไปนินทา
โค้ชชี่ท่านนี้ซื้อ Package แบบอันลิมิต 6 เดือนไว้
ซึ่งหลังจากที่โค้ชกันจบแค่ในครั้งแรก
โค้ชชี่ มีความสบายใจ ค้นพบทางออกจาก
สถานการณ์ที่แบกความลำบากใจมาหลายปี
ก่อนการโค้ชกัน โค้ชชี่หน้าตาเคร่งเครียด
ไม่มีรอยยิ้มแม้สักเสียวหนึ่งของใบหน้า
แววตา มีความเศร้าและความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อโค้ชกันจบ โค้ชชี่ยินดี และอนุญาต
ให้ผมนำมาเล่าเพื่อเป็นประโยชน์กับ
หลายๆคนที่กำลังเผชิญปัญหาคล้ายๆกันอยู่
ไม่ใช่ทุก Case ที่ผมจะขออนุญาตโค้ชชี่มา
แบ่งปันเรื่องราวนะครับ เหตุเพราะว่า
Case นี้ เริ่มต้นจากการที่โค้ชชี่ขออนุญาตผม
ที่จะสบถอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนต่อหน้าใคร
พอผมอนุญาตเท่านั้นแหละครับ
มากันเต็มสวนสัตว์ และเรี่ยราดในแบบ
เหมือนไม่ได้ถ่ายอุจจาระมาสัก 20 ปี
เรื่องแบบนี้ ผมเชื่อว่ามีคนอีกมากมายที่อึดอัด
แต่แอ๊ปมีความสุขต่อหน้าผู้คนและบนโลกโซเชี่ยล
แท้จริงแล้วเก็บอุจจาระทางอารมณ์
ซึ่งใหญ่กว่าไดโนเสาร์ 100 ตัวไว้ในใจ
หาทางออกไม่ได้ ไม่รู้จะปรึกษาใคร
จะไปพูดคุยกับโค้ช ก็มีค่าใช้จ่าย
ผมจึงขออนุญาตโค้ชชี่มาแบ่งปัน
เพราะผมเชื่อในใจลึกๆว่า โค้ชชี่ก็ยินดีเป็นวิทยาทานให้
สถานการณ์เป็นอย่างนี้ครับ
โค้ชชี่เป็นคุณแม่อายุ 40 นิดๆ
มีลูกชายและลูกสาว วัยกำลังน่ารักรวม 2 คน
และเป็น Working Woman ที่ไม่ได้เป็นเพียง
แม่บ้านเลี้ยงลูกเท่านั้น แต่ยังทำงานหารายได้
ร่วมกับสามีอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นครอบครัว
คนชั้นกลางในสังคมไทย ที่อยู่บ้านเดี่ยว
มีรถ 2 คัน ลูก 2 คน และสุนัข 1 ตัว
ความคับข้องใจของโค้ชชี่ ก็คือ
สามีที่อยู่กินกันมา 10 กว่าปี เป็นคนที่
ขี้เกียจ ชิลไปวันๆ กลับจากที่ทำงานมา
ตอนเย็นก็ทานข้าวที่ภรรยาเตรียมไว้ให้
ตัวเองนั่งดูซีรี่ย์ ดู YouTube จนอาบน้ำและนอน
สำหรับภรรยานะหรอ
กลับจากที่ทำงานเตรียมอาหารให้ทั้ง
สามี ลูกๆ เก็บล้าง พาเด็กๆทำการบ้าน
อาบน้ำ จัดกระเป๋าเรียน และเตรียมอาหารเช้า
เพื่อที่ตอนเช้าจะได้ใช้เวลาไม่นาน
พอจัดการลูกเสร็จ ก็รีบจัดการตัวเอง
อย่างรวดเร็ว และพาลูกเข้านอน
สำหรับสามี ยังคงนั่งดูซีรี่ย์ต่อไป
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ต่างคนต่างใช้กระเป๋า
ของตัวเอง เมื่อไรที่เป็นค่าใช้จ่ายลูก
ก็จะผลัดกันจ่าย โดยไม่ทราบว่าอีกฝ่าย
มีค่าใช้จ่ายอะไรและเท่าไร
และทุกครั้งที่คุยกัน จะมีอารมณ์ขุ่นมัว
กระแทกอารมณ์ใส่กันแทบทุกครั้ง
เมื่อได้ฟังสถานการณ์เรื่องราวมาพอประมาณ
ผมมีข้อสังเกต (ในใจ) ดังนี้
.
1. เรื่องที่เล่าเป็นเพียงมุมมองของฝ่ายภรรยาเท่านั้น
แม้โค้ชเองก็ไม่อาจไปตัดสินได้ว่า ภรรยาหรือสามี
ใครเป็นฝ่ายถูกฝ่ายผิด
.
2. การที่ต่างคนต่างไม่แบ่งปันเรื่องการใช้จ่าย
ให้ฟังกัน มันสะท้อนถึงการมีกำแพงอะไรบางอย่าง
ในเรื่องการสื่อสารของทั้งสามีและภรรยา
.
3. อะไรทำให้สามีมีพฤติกรรมเช่นนั้น
ทั้งๆที่ก่อนแต่งงาน หรือก่อนมีลูกด้วยกัน
ภรรยาพอจะคาดเดาได้ไหมว่า
เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่
จะเป็นอย่างที่เล่ามานี้
4. อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์
ดูจะเหินห่างกันขึ้นเรื่อยๆ
.
5. เมื่อภรรยาเจอพฤติกรรมของสามีแบบนี้
ฝ่ายภรรยามีวิธีตอบสนองต่อตัวเอง และสามีอย่างไร
.
6. ที่สำคัญที่สุด คือ เป้าหมายของภรรยา
อยากให้สถานการณ์นี้จบแบบไหน
คราวนี้ ผมขอมาเฉลยเบื้องหลังวิธีคิด
ของการทำหน้าที่โค้ชกับเฉพาะ Case นี้
ให้กับทุกท่านได้ใช้ประโยชน์กันนะครับ
:
1. โค้ชมีหน้าที่เป็นกลางได้แต่ “ฟัง” แบบ “ไม่อิน”
โค้ชจะเข้าข้างใครไม่ได้เลย ตัดสินไม่ได้เลยว่า
ใครถูกใครผิด พฤติกรรมนั้นเหมาะควร หรือไม่เหมาะ
.
2. คนส่วนใหญ่เวลาจมอยู่กับปัญหา
มักจะค้นหาทางออกไม่เจอ จะทำอะไร
ก็ติดเงื่อนไข ติดข้อจำกัด มากมายไปหมด
ดังนั้น โค้ชเองเหมือนคนอยู่ปากเหว แต่ส่งใจ
ลงไปนั่งข้างๆ ที่ก้นเหวด้วย
ดังนั้น โค้ชต้องมีสติ พาขึ้นจากเหวให้ได้
อย่าไปจมด้วยเด็ดขาด
3. โค้ชจะไม่แนะนำ เพราะทางออก
ที่เหมาะกับโค้ชชี่ ต้องเกิดจากโค้ชชี่เอง
การแนะนำจะไม่มีทาง Fit in กับโค้ชชี่ได้เลย
เว้นแต่ จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาช่วยนำทางขณะโค้ช
.
4. การสื่อสาร คือ หัวใจที่สำคัญมากถึงมากที่สุด
รวมถึงการสื่อสารกับตัวเอง เมื่อใดที่เกิดความขัดแย้ง
ในใจแม้กับตัวเอง หรือผู้อื่น การได้สื่อสารกัน
ในแบบที่เรียกว่า Deep Talk ภาษาง่ายๆ คือ
คุยกันได้ทุกเรื่อง แม้แต่เรื่องที่เล็กที่สุด
นั่นแหละ คือ ที่มาของความเข้าใจในกันและกัน
5. ช่วยท้ายของการโค้ชกัน ผมได้ให้โค้ชชี่สรุป
สิ่งที่จะต้องไปทำต่อด้วยตัวโค้ชชี่เอง
ได้ข้อสรุปหลายข้อเชียว แต่ข้อที่สำคัญที่สุด
คือ โค้ชชี่จะไปเปิดใจพูดคุยกับสามี
ในทุกประเด็นที่คับข้องใจ ในแบบที่
มีสติที่สุด แบบที่ยังรักเหมือนตอนแต่งงานกันใหม่ๆ
ให้ได้มากที่สุด แล้วโค้ชกันครั้งหน้า
จะมา Update ให้โค้ชฟัง
เริ่มต้นที่ติดลบ
จบลงด้วยความสุข ผมก็ Happy แล้วครับ
:
—————————————-
DISCLAIMER : ทุก Dilemma ที่นำมาเล่า …..
✅เราได้ขออนุญาตเจ้าของเรื่องแล้วทุกเรื่อง
✅เราเลือกเฉพาะเรื่องที่น่าจะเป็นประเด็นอ่อนไหว
(คนส่วนมากไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง อึดอัดที่จะพูด)
✅เราเลือกเฉพาะเรื่องท้าทายในการหาข้อสรุป
✅เราเลือกเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนอื่น
✅เราเลือกเรื่องที่ “เงิน” ช่วยเราแก้ปัญหาไม่ได้
🌼🌼และทุกหัวข้อที่นำมาเล่า เจ้าของเรื่องอนุญาตให้บอกต่อเรื่องราว
โดยไม่ระบุตัวบุคคลเพื่อเป็นวิทยาทานกับบุคคลทั่วไป
ที่ไม่สะดวกมีค่าใช้จ่ายในการ Coaching ครับ
🌼🌼 Line : @bqc.coaching
—————————————-
Tanakrit Jarusroongchawalit
Naphichaya Phacharapiyangkul
:
โฆษณา