29 เม.ย. 2023 เวลา 06:05 • ความคิดเห็น
เราลองมาฟัง เรื่องราวของจิตผู้หนึ่ง ที่ท่านพูดให้ฟัง..
การที่มนุษย์มากมายกายกอง เดี๋ยวเกิดที่โน้น..เดี๋ยวเกิดที่นี่ แล้วก็จะดับขันธ์ไปในที่สุด คือผู้ที่ได้เกิดมาแก้ไขเรื่องราวต่างๆ บางคนก็รู้บางคนก็ไม่รู้ ผู้ที่ไม่รู้ว่าเกิดมาจากดินแดนที่เค้าให้มาแก้ไขของตัวเอง
ผู้ที่รู้ก็มาจาก..จาก เบื้องบน คือ ผู้ที่มาจาก ชั้นอินทร์ ชั้นฟ้า ที่ มีความสง่างามของจิตที่เกิดขึ้น จึงไม่รู้จัก คำว่าดินฟ้าอากาศที่จะร้อนจะหนาว จะมีฝนมีอะไรต่างๆ พวกนี้จะอยู่เฉย รับรู้ว่านั้นคือ ความร้อน นั่นคือ ความหนาว นั่นคือน้ำ นั่นคือลม เกิดจากผู้ที่มีบุญบารมี ที่มาศึกษา ..เรื่องราวปลดเปลื้อง..เรื่องราวของอารมณ์กรรมตัวกระทำของตัวเราเอง ให้แก่จิตนั่นๆ ที่เกิดมา ที่สูงๆ ก็ได้ศึกษาเรื่องราวต่างๆ .. ที่เกิดมาที่ต่ำ ก็ทำตัวต่ำต้อยลงไป..ก็เลยมีการคลุกเคล้ากันอยู่ในโลกมนุษย์นี้
การที่จิตที่จะไปหยั่งรู้ได้ มันต้องเป็น จิตสัพพัญญูญาณ ที่ไม่มีอะไรปิดกั้น จิตของท่านได้เลย จิตของบุคคลที่จะเข้าถึง ดินฟ้าอากาศ ต้องอาศัยการสะสมบุญกุศลบารมี มาเป็นอเนกชาติ เพื่อรู้จักเรื่องราวของกายเกิดแก่เจ็บตาย แล้วทำอย่างไรจึงไม่ต้องมาเกิด
หากหยั่งรู้ ..แล้วต้องมาเกิดมาตาย เกิดทีไรมันก็ต้องมีทุกข์ แล้วการหยั่งรู้แบบนั่น จิตจะได้ประโยชน์อะไร ..แล้วเรื่องของปัญญาธรรมที่จะนำกายวาจาใจ ออกไปจากกองทุกข์ ..ที่ห้อมล้อมด้วยอารมณ์ต่างๆ ควรจะทำอย่างไร มีช่องทางอะไร ..ที่ไม่ต้องใช้ ไม่ต้องมามีอารมณ์โลภโกรธหลงอีก
จิตของคนเรา ..หากปลดเปลื้องเรื่องอารมณ์ที่ปกปิด เอาออกไปได้ จิตของเราก็จะสว่างไหว ไม่มีอะไร ..แต่นั่นแหละ ..มีใครบ้างที่เอาสิ่งที่ปกปิดจิตนั้นออกไปได้ แล้วเราเอง ก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำไป ว่าจิตมีอะไรปกปิดอยู่ มันจึงอุปโลกน์ว่า ข้าเป็นผู้หยั่งรู้ด้วยอารมณ์ที่ส่งให้.ให้จิตนั้นรู้จัก..ยึดอารมณ์นั้น ปกปิดจิตของตัวเอง
โฆษณา