8 พ.ค. 2023 เวลา 16:55 • ท่องเที่ยว

รีวิว Hong Kong Airlines [Business Class] เเบบตรงๆ เมษายน 2566

วันนี้เราจะมารีวิวสายการบิน Hong Kong Airlines ชั้น Business Class
ทั้งหมดเกิดจากเราเเพลนจะไปเที่ยวฮ่องกง ช่วงหลังสงกรานต์ เลยนั่งหาตั๋วเครื่องบิน เปรียบเทียบชั้นธุรกิจของสายการบินต่างๆ
ที่มีเส้นทางกรุงเทพฯ - ฮ่องกง โดยเราหาตั๋ววันที่ 6 เมษายน ต้องการเดินทางในวันที่ 17 เมษายน (น้อยกว่า 2 อาทิตย์ล่วงหน้า ราคาเลยค่อนข้างสูงเเล้ว)
 
ซึ่งตัวเลือกของสายการบินต่างๆ ก็จะมี การบินไทย / Cathey Pacific / Emirates / Hong Kong Airlines
เราจะ list จุดเด่นเเละจุดด้อย ในมุมมองของเรา ที่ทำให้เราเลือกหรือไม่เลือกใช้เดินทางในทริปนี้กัน
การบินไทย
สายการบินประจำชาติเรา เเน่นอน เวลาดี ออกจากไทยเช้าถึงฮ่องกงเที่ยงๆ ส่วนขากลับก็ออกเย็นๆ มาถึงไทยค่ำๆ บินด้วยเครื่องใหม่ อย่าง A350-900 เเละ 777-300ER Business Class จะเป็นคอกใครคอกมัน เเต่ราคาอยู่ประมาณ 26K-32K เเล้วเเต่ช่วง
Cathey Pacific
สายการบินประจำชาติฮ่องกง เวลาดีไม่ต่างจากการบินไทย มี flight เยอะมาก หลายเวลาให้เลือกตลอดทั้งวัน บินด้วยเครื่องใหญ่ อย่าง A350 เเละ A330 ที่นั่งเป็นคอกเช่นกัน ราคาต่ำกว่าการบินไทยนิดหน่อย ต่างกันไม่มาก อยู่ที่ประมาณ 25K-32K
Emirates
สายการบินยักษ์ใหญ่เเห่งตะวันออกกลาง บินด้วย A380 พี่ยักษ์ อารมณ์บินจากดูไบมาเเวะส่งผู้โดยที่กรุงเทพฯ เเละบินต่อไปฮ่องกงด้วย เวลาเลยไม่ค่อยจะดีนัก คือไปถึงฮ่องกง ก็เย็นเเล้ว หมดไป 1 วัน ส่วนขากลับ ออกจากฮ่องกง 3 ทุ่มกว่าๆ ถือว่าเวลาดีอยู่ ราคาต่ำลงมาอีก อยู่ที่ประมาณ 21K-25K
Hong Kong Airlines
สายการบินหนึ่งในฮ่องกง ดูเหมือนจะ full service เเต่บาง review ก็ดูเเล้วเกือบจะเหมือน low cost เครื่องที่บินเป็น A330 เครื่องใหญ่ ที่นั่ง BC เป็นคอกไม่ต่างจากสายการบินอื่นๆ ส่วนเวลาคือเน้นคนที่อยากจะไปเที่ยวเเบบจุกๆ วันลามีจำกัด คือออกจากไทยตี 2 ไปถึง ตี 5 กว่าๆ เเล้วเที่ยวต่อเลย ขากลับออกจากฮ่องกง 22:45 มาถึงไทย 0:45 ของอีกวัน ราคาที่เห็น มีอยู่ตั้งเเต่ 19K-23K เลย เเล้วเเต่ช่วง
ทริปนี้ สุดท้ายเราตัดสินใจเลือก Hong Kong Airlines เนื่องจากตอนที่จอง ตั๋วถูกสุด ได้มาในราคารวมภาษีสนามบินใดๆ อยู่ที่คนละ 23,160 บาท
ถ้าเทียบง่ายๆ จากที่เราหาๆ มา ราคา Business Class เรียงจากถูกไปเเพง คือ
Hong Kong Airlines >> Emirates >> Cathey Pacific >> การบินไทย
มาถึงรีวิวการเดินทางของเราในครั้งนี้กัน
Flight HX780 BKK-HKG
Departure : 02:00
ARRIVAL : 05:40
Counter Check-in ของ Hong Kong Airlines อยู่ที่ประตู 5 เเถว L
Flight ของเราออกเดินทาง ตี 2 ของวันจันทร์
Counter check-in จะเปิดก่อน 3 ชั่วโมง นั่นก็คือ 5 ทุ่มของวันอาทิตย์นั่นเอง
Counter check-in สำหรับชั้นธุรกิจ
วันนี้ เราสามารถโหลดสัมภาระใต้เครื่องได้ 40 KG เเละถือขี้นเครื่อง อีก 7 KG x 2 ชิ้น
การเช็ตอินผ่านไปไว เพราะเเถวไม่ยาว เนื่องจากมีช่องสำหรับชั้นธุรกิจ
ซึ่งการเดินทางด้วยชั้นธุรกิจนั้น เราจะสามารถผ่านช่องตรวจค้นเเละตรวจคนเข้าเมืองช่องพิเศษ (Fast Track) บริเวณเเถว A ได้
คนจะน้อยมากๆ ไม่มีคิวเลย ไม่ถึง 10 นาที ก็จะผ่านทุกอย่างเข้าไปสู่ด้านใน
ช่อง Fast Track
Business Class ของ Hong Kong Airlines จะสามารถเข้าใช้ห้องรับรองของ Miracle Lounge ได้ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่ว terminal เเต่วันนี้เราเลือกมาเข้าที่ Concourse D เพราะตอนเเรกเราไปตรง Concourse F เเละ G เนื่องจากใกล้ประตูขึ้นเครื่อง เเต่คนเเน่นมาก เเละเลาจน์ค่อนข้างเล็ก คิดว่าตรง D น่าจะใหญ่กว่า เเละก็ใหญ่กว่าจริงๆ
เเผนที่ Miracle Lounge สนามบินสุวรรณภูมิ
ภายใน Miracle Lounge Concourse D (Business Class) จะเเบ่งออกเป็น 2 โซน คือโซนนั่งเล่น กับโซนทานอาหาร โดยโซนนั่งเล่น ที่นั่งจะเป็นโซฟาซะส่วนมาก เน้นทานอาหารทานเล่นกรุบกริบ ส่วนอีกโซน จะเป็นโต๊ะสำหรับทานอาหารเลย เเละซุ้มอาหารร้อน ปรุงใหม่ ก็จะอยู่ในโซนนี้ด้วย เนื่องจากคนค่อนข้างเเน่น เลยไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศรอบๆ ภายในเลาจน์มาเท่าไหร่ เพราะกลัวรบกวนผู้โดยสารท่านอื่นๆ
บรรยากาศภายในเลาจน์ ฝั่ง dining เเละฝั่งนั่งเล่น
อาหารร้อนปรุงสด จะมีข้าวมันไก่เเละเกี๊ยวกุ้งน้ำ อาหารเเละของทานเล่นอื่นๆ ก็จะมีพวกข้าว เเกงไทยๆ ปลาทอด ผัดหมี่โกเรง ฯลฯ (จำไม่ค่อยได้ว่ามีอะไรบ้าง) พาย เเซนวิช ไอศครีมสตอเบอรี่ น้ำผลไม้ เเอลกอฮอล์ ทั้งเหล้าเเละไวน์
ข้าวมันไก่ จะเสิร์ฟมาเป็น portion เล็กๆ ไม่ได้จัดจานเว่อร์วังอะไร เราหยิบปลาทอดมาเพิ่มอีก 1 ชิ้น
ถ้าเทียบกับเลานจ์ของการบินไทย ส่วนตัวชอบเลานจ์ของการบินไทยมากกว่า ทั้งบรรยากาศ ความเป็นส่วนตัว ความหลากหลายของอาหารเเละขนม รวมถึงสเตชั่นเเอลกอฮอล ที่จะมีบาเทนเดอร์คอยเสิร์ฟ cocktail ให้อีกด้วย
Boarding time (เวลาขึ้นเครื่อง) วันนี้คือ 01:10
โดย flight นี้ ใช้เครื่องบินรุ่น A330-300 เป็นเครื่องใหญ่ กว้าง มี 2 ทางเดินในเครื่อง
สภาพเเละการตกเเต่งภายใน cabin ส่วนตัวรู้สึกว่าค่อนข้างดูเก่า เเต่เครื่องก็เงียบ เเอร์เย็น ไม่ได้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะบิน
เครื่อง A330-300 ที่เราจะบินกันวันนี้
พอขึ้นเครื่องมาสักพัก พนักงานต้อนรับก็เริ่มมาสอบถามเมนูที่จะรับประทาน โดยจะเสิร์ฟทันทีที่เครื่องขึ้น
ด้วยความที่เป็นเวลาประมาณ ตี 2 เเล้ว เราเลยเลือกที่จะไม่ทาน (เขามีประมาณ 2-3 ตัวเลือก เท่าที่จำได้เหมือนจะมีเมนูติ่มซำสไตล์ฮ่องกงด้วย น่าทานมาก เเต่ดึกเกิน ทานไม่ไหวเเล้ว)
ก่อนจะ take-off ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เครื่อง take-off ประมาณ 02:30 (delay หน่อยๆ เหมือนว่าจะมีเก้าอี้ใน economy class พัง เลยต้องรอเรียกช่างขึ้นมาซ่อม)
นอนหลับได้ไม่นาน กัปตันก็ประกาศเตรียมเเลนเเล้ว เครื่อง landing ประมาณ 05:30 (เวลาฮ่องกง ซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) เท่ากับว่า เราใช้เวลาเดินทางจริงๆ เเค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ส่วนการเดินทางกลับจากฮ่องกง
สนามบินฮ่องกง
Flight HX761 HKG-BKK
Departure : 22:45
ARRIVAL : 00:45+1
ตอนเเรกเราโทรถามเจ้าหน้าที่ของสายการบิน เขาเเจ้งว่า counter check-in เปิดก่อน departure time 3 ชั่วโมง ซึ่งคือ 19:45 เเต่ด้วยความที่เราเหนื่อย เเละไม่รู้จะเที่ยวที่ไหนเเล้ว เลยตัดสินใจจะไปนั่งรอที่สนามบิน เเต่พอไปถึงสนามบิน เลยลองเดินไปถาม counter check-in ของ Hong Kong Airlines ดู ปรากฏว่าเราสามารถ check-in ได้เลย ตั้งเเต่ตอนนั้น (ประมาณ 5 โมงเย็น) เราเลยได้เข้าไปนั่งเล่นในเลาจน์
Counter Check-in ของ Hong Kong Airlines มีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตลอดเวลา
ที่สนามบินฮ่องกง ไม่มี fast track ใดๆ ก็ผ่านการตรวจค้น เเละตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ คิวไหลเร็วมาก ไม่นานก็เสร็จ
Premium Plaza First Lounge
ห้องรับรองสายการบินที่นี่ส่วนมาก เหมือนจะใช้ด้วยกัน (Cathey Pacifics จะมีเลาจน์ของตัวเองเเยก)
ชื่อ Plaza Premium Lounge ซึ่งมีเเบ่ง First กับ Business เขียนไว้ที่หน้าเลาจน์ชัดเจน
เราไปเข้าของ Business เเต่เจ้าหน้าที่ให้ไปใช้ของ First
ตอนเเรกก็งงๆ ว่าเข้าใจผิดรึเปล่า เเต่จากที่ดู เหมือนกับว่า ผู้โดยสารชั้น First เเละ Business ของสายการบินที่สามารถเข้า Plaza Premium Lounge จะไปใช้รวมกันที่ First ส่วน Business จะเป็นผู้โดยสารที่เข้าห้องรับรองด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรสมาชิกต่างๆ นั่นเอง
บรรยากาศภายในเลาจน์
ภายใน Plaza Premium First Lounge บรรยากาศดี ตกเเต่งได้น่านั่ง มีมุมก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาสไตล์ฮ่องกงที่ลวกกันสดๆ มีอาหารร้อนที่ทำไว้เเล้ว ทั้งพาสต้า ผัดผัก ซุป รวมไปถึงอาหารทานเล่นอย่างนักเก็ตไก่ มีสลัดบาร์ บาร์เครื่องดื่มเเละเเอลกอฮอล์ (มีบาร์กาเเฟสด เเต่ไม่เปิด ไม่รู้เพราะเย็นเเล้วรึเปล่า) มีคนใช้บริการเเน่นตลอดเวลา จนบางช่วงเหมือนที่นั่งจะไม่พอ
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาสไตล์ฮ่องกง นักเก็ตไก่ เเละถั่วรวม
ประตูออกขึ้นเครื่องวันนี้
Boarding time วันนี้ 22:00 (45 นาทีก่อนเครื่องออก)
เครื่องที่เราบินกลับวันนี้ เป็นเเบบเดียวกับขามาเป๊ะๆ เเต่ขากลับเรานั่งตรงกลาง ที่นั่ง E เเละ F เลยค่อนข้างส่วนตัว
ที่นั่ง E เเละ F จะเป็นที่นั่งคู่กลางที่เป็นส่วนตัวกว่า D เเละ G
วันนี้อาหารบนเครื่อง เราเลือกเป็นข้าวต้มหอยเป๋าฮื้อกุ้ง เสิร์ฟมากับผลไม้ อาหารเรียกน้ำย่อย (ไม่เเน่ใจว่าคืออะไร เเต่ไม่ถูกปาก) เเละขนม Raffaello 1 ชิ้น
หอยเป๋าฮื้อกุ้ง เสิร์ฟมากับผลไม้ อาหารเรียกน้ำย่อย
ชามะนาว (ซึ่งเป็นชาสีส้มเเบบชาไทยเลย) เเละชานมเย็น ((ส่วนตัวรู้สึกว่าไม่อร่อยทั้งคู่))
มาถึงสุวรรณภูมิประมาณเกือบตี 1 ของอีกวัน
ตรวจคนเข้าเมืองช่องหนังสือเดินทางประเทศไทยคนน้อยมาก
รอคิวไม่ถึง 10 นาที ก็เรียบร้อย ออกมารับกระเป๋าเป็นคนเเรกๆ เลย
สุดท้าย จะมาสรุปจุดเด่นเเละจุดด้อยของการเดินทางด้วย Hong Kong Airlines ชั้น Business Class ในทริปนี้ จากมุมมองของเราให้ฟัง เผื่อเพื่อนๆ จะได้ตัดสินใจใช้บริการเเบบเรา
จุดเด่น
- “ถูกที่สุด” เมื่อเทียบกับชั้นธุรกิจของสายการบินอื่นๆ ที่ออกจากสุวรรณภูมิ เเละเป็นบินตรง
- “เหมาะกับคนที่อยากเที่ยวเเบบจุกๆ” เเต่มีวันลางานจำกัด เพราะเครื่องเเลนด์เช้ามากๆ ส่วนขอกลับก็ดึก ทำให้ได้เที่ยวเต็มวันจริงๆ
- “ที่ฮ่องกง Check-in ได้ก่อนเวลา” เพราะเป็นสายการบินของฮ่องกง counter เลยเปิดตลอด ทำให้สามารถ check-in เข้าไปเดินเล่น shopping duty-free ในสนามบินได้ก่อน
- “Lounge ที่ฮ่องกงดี” อาหารดี นั่งสบาย บรรยากาศดี
จุดด้อย ที่อาจสู้สายการบินอื่นๆ ไม่ได้
- “ที่นั่งไม่ค่อย private” ถึงเเม้จะเป็นเเบบคอก เเต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้รู้สึกไม่เป็นส่วนตัว เท่ากับที่นั่ง type นี้ของสายการบินอื่นๆ เช่น ที่วางเเขนจะอยู่ริมทางเดินเลย เวลาลูกเรือเดินไปเดินมาขณะเสิร์ฟอาหาร ชอบชนโดนเเขนเรา จนทำให้ตื่น หรือที่วางขาไม่ได้เป็นช่องเข้าไป ถ้าวางขาไม่ดี อาจไปอยู่กลางทางเดิน อาจทำให้ใครเดินมาสะดุดเราได้
ที่วางเเขนจะอยู่ชิดทางเดินเลย บางทีวางเเขนเเล้วโดนคนเดินผ่านชน
ที่นั่งริมหน้าต่าง C เเละ H จะไม่เป็นส่วนตัว เท่ากับ A เเละ K
- “ไม่มี entertainment บนเครื่อง” ถึงเเม้จะมีจอ เเต่ไม่เปิดให้ใช้ ไม่สามารถดูหนังฆ่าเวลาบนเครื่อง safety video ไม่ใช้เปิดด้วยจอ เเต่ให้ลูกเรือสาธิตเอา
- “มีปลั๊ก เเต่ไม่ปล่อยไฟ” ชาร์จมือถือไม่ได้
- “ที่นั่งเอน 180 องศา ได้ เเต่มันสั้น” เราสูง 170 เเต่ต้องนอนเเบบขดขา เพราะเวลาเอนราบ ขาเราจะยาวเกินที่นั่ง ไม่ปรับราบจะนอนสบายกว่า
- “อาหารบนเครื่องสู้ไม่ได้ ในเชิงรสชาติ ความหลากหลาย ความwow” หากเทียบกับชั้นธุรกิจของสายการบินอื่นๆ เมนูไม่ได้มีให้อ่าน ลูกเรือจะมาพูดให้เราฟังเเละเลือกเลย ค่อนข้างกระชั้น อารมณ์ต้องตัดสินใจเดี๋ยวนั้น
ท้ายนี้อยากจะบอกว่า ทั้งหมดเป็นเพียงประสบการณ์จากสายตาเเละมุมมองของเรา ที่อยากเอามาเเชร์ให้เพื่อนๆ ได้อ่าน เพื่อประกอบการตัดสินใจ หากมีใครกำลังมีเเผนจะเดินทางไปฮ่องกงเท่านั้นเอง
โฆษณา