12 พ.ค. 2023 เวลา 02:45 • กีฬา

เมสซี่ & เนย์มาร์ : จาก "Superstar" สู่ "Lost star" ที่เปแอสเช | Main Stand

ชื่อเสียงของทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ รวมถึง เนย์มาร์ อยู่ในระดับที่คนจำนวนไม่น้อยที่แม้จะไม่ได้ติดตามวงการฟุตบอล แต่ก็รู้จักนามของทั้งคู่เป็นอย่างดี เหตุเพราะทั้งสองได้สร้างอิมแพกต์ให้ผู้คนได้เห็นมากกว่าเรื่องการแข่งขันในสนาม
เมสซี่และเนย์มาร์คือสองซูเปอร์สตาร์ของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แน่นอนว่าการเป็นขุมกำลังของทีมเงินถุงเงินถังแห่งเมืองหลวงฝรั่งเศส นอกจากเป้าหมายเรื่องการช่วยทีมประสบความสำเร็จให้ได้มากที่สุดแล้ว ดูเหมือนว่ามูลค่าจากเรื่องนอกสนามก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เกิดขึ้นกับเปแอสเชอยู่เรื่อยมา
2
เนื่องด้วยทั้งสองคือนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความคาดหวังในระดับสูงย่อมเกิดขึ้นกับพวกเขาดั่งเงาตามตัว จนบางครั้งมันกลายเป็นหอกที่ทิ่มแทงตัวเอง และนี่คือสิ่งที่ดาวเด่นอาร์เจนตินาและสตาร์บราซิลต้องเผชิญอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะช่วงหลังมานี้ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่ไม่เหมือนเดิมในสายตาแฟนบอลเปแอสเช
1
จากนักเตะระดับ "Superstar" แต่ทำไมช่วงปลายฤดูกาล 2022-23 นี้ ทั้งสองกลับกลายเป็น "Lost star" ในสายตาของสาวกทีมดังจากกรุงปารีส
เกิดอะไรขึ้นกับเมสซี่และเนย์มาร์ Main Stand ขอชวนคุณมาไขคำตอบเรื่องนี้ไปด้วยกัน
โปรเจ็กต์ใหญ่แห่ง ปาร์ก เด แพร็งส์
นับแต่ที่กลุ่มทุนมหาเศรษฐีจากกาตาร์อย่าง Qatar Sports Investments (QSI) นำโดย นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ เจียดเงินราว 80 ล้านยูโร เข้ามาเทคโอเวอร์ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในปี 2011 เวลาต่อจากนั้นเป้าหมายของทัพเปแอสเชไม่ได้จำกัดอยู่แค่การคว้าแชมป์ในฝรั่งเศสอีกต่อไป แต่เป็นการทำทีมเพื่อก้าวขึ้นมาเป็น "ระดับท็อปของโลก"
เปแอสเชในยุคกลุ่มทุนจากตะวันออกกลางเข้ามาเปลี่ยนแปลงทีมในหลาย ๆ ภาคส่วน พวกเขาตั้งใจทำให้ทีมดังแห่งกรุงปารีสเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่ครองความสำเร็จในหลายด้าน ทั้งรายการการแข่งขันทั้งในและนอกประเทศ ควบคู่ไปกับกลยุทธ์นอกสนามเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการตลาด
นอกเหนือไปจากการดึงโค้ชฝีไม้ลายมือดีมากุมบังเหียน สร้างอคาเดมีสโมสรเพื่อปลุกปั้นนักเตะรอวันเกรียงไกรแล้ว เปแอสเชยังมีแนวทางการทุ่มคว้านักเตะชื่อก้องมาร่วมทีม และเดินหน้าทำสิ่งนี้อยู่ในทุก ๆ ปี
เปแอสเชเขย่าตลาดซื้อขายนักเตะโลกมาตั้งแต่ช่วงแรกที่กลุ่มทุนกาตาร์เข้ามา อาทิ การคว้า ติอาโก้ ซิลวา และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช จาก เอซี มิลาน เมื่อปี 2012 ด้วยค่าตัว 42 ล้านยูโร และ 20 ล้านยูโร ตามลำดับ, ดึง เอดินสัน คาวานี่ มาจาก นาโปลี ในอีกหนึ่งปีต่อมาด้วยค่าตัว 64.5 ล้านยูโร, สอย คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มาจาก อาแอส โมนาโก ทีมร่วมลีกด้วยสัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล เมื่อปี 2017 ก่อนซื้อขาดที่ 180 ล้านยูโร ในปี 2018
1
รวมถึงการทุ่มเงินซื้อนักเตะสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนปัจจุบันอย่าง เนย์มาร์ มาจากบาร์เซโลน่า ในปี 2017 ด้วยสถิติ 222 ล้านยูโร
นี่ถือเป็นดีลที่ตัวนักเตะและสโมสรเห็นพ้องต้องกันอย่างแท้จริง แนวรุกบราซิลเลียนอยากหาความท้าทายใหม่ ๆ ร่วมขีดเขียนประวัติศาสตร์ให้สโมสร และได้ร่วมงานกับเหล่าเพื่อนร่วมทีมชาวบราซิลด้วยกัน
1
ขณะที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นอกจากแข้งอาวุธเด็ดรายใหม่ที่พร้อมบู๊ในสนามแล้ว พวกเขายังได้ประโยชน์จากเรื่องนอกสนามไปด้วย เหตุเพราะเนย์มาร์เป็นนักเตะที่มีมูลค่าการตลาดสูงที่สุดคนหนึ่งของโลก ทำให้มีแบรนด์น้อยใหญ่สนับสนุนดาวเด่นแดนเซเลเซารายนี้แตะหลัก 10 เจ้า
"ผมอยากหาความท้าทายที่ใหญ่กว่าเดิม หัวใจของผมต้องการความท้าทายใหม่" เนย์มาร์ ในวัยเบญจเพส (ณ ขณะนั้น) กล่าวในช่วงเปิดตัวเป็นนักเตะ PSG "ไม่ใช่เพราะผมไม่รู้สึกว่าเป็นสตาร์สำคัญของทีม (บาร์เซโลน่า) ผมรู้สึกดีมากที่นั่น แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ผมย้ายมาปารีส ผมย้ายมาที่นี่เพื่อความท้าทายใหม่และถ้วยแชมป์ใหม่ ๆ ผมต้องการฝันให้ใหญ่กว่าเดิม ทำผลงานให้ดีที่สุด และทำให้ดีกว่าเดิม"
"สโมสรมีมูลค่าอยู่ที่ 1,000 ล้านยูโร ก่อนเนย์มาร์เซ็นสัญญา และตอนนี้มันเพิ่มขึ้นมาเป็น 1,500 ล้านยูโรแล้ว" นาสเซอร์ อัล เคไลฟี่ เผย
1
ยิ่งไปกว่านั้น สโมสรยังมีกลยุทธ์คว้านักเตะระดับซูเปอร์สตาร์มาแบบฟรี ๆ พร้อมทุ่มค่าเหนื่อยที่เป็นที่น่าพอใจ 4 ปีหลังได้ตัวเนย์มาร์ เปแอสเชไปคว้า ลิโอเนล เมสซี่ มาแบบไร้ค่าตัวหลังหมดสัญญากับ บาร์เซโลน่า เมื่อปี 2021 พร้อมได้ค่าเหนื่อยตกปีละ 40.5 ล้านยูโร พร้อมสัญญา 2 ปี
1
การมาของเมสซี่ในสายตาแฟนบอลย่อมเปรียบเสมือนการเพิ่มเติมท่าไม้ตายเพื่อล่าความสำเร็จมาให้กับทีม
1
มูลค่าของเมสซี่อยู่ในระดับที่ "เหนือ" กว่าเนย์มาร์อย่างยากจะปฏิเสธ นี่คือนักฟุตบอลเจ้าของสถิติโลกหลายอย่าง เช่น ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของบาร์เซโลน่าที่ 672 ประตู จากการลงเล่นให้ทีม 778 นัด และเป็นเจ้าของรางวัลลูกฟุตบอลทองคำ หรือบัลลงดอร์ มากที่สุดในโลก โดยก่อนมาเปแอสเชเขาได้มาแล้ว 6 สมัย ก่อนบวกเพิ่มสมัยที่ 7 ขณะเล่นอยู่ที่นี่
ขณะที่มูลค่านอกสนามก็นับว่าโดดเด่นไม่แพ้ไอคอนจากแวดวงอื่น ๆ ของโลก และนั่นก็แปรเปลี่ยนมาสู่กระแสเชิงบวกต่อ PSG โดยตรง เช่น ยอดการติดตามผ่านบัญชีทางการในอินสตาแกรมที่พุ่งขึ้นถึง 2.2 ล้านบัญชี ภายในหนึ่งวันหลังเมสซี่ย้ายมาสวมเสื้อทีมใหม่ รวมไปถึงยอดการขายเสื้อแข่งถล่มทลายภายในวันเดียวที่สโมสรขายเสื้อสกรีนชื่อเมสซี่ได้ถึง 76.6 ล้านยูโร เป็นต้น
1
"การได้ลีโอมาอยู่ในทีมระดับโลกเช่นทีมเราถือเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ผมตั้งตารอที่จะได้เห็นทีมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับแฟนบอลของเราทั่วโลก" ส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงจาก CEO เปแอสเช ในวันเปิดตัว ลิโอเนล เมสซี่ เมื่อปี 2021
1
เครื่องหมายคำถามกับคำว่า "ความสำเร็จ"
การย้ายเข้ามาของทั้งเนย์มาร์และเมสซี่มีสิ่งที่ทั้งสองต้องแบกรับเอาไว้บนบ่า นั่นคือการพาสโมสรประสบความสำเร็จให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก" ซึ่งสโมสรไม่เคยคว้ามาได้เลยนับแต่ที่ก่อตั้งในปี 1970 และนับตั้งแต่ที่กลุ่มทุนจากกาตาร์เข้ามาเทคโอเวอร์ในปี 2011
ต่อให้เปแอสเชจะมีนักเตะชื่อดังของโลกอยู่กับทีมในทุก ๆ ฤดูกาล บ้างก็สร้างมูลค่านอกสนามให้ทีมได้ และนักเตะเหล่านี้ก็พาทีมเป็นแชมป์ในประเทศอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะแชมป์ลีกหรือแชมป์บอลถ้วยที่พวกเขาต่อกรกับทีมน้อยใหญ่ร่วมลีกได้แบบไม่ยากเย็น
แต่เมื่อถึงจุดที่เป็นแชมป์ในประเทศบ่อย ๆ แล้ว แน่นอนว่าความสำเร็จเพียงแค่ในฝรั่งเศสจึงไม่ใช่เป้าหมายหลักของทีมอีกต่อไป ถ้วยแชมเปี้ยนส์ ลีก ต่างหากที่เสมือนเป็นความปรารถนาสูงสุดในเวลานี้
ทั้งเนย์มาร์และเมสซี่ล้วนมีประสบการณ์ชูถ้วยใบนี้มาแล้วสมัยเป็นนักเตะของบาร์เซโลน่า โดยเนย์มาร์ได้ไปหนึ่งสมัย (2015) ขณะที่เมสซี่ทำได้ถึงสามสมัยด้วยกัน (2009, 2011 และ 2015)
ย้อนกลับไปในช่วง 6 ปีก่อนหน้าที่เปแอสเชจะดึงเนย์มาร์มาร่วมก๊วน หรือนับแต่ที่ QSI เข้ามาเป็นเจ้าของทีม เส้นทางที่ไกลที่สุดของสโมสรในรายการชิงเจ้าสโมสรยุโรปคือรอบก่อนรองชนะเลิศ
อันที่จริงการมาของเนย์มาร์หวิดจะช่วยให้ทีมได้แชมป์รายการนี้เป็นสมัยแรก ผลงาน 3 ประตูกับอีก 4 แอสซิสต์ของซูเปอร์สตาร์บราซิลมีส่วนพาสโมสรเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก ก่อนจะไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อทีมไปพลาดท่าพ่ายหวิวต่อ บาเยิร์น มิวนิค 0-1 เมื่อปี 2021
บอร์ดบริหารเห็นศักยภาพแล้วว่าเปแอสเชมีโอกาสมายังจุดที่ไม่เคยก้าวมาถึงได้ เป็นเหตุให้ในเวลาพอเหมาะพอเจาะอย่างซัมเมอร์ปี 2021 สโมสรจึงคว้าเมสซี่มาเติมเต็ม
1
ถึงกระนั้นเมสซี่ยังไม่อาจช่วยให้ทีมไปถึงเป้าประสงค์ เพราะสองฤดูกาลที่ดาวเตะฟ้าขาวผู้นี้ลงเล่นในถ้วยบิ๊กเอียร์ (2021-22 และ 2022-23) ภายใต้สีเสื้อ PSG ทีมจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้ายทั้งสองครั้ง
การเข้ามาเติมเต็มทีมของเนย์มาร์ก็ไปไกลสุดแค่บทพระรอง ขณะที่การมาของเมสซี่ก็ไม่ได้ทำให้ผลการแข่งขันของทีมดีขึ้น เผลอ ๆ มันแย่ลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ยิ่งมาเจาะถึงเหตุผลว่าทำไมทั้งคู่ถึงไม่อาจช่วยทีมให้บินสูงตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็จะพบหลายปัจจัยประกอบรวมกัน
อย่าง เนย์มาร์ เขามีภาพจำต่อแฟนบอล PSG เรื่องการลงสนาม การทำประตู ตลอดจนแอสซิสต์ชนิด "ไม่คุ้มค่าตัว"
1
ส่วนหนึ่งมาจากการที่เขาบาดเจ็บอยู่บ่อยครั้งในทุก ๆ ฤดูกาล อย่างในฤดูกาล 2018-19 เขาเคยบาดเจ็บกระดูกฝ่าเท้าหัก พลาดลงช่วยทีมถึง 18 นัด หรือฤดูกาล 2022-23 นี้ ดาวเตะบราซิลเลียนก็ปิดเทอมยาวไปแล้ว หลังตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดข้อเท้า ซึ่งมาจากอาการบาดเจ็บตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้นักเตะหมายเลข 10 คนปัจจุบันของสโมสรยังมีภาพจำผ่านพฤติกรรมนอกสนามที่ชวนไม่สบอารมณ์ด้วย อย่างการเบี้ยวซ้อมในช่วงที่มีข่าวอยากให้ทีมขายเขาออกจากทีม ในปี 2019 รวมไปถึงนิสัยส่วนตัวที่เต็มไปด้วยสีสันและเสียงฮา บางครั้งมันก็ไปกระทบภาพลักษณ์สโมสร อย่างการถูกเพื่อนบ้านโทรแจ้งตำรวจหลังจัดปาร์ตี้วันเกิดอายุครบ 31 ปี เกินเวลาเที่ยงคืน เมื่อต้นปี 2023 เป็นต้น
2
ส่วน ลิโอเนล เมสซี่ จะออกไปในเชิงวิจารณ์สถิติส่วนตัวที่มีต่อสโมสรเป็นหลักที่เขามักถูกตั้งคำถามถึงฟอร์มการทำประตูและแอสซิสต์ที่ไม่ได้ช่วยทีมได้มากพอ แตกต่างกับชื่อเสียงยิ่งใหญ่ในอดีต
ฤดูกาลแรกกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เมสซี่ทำไปแค่ 11 ประตูจาก 34 เกมรวมทุกรายการ ในเวลานั้นกระแสคอมเมนต์ออกมาในเชิงหยวน ๆ กันได้ เพราะเป็นปีแรกที่เขาต้องย้ายวิถีชีวิตเดิมมายังแวดล้อมใหม่ ๆ ณ เมืองหลวงแดนน้ำหอม
ฤดูกาลต่อมา (2022-23) จริงอยู่ที่สถิติทำประตูของเมสซี่จะมีมากขึ้น (ล่าสุดที่ 37 นัด ซัดไป 20 ลูก) แต่จุดพลิกผันที่ทำให้เขาโดนตั้งคำถามถึงผลงานส่วนตัวอีกครั้งคือช่วงหลังจากที่ก้าวเข้ามาอยู่กับสโมสรในฐานะนักเตะดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 กับอาร์เจนตินา เมสซี่ไม่อาจพาสโมสรยิ่งใหญ่ได้เหมือนทีมชาติ โดยเฉพาะการตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยน้ำมือของ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยสกอร์รวม 3-0
ในอีกแง่หนึ่ง มีข้อสังเกตว่าเพราะฟุตบอลเล่นกันเป็นทีม บางทีแทคติกและวิธีการเล่นจากกุนซือก็อาจเป็นผลที่ทำให้ทีมแพ้ และอาจจะไม่ได้ผิดที่เมสซี่คนเดียว
1
อย่างไรก็แล้วแต่ เพราะการที่ดาวยิงอาร์เจนไตน์มีชื่อชั้นในแวดวงฟุตบอลเป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก แถมค่าเหนื่อยก็สูงลิบ ดังนั้นการที่เขาพาทีมไปไม่ถึงภารกิจที่วาดไว้ก็ย่อมทำให้ถูกโจมตีอย่างหนัก และการวิพากษ์วิจารณ์ย่อมเกิดขึ้นตามมาอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
กลายเป็นว่าจากที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น "G.O.A.T" หรือผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลของวงการฟุตบอล แต่ในมุมมองของแฟนบอลเปแอสเชบางคน เมสซี่อาจจะกลายเป็น "scapegoat" หรือ แพะรับบาป ไปด้วยอีกทาง
1
และทั้งหมดนี้ก็นำมาซึ่งคำถามที่ถูกตั้งโดยแฟนบอลของสโมสรในทุก ๆ ปี ว่าแท้จริงการดึงสองสตาร์จากบาร์เซโลน่ามามันช่วยเติมเต็มทีมได้มากแค่ไหน
1
ความไม่พอใจของแฟนบอลที่ปะทุอยู่บ่อย ๆ
มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่แฟนบอล ปารีส แซงต์-แชร์กแมง บางส่วนไม่พอใจ ลิโอเนล เมสซี่ รวมถึง เนย์มาร์ ซึ่งจุดหลักของการโจมตีคือเรื่องการไม่มีใจ ไม่มีแพชชั่น และไม่เต็มที่กับทีมมากพอ
ยกตัวอย่างในปี 2019 หลังกระแสข่าวว่าเนย์มาร์ขอให้สโมสรปล่อยเขากลับไปอยู่บาร์เซโลน่า เขาถูกแฟนบอลเปแอสเชตะโกนโห่ตลอดทั้งเกมกับสตราส์บูร์ก แม้เขาจะทำประตูชัยในนัดดังกล่าวแต่ก็ไม่อาจลดแรงเสียดทานนี้ลงได้
หรือในปี 2022 เมื่อสาวกเปแอสเชบางส่วนพร้อมใจกันพ่นสีสเปรย์ใส่สนามซ้อมและสนามแข่ง เพื่อเป็นการประท้วง ลิโอเนล เมสซี่, เนย์มาร์ รวมทั้ง นาสเซอร์ อัล เคไลฟี หลังไม่พอใจที่ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หลังแพ้ให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยสกอร์รวม 2-3
ขณะที่หนึ่งวันก่อนหน้านั้น ในเกมลีกเอิงที่ เปแอสเช ถลุง บอร์กโดซ์ 3-0 แฟนบอลบางกลุ่มพร้อมใจกันโห่ใส่เมสซี่และเนย์มาร์ตลอดเวลา 90 นาที
ปี 2023 เมสซี่ก็โดนตะโกนโห่ใส่ตั้งแต่ช่วงก่อนเกมที่โฆษกสนามประกาศชื่อ ในเกมพ่าย แรนส์ 0-2 เป็นเหตุให้เขาตัดสินใจเดินเข้าอุโมงค์ไปยังห้องแต่งตัวทันทีหลังจบเกม รวมถึงฟอร์มบู่ของ PSG ในเกมต่อมาที่พ่ายคาบ้านสองเกมติดต่อ โอลิมปิก ลียง 0-1 เมสซี่ก็โดนแฟน ๆ โห่ใส่เช่นกัน
รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ "ใหญ่" ที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2022-23 ซึ่งคนที่เป็นเป้าโจมตีคือสองซูเปอร์สตาร์ รวมถึง นาสเซอร์ อัล เคไลฟี ประธานสโมสร
1
ถึงขั้นที่ว่า นี่เปรียบเสมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายของทั้งเมสซี่และเนย์มาร์ ภายใต้อาภรณ์ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เลยทีเดียว
ถึงจุดแตกหัก ? และอนาคตหลังจบฤดูกาล 2022-23
ผลงานของเปแอสเชนับแต่เปิดปีใหม่ 2023 มาเรียกได้ว่าไม่สบอารมณ์แฟนบอลเท่าไรนัก แม้พวกเขาจะรั้งจ่าฝูงอย่างเหนียวแน่นมาตั้งแต่แมตช์เดย์แรก แต่ขณะเดียวกันสโมสรก็พร้อมจะแพ้ได้ทุกทีม
อย่างล่าสุด เหตุการณ์หลังแมตช์เดย์ที่ 33 หรือในวันอาทิตย์ คริสตอฟ กัลติเยร์ นำลูกทีมแพ้คาบ้านต่อ ลอริยงต์ ถึง 1-3 เหตุการณ์หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวคือสโมสรออกกำหนดการให้นักเตะลงซ้อมเพื่อแก้ไขสถานการณ์ทีมกันแบบต่อเนื่องในวันจันทร์ ทั้ง ๆ ที่ตามปกติแล้วจะเป็นวันพักผ่อนของทีม
นอกจากนี้มีรายงานว่า หากแมตช์ดังกล่าวพลพรรคเปแอสเชเอาชนะลอริยงต์ได้ สโมสรมีแพลนให้นักเตะพักถึงสองวันด้วยซ้ำ
1
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ถูกเรียกซ้อมจากกำหนดการที่เปลี่ยนแปลง เมสซี่ไม่ได้มารายงานตัวซ้อมกับทีม แต่ไปปรากฏภาพเขาพร้อมครอบครัวเดินทางไปที่ซาอุดีอาระเบียเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยว ภายใต้วิสัยทัศน์ประเทศ "Vision 2030" ซึ่งสตาร์เลือดฟ้าขาวรายนี้เป็นทูตท่องเที่ยวให้
ไม่ว่าจะมีบทวิเคราะห์วิจารณ์ต่าง ๆ นานาที่ตีความการกระทำของเมสซี่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แต่สำหรับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แล้ว นี่ถือเป็นความผิดวินัยครั้งรุนแรง เพราะลิโอเนลไปแบบไม่ได้ขออนุญาตสโมสร
"สวัสดีทุกคน ผมอัดคลิปวิดีโอนี้เพื่ออธิบายสิ่งเกิดขึ้น อันดับแรกผมอยากขอโทษเพื่อนร่วมทีม ขอโทษสโมสร เรียนตามตรงผมคิดว่าเราจะมีวันหยุดหลังเกมตามปกติ แต่ผมมีกำหนดการเดินทางไปซาอุดีอาระเบียที่ยกเลิกไม่ได้ เพราะผมเคยยกเลิกการเดินทางไปก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ผมขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป แล้วผมจะรอการตัดสินใจของสโมสรหลังจากนี้" เมสซี่ แถลงขอโทษผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว
แล้วก็เป็นไปตามคาด ความผิดครั้งนี้นำมาซึ่งบทลงโทษลิโอเนลด้วยการงดจ่ายค่าจ้างเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พร้อมสั่งห้ามมีส่วนร่วมกับทีมในเกมลีก 2 นัดข้างหน้า
เป็นเหตุให้แฟนบอลเปแอสเชแตะหลัก 400 คน ทนไม่ไหวที่สโมสรรักของพวกเขาเจอแต่วันแย่ ๆ จนกลายเป็นการรวมตัวกันประท้วงบริเวณด้านนอกสำนักงานใหญ่สโมสร ตะโกนขับไล่และวิจารณ์เดือดใส่ดาวเตะหมายเลข 30 และประธานสโมสร
ช่วงเวลาไล่เลี่ยกันนี้ แฟนบอลอีกส่วนก็บุกไปยังบริเวณบ้านของเนย์มาร์ที่อยู่ในช่วงบาดเจ็บบริเวณข้อเท้า โดยแนวรุกบราซิลโดนหางเลขไปด้วย แฟน ๆ ตะโกนไล่เขาออกจากทีมเช่นกัน
ทำเอาเปแอสเชต้องออกแถลงการณ์ประณามแฟน ๆ บางกลุ่มที่ทำเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะเคสบุกหน้าบ้านเนย์มาร์ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของนักเตะ
"ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ขอประณามการกระทำที่เกินกว่าเหตุครั้งนี้ การดูถูกเหยียดหยามเกิดขึ้นจากคนกลุ่มเล็ก ๆ เมื่อวันพุธ (3 พฤษภาคม) ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างไรก็ไม่สมควรกระทำการเช่นนั้น สโมสรขอสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อผู้เล่น สตาฟ และทุก ๆ คนที่ตกเป็นเป้าหมายของพฤติกรรมอันน่าละอายเช่นนี้"
ทั้งหมดให้ความรู้สึกเหมือนว่าแฟนบอลไม่เอาทั้งคู่แล้ว และในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2022-23 ดูเหมือนว่าอนาคตของทั้งสองจะยิ่งอยู่ยากกว่าเดิมไปอีก โดยเฉพาะเมสซี่ที่สัญญาจะหมดลงในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ท่ามกลางข่าวหนาหูว่า "ไปแน่ ๆ"
1
ส่วนเนย์มาร์ยังมีสัญญาเหลืออยู่อีก 2 ปี อยู่ที่จะมีทีมใดสนใจเจรจาจริงจังหรือเปล่า
จากความคาดหวังในช่วงแรกต่อทั้งเนย์มาร์และเมสซีที่ทั้งคู่คือ Superstar ที่แฟน ๆ คาดหวังถึงการช่วยทีมประสบความสำเร็จผ่านโทรฟี่ โดยเฉพาะถ้วยบิ๊กเอียร์
แต่เมื่อเข้ามาแล้วยังไม่เห็นผลว่าดีขึ้น ซ้ำยังมีเรื่องให้ไม่สบอารมณ์อยู่บ่อย ๆ จึงกลายเป็นว่าทั้งสองกลับแปรเปลี่ยนสถานะเป็น Lost star ในสายตาแฟน ๆ อย่างไม่มีลังเล
ถึงตอนนี้คำถามจากข้อสงสัยของแฟนบอลเปแอสเชกลับมาอีกครั้ง การเสริมทัพนักเตะที่เน้นแค่ชื่อเสียงจะช่วยให้ทีมแกร่งขึ้นจริงหรือ ขณะเดียวกัน "DNA" ที่แท้จริงของทีมคืออะไรกันแน่ ?
1
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา