13 พ.ค. 2023 เวลา 14:15 • กีฬา

"ลา คอรุนญ่า" ทีมที่เคยหลงระเริงกับความสำเร็จ สู่จุดตกต่ำจากหนี้ก้อนโต

หากใครที่เป็นแฟนลูกหนังรุ่นเก๋า คงจะคุ้นชื่อสโมสร เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ไม่มากก็น้อย เพราะสโมสรนี้เคยยิ่งใหญ่อย่างมากในช่วงยุค 1990s อย่างไรก็ตามในปัจจุบันสโมสรนี้กลับไม่ได้โลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุดของสเปนอีกต่อไปแล้ว
เหตุผลอะไรที่ทำให้ ลา คอรุนญ่า ถึงจุดตกต่ำ ทั้ง ๆ ที่ในอดีตพวกเขาเคยรุ่งเรือง ถึงขนาดที่เคยสอดแทรกทีมใหญ่ คว้าแชมป์ ลา ลีกา และ โกปา เดล เรย์ ไปแบบพลิกล็อก
เกิดอะไรขึ้นกับขุนพลซูเปอร์เดปอร์ ? มาไขคำตอบของเรื่องนี้ไปกับ Main Stand
ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน
เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า เป็นสโมสรที่มาจากเมืองเล็ก ๆ บนชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศสเปน ที่อดีตกาลนั้นค่อนข้างมีความทุรกันดาร ในตอนแรกพวกเขามีฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวา และโลดแล่นอยู่ใน ลา ลีกา 2 เป็นส่วนใหญ่ การพัฒนาของสโมสรนี้จึงมุ่งหวังจะเป็นสโมสรระดับท็อปในสเปนให้ได้
จุดเริ่มต้นของฟุตบอลในเมือง ลา คอรุนญ่า มีความแตกต่างจากภูมิภาคอื่น เพราะขณะที่หลายเมืองได้รับวิชาฟุตบอลมาจากชาวอังกฤษโดยตรง ฟุตบอลของที่นี่กลับเข้ามาในเมืองนี้ผ่านชายชาวสเปนที่ชื่อ โฆเซ่ มาเรีย อบาโล่ (José María Abalo) เด็กหนุ่มที่กลับมาบ้านเกิดหลังจากไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ จนก่อตั้งสโมสรขึ้นมาเมื่อปี 1906
จากการเริ่มต้นที่เหมือนจะดี แต่ปัญหาต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ เข้ามาสู่สโมสร โดยปัญหาหลักคือปัญหาทางด้านการเงิน ในเวลานั้นลาคอรุนญ่าอยู่นอกลีกสูงสุดเป็นระยะเวลาถึง 15 ปี มีหนี้สินสะสมประมาณ 3 ล้านปอนด์ และขาดโครงสร้างที่มั่นคงทั้งด้านเศรษฐกิจและด้านกีฬา
ออกุสโต้ เซซาร์ เลนดอยโร่ (Augusto César Lendoiro) ประธานสโมสรในตอนนั้น ได้เข้ามาทำงานในปี 1988 เขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและหัวก้าวหน้า แต่ด้วยวิกฤตของทีมในตอนนั้นทำให้เขาต้องทำงานอย่างหนัก โดยแผนการทำงานของเขามีเป้าหมายเดียวคือ การพาสโมสรนี้ขึ้นไปอยู่ในลีกสูงสุดของสเปนหรือ ลา ลีกา ให้ได้
1
เลนดอยโร่เกิดในเมืองนี้ และเขาเข้าใจถึงลักษณะนิสัยของคนในเมืองนี้เป็นอย่างดี เขารีบทำการเปลี่ยนแปลงในทันที โดยหวังที่จะให้สโมสรนี้ซื้อใจผู้คนในเมืองให้ได้
ช่วงต้นสโมสรลา คอรุนญ่า มีสมาชิกแค่ 5,000 คนเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็คือคนในพื้นที่ที่สโมสรแห่งนี้ตั้งอยู่ ทางประธานสโมสรจึงต้องการที่จะเพิ่มความนิยมให้กับสโมสรโดยมีความคิดว่า ถ้าสโมสรประสบความสำเร็จ เดี๋ยวแฟน ๆ ก็จะตามมาเอง
สองปีต่อมา แผนการทำงานของเขาก็สำเร็จ พวกเขาจบอันดับที่ 2 ในเซกุนด้า ดิวิชั่น หรือลีกรองของสเปน ส่งผลให้พวกเขาได้เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในลีกสูงสุด ซึ่งในช่วงปี 1989 พวกเขาเซ็นสัญญานักเตะใหม่ ๆ เข้ามามากมายเพื่อฟื้นฟูสโมสรและหวังที่จะทำให้สโมสรนี้ยิ่งใหญ่มากขึ้น
แม้ว่าแผนการที่ต้องการทำให้สโมสรแห่งนี้ขึ้นมาโลดแล่นบนลีกสูงสุดให้ได้จะสำเร็จไปแล้วก็ตาม แต่ทางบอร์ดบริหารก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาสโมสรแห่งนี้ให้ไปไกลกว่าเดิม ประธานสโมสรได้เพิ่มงบในการซื้อตัวนักเตะเพื่อผลักดันให้สโมสรนี้ประสบความสำเร็จให้ได้
มันเป็นการผสมผสานประสบการณ์อันช่ำชองของนักเตะซีเนียร์และการเซ็นสัญญาดาวรุ่งเข้ามา แม้ฤดูกาลแรกพวกเขาจะตกชั้น แต่เดปอร์ติโบก็ทะยานสู่หัวตารางลา ลีกา ได้ในไม่ช้า
1
ยุคทองของสโมสร
1
ย้อนกลับไปราว ๆ 20 กว่าปีที่แล้ว มันคือช่วงเวลาที่เหลือเชื่อมาก ๆ สำหรับแฟนของ "ซูเปอร์เดปอร์" พวกเขามีขุมกำลังที่แข็งแกร่งทั้งเกมรับและเกมรุก นักเตะในทีมเต็มไปด้วยความหนักแน่น และมีนักเตะเกมรุกที่สกิลแพรวพราว ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับความฝัน
การคว้าตัว เบเบโต้ ดาวเตะทีมชาติบราซิลเข้ามาสู่ทีมในปี 1992 นับว่าเป็นดีลที่ยอดเยี่ยม เขาทำ 86 ประตูกับการอยู่กับทีม 4 ฤดูกาล รวมไปถึงนักเตะอย่าง มานูเอล ปาโบล, เมาโร ซิลวา, ลิโอเนล สกาโลนี่ ซึ่งนับว่ามีชื่อชั้นที่ไม่ธรรมดา
ในฤดูกาล 1993-94 ขุนพลซูเปอร์เดปอร์เข้าใกล้ถ้วยแชมป์ลา ลีกา สเปน เพียงแค่เอื้อม หากแต่ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่พวกเขาต้องเจอกับ บาเลนเซีย มิโรสลาฟ ดูคิช ดันไปพลาดจุดโทษ ส่งผลให้กลายเป็น บาร์เซโลน่า ในยุคดรีมทีมของ โยฮันน์ ครัฟฟ์ คว้าแชมป์ลีกในฤดูกาลนั้นไปครองจากผลต่างประตูได้เสีย
4
ขุนพลซูเปอร์เดปอร์จบอันดับสองของลีกอีกครั้งในฤดูกาล 1994-95 และจบอันดับที่สามในฤดูกาล 1996-97 สโมสรเหมือนกำลังจะเข้าสู่ขาลง ทว่ามีชายคนหนึ่งที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
1
ฆาเบียร์ อิรูเตต้า กุนซือจากแดนกระทิงดุคนนี้ เข้ามารับงานคุมทีมลา คอรุนญ่า ในปี 1998 และมีนักเตะใหม่ ๆ ย้ายเข้ามามากมาย เช่น กองกลางชาวเซอร์เบียอย่าง สลาวิซ่า โยคาโนวิช และกองหน้าชาวดัตช์อย่าง รอย มาคาย ซึ่งตอนอยู่กับลาคอรุนญ่าถือเป็นช่วงที่เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยลงเล่นไปทั้งหมด 133 เกม ทำไปถึง 79 ประตู
ลา คอรุนญ่า คว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน ในฤดูกาล 1999-2000 หลังจากนั้นพวกเขาก็วนเวียนอยู่ที่หัวตารางเสมอ และพร้อมที่จะต่อสู้กับทีมใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า และทีมจากลีกอื่น
ขุนพลซูเปอร์เดปอร์ได้ไปเล่นฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกในฤดูกาล 2000-01 พวกเขาไปได้ถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ และในฤดูกาล 2001-02 พวกเขาก็ตกรอบ 8 ทีม อีกครั้ง
ขุนพลซูเปอร์เดปอร์ยังคงไล่ล่าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาล 2001-02 พวกเขาทะลุไปถึงรอบชิง โกปา เดล เรย์ ซึ่งพวกเขาต้องเจอกับ เรอัล มาดริด ที่กระหายการคว้าถ้วยนี้อย่างที่สุด เพราะเกมนัดชิงมีขึ้นที่ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว รังเหย้าของทัพราชันชุดขาว แถมวันแข่ง 6 มีนาคม 2002 ยังตรงกับวาระครบรอบ 100 ปี การก่อตั้งสโมสร เรอัล มาดริด พอดีอีกด้วย
ตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าทีมม้ารองอย่าง ลา คอรุนญ่า จะเอาชนะ เรอัล มาดริด ได้ เพราะทัพราชันชุดขาวในยุค "กาลาคติกอส" มีแข้งสตาร์ดังล้นทีม ไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ ฟิโก้, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, ซีเนดีน ซีดาน, ราอูล กอนซาเลซ ซึ่งที่ชื่อชั้นเหนือกว่าทัพซูเปอร์เดปอร์อย่างปฎิเสธไม่ได้
แต่ทัพซูเปอร์เดปอร์กลับออกนำไปก่อนสองประตูจาก เซร์คิโอ กอนซาเลซ และ ดิเอโก้ เอร์เรร่า ก่อนราชันชุดขาวจะตีตื้นขึ้นมาจากราอูล ทว่ามันก็ไม่ทัน ส่งผลให้ขุนพลซูเปอร์เดปอร์คว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ ไปครองได้สำเร็จ
นับว่าช่วงปลายยุค 1990s จนถึงช่วงต้นของยุค 2000s เป็นยุครุ่งเรืองของขุนพลซูเปอร์เดปอร์อย่างแท้จริง ยอดกองหน้าชาวดัตช์อย่าง รอย มาคาย ทำไปถึง 39 ประตู ในทุกรายการในฤดูกาล 2002-03 จนมีข้อเสนอ 20 ล้านยูโรจาก บาเยิร์น มิวนิค เข้ามา และมาคายก็ย้ายไปร่วมทัพเสือใต้ในที่สุด
1
ฤดูกาล 2003-04 ลา คอรุนญ่า สร้างประวัติศาสตร์เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรก แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็พ่ายให้กับ ปอร์โต้ ของ โชเซ่ มูรินโญ่ พลาดการเข้าชิงในปีนั้นไป
จุดตกต่ำมาเร็วกว่าที่คิด
ฮาเวียร์ อิรูเตต้า เฮดโค้ชของทีม ได้ลาจากขุนพลซูเปอร์เดปอร์ในปี 2005 ขุมกำลังหลักทยอยออกไปจากทีม เมาโร ซิลวา และ ฟราน กอนซาเลซ แขวนสตั๊ด กองหน้าอย่าง รอย มาคาย ก็ย้ายไป บาเยิร์น มิวนิค ตั้งแต่ปี 2003
"เห็นได้ชัดว่าสโมสรมีปัญหาทางการเงินอย่างร้ายแรง" เด ลา ครูซ นักข่าวชื่อดังจาก AS เผย
"มันเหมือนกับเป็นการตายอย่างช้า ๆ"
"หากคุณคิดว่าความรุ่งโรจน์จะอยู่ตลอดไป คุณคิดผิด หากคุณไม่รักษาปัญหาย่อมเกิดขึ้น"
ประธานสโมสรอย่างเลนดอยโร่ได้นำเงินของครอบครัวมาใช้ในการลงทุนกับสโมสร ซึ่งถ้าหากปีไหนที่ลา คอรุนญ่า ไม่ได้ไปเล่นในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็จะส่งผลให้ทีมขาดทุนหลายล้านในปีนั้น
ปัญหาหนี้สินที่มากเกินไปของสโมสรแห่งนี้แสดงผลขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากลา คอรนญ่า จะเริ่มกลายเป็นโยโย่ทีม วนเวียนระหว่างลีกสูงสุดและลีกรอง จากการตกชั้นในปี 2011 เลื่อนชั้นกลับมาลา ลีกา ในปี 2012 และตกชั้นอีกครั้งในปี 2013 ประธานสโมสรอย่างเลนดอยโร่ยังถูกสอบสวนอย่างหนักจากกระทรวงการคลังของสเปน สโมสรเป็นหนี้ทั้งหมด 160 ล้านยูโร ทำให้มีสิทธิ์ที่จะล้มละลาย
วิธีเดียวที่จะทำให้สโมสรแห่งนี้รอดคือการที่ประธานสโมสรลาออก ซึ่งมันก็เกิดขึ้น เพราะเลนดอยโร่ต้องยอมลาออกในปี 2014 และความจริงของเรื่องนี้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผย
"สาเหตุที่สโมสรต้องแบกรับหนี้ขนาดนี้เกิดจากการบริหารที่ไร้รูปแบบและไม่สนใจความเป็นจริง เป็นธุรกิจที่ประมาทและเข้าใจผิด พวกเขาขาดความสามารถในการบริหาร"
"ถ้าเลนดอยโร่เป็นตัวอย่างของบุคคลที่สร้างความสำเร็จ เขาก็เป็นบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดต่อการบริหารเศรษฐกิจของสโมสรด้วย"
ติโน่ เฟร์นานเดส ประธานสโมสรคนใหม่ เข้ามารับตำแหน่งในปี 2014 ควักเงิน 45 ล้านยูโร ผ่านการผสมผสานการลงทุนและเงินกู้จากธนาคาร ซึ่งทำให้ทัพลา คอรุนญ่า ค่อย ๆ ไต่ขึ้นมาสู่จุดเดิมได้ ในเวลา 5 ปี เขาลดหนี้ของสโมสรได้ครึ่งหนึ่ง แต่ก็ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชนะใจแฟนบอลของสโมสรที่ไม่เชื่อในการทำงานของบอร์ดบริหารให้ได้ เมื่อทีมตกชั้นจากลีกสูงสุดอีกครั้งในปี 2018
1
แฟน ๆ เริ่มแสดงความไม่พอใจที่ช่วงนั้นบอร์ดบริหารว่าจ้างและไล่โค้ชออกเป็นว่าเล่น เขาจ้างโค้ช 9 คน ในเวลาครึ่งทศวรรษ จนเฟร์นานเดสได้รับการโหวตให้ออกจากตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม 2019
1
ฤดูกาล 2019-20 ลา คอรุนญ่า เก็บได้เพียง 12 แต้ม จาก 20 เกมแรก อีกทั้งในฤดูกาลนั้นทุกสโมสรฟุตบอลต้องเผชิญกับปัญหาโควิด-19 ระบาด พากันขาดทุนและสูญเสียเม็ดเงินไปมากมาย จบฤดูกาลพวกเขาอยู่อันดับ 19 ของตารางคะแนนเซกุนด้า ทำให้พวกเขาย่ำแย่ถึงขนาดต้องตกไปเล่นอยู่ในลีกระดับที่ 3 ของสเปน
1
"นี่คือช่วงที่ละเอียดอ่อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราต้องการความช่วยเหลือ" แฟนบอลลา คอรุนญ่า เผยกับ FourFourTwo
"มันยากที่จะจินตนาการว่าถ้าเดปอร์ไม่ได้เลื่อนชั้นจะเป็นอย่างไร สโมสรจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเงินก้อนโตจากใครบางคนเพื่อให้สโมสรกลับมายิ่งใหญ่แบบเดิมให้ได้" นักข่าวชื่อดังอย่าง เดอ ลา ครูซ กล่าว
1
ความทรงจำของเหล่าแฟน ๆ เดปอร์ติโบเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กลายเป็นอดีตไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญกับความลำบากอย่างแท้จริง "พูดตามตรง ปีทองเหล่านั้นมันคุ้มค่ามาก ๆ แน่นอนว่าตอนนี้เรากำลังเจ็บปวด แต่ผมหวังว่าจะเห็นภาพเหล่านั้นอีกครั้ง ผมจะจดจำความรู้สึกเหล่านั้นตลอดไป" แฟน ลา คอรุนญ่า เผยต่อ
ไม่มีใครรู้ว่าในปีต่อ ๆไป สถานการณ์ของ ลา คอรุนญ่า จะดีขึ้นหรือแย่ลงแค่ไหน แฟน ๆ ต่างเฝ้ารอคอยความสำเร็จ เหมือนในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา หวังว่า ลา คอรุนญ่า จะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่และต่อสู้กับทีมชั้นนำได้อีกครั้ง
แหล่งอ้างอิง :
โฆษณา