20 พ.ค. 2023 เวลา 02:36 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เลือกตั้งผ่านไป เลือกรับมือยังไงกับตลาดหุ้น

ท่ามกลางอุณหภูมิกว่า 40 องศาในประเทศไทย ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่ร้อนระอุไม่แพ้กันนั้นก็คือ #การเลือกตั้งครั้งที่27 ของไทยที่เพิ่งจบไปสดๆ ร้อนๆ 🌞
ทั้ง #กระแสมวลชน #การหาเสียง และ #การดีเบต ในช่วงก่อนเลือกตั้ง การต่อสู้กันอย่างเผ็ดร้อนของนโยบายจากทุกพรรคการเมือง ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ 🎤
พลังแห่งความเป็นประชาธิปไตยที่กึกก้องขึ้น จากตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่คิดเป็น 75.22% ที่สูงสุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียวครับ 🤩
การเลือกตั้งในครั้งนี้ ไม่ว่าคนที่คุณรัก…หรือพรรคที่คุณชอบจะเป็น #ผู้ชนะหรือไม่ อย่างน้อยการคุณก็ได้เป็นส่วนหนึ่ง ในการออกไปใช้สิทธิ์ที่จะเป็นแรงส่งให้ประเทศของเราดีขึ้นแล้วครับ 🇹🇭
แน่นอนว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน เพราะการเมืองคือทุกมิติของชีวิตของเราครับ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่เมื่อเกิดกิจกรรมทางการเมืองต่างๆ เกิดขึ้น ย่อมกระทบด้านใดด้านหนึ่งของชีวิตเราอย่างแน่นอน
ในด้านของ #ตลาดหุ้น #การลงทุน ก็มักได้รับผลกระทบเช่นกันครับ…หลังเลือกตั้ง ทำไมตลาดหุ้นถึงตก… 😱 มันเกิดขึ้นทุกครั้งหลังการเลือกตั้งหรือไม่ แล้วทำไมการเมืองถึงมีผลกับตลาดหุ้นขนาดนั้น
…เราจะพาคุณย้อนเวลา #เปิดสถิติ ชำแหละ #ตลาดหุ้น เพื่อหาคำตอบเหล่านั้นกันครับ พร้อมของแถมสุดพิเศษ ‘คู่มือรับมือตลาดหุ้นหลังเลือกตั้งฉบับย่อ’ ด้วย 🤓
เปิดสถิติ! ตลาดหุ้นกับการเลือกตั้งย้อนหลัง 47 ปี 📈
นับตั้งแต่ตลาดหุ้นไทย หรือปู่ #SET ได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2518 ถ้าไม่นับครั้งล่าสุด ไทยได้ผ่านการเลือกตั้งมาถึง 16 ครั้งด้วยกัน (2519 - 2562) และในแต่ละครั้งตลาดหุ้นก็ตอบสนองแตกต่างกันดังนี้ครับ
ใน 16 ครั้งที่ผ่านมา หลังการเลือกตั้งผ่านไป 1 เดือน ตลาดหุ้นปรับตัวลงสู่แดนลบ #10ครั้ง (62.5% ของทั้งหมด) และมีถึง #8ครั้ง ใน 10 ครั้ง ที่ตลาดติดลบ 2 เดือนติดต่อกัน 📉
ขยับมาใกล้ปัจจุบันมากขึ้นกับ 8 ครั้งหลังสุด (ปี 2539 2544 2548 2549 2550 2554 2557 2562) ตลาดหุ้นปรับตัวเป็นลบ หลังเลือกตั้งผ่านไป #1เดือน สูงถึง 6 ครั้ง! (75% ของทั้งหมด) ก่อนจะค่อยๆ กลับมาเป็นบวกหลังผ่านไป 2 ปี
เราได้แนบข้อมูลย้อนหลัง 47 ปี ตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้ง ไว้ในคอมเมนต์ด้วยครับ 🥰
แต่ทำไมตลาดหุ้นถึงตอบสนองกับการเลือกตั้งแบบนั้น? 👇
ทุกคนรู้ว่า ‘ทุกการเลือกตั้ง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงประเทศ’ ซึ่งมีความเป็นไปได้มหาศาลที่จะเกิดขึ้นครับ ในส่วนของภาคธุรกิจเองก็มีความเป็นไปได้ทั้ง 2 อย่างคือ ดี และ ร้าย
เพราะบางนโยบายอาจจะส่งผลดีต่อธุรกิจบางกลุ่ม…แต่ก็อาจจะส่งผลเสียต่อธุรกิจบางกลุ่มด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ‘นโยบายลดมลพิษ ห้ามใช้รถบรรทุกที่อายุเกินกำหนด’ มลพิษทางอากาศดีขึ้น แต่ก็ทำให้หลายบริษัทมีต้นทุนเพิ่มขึ้นครับ 🚚
คุณอาจจะเกิดคำถามว่า ‘ทำไมไม่คาดการณ์จากนโยบายพรรคที่ชนะล่ะ?’
ในส่วนนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะคาดการณ์ตามนโยบายได้ครับ ถึงแม้นโยบายต่างๆ จะถูกเผยแพร่ให้คุณรู้ก็ตาม แต่บางนโยบายอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี และผ่านการปรับเปลี่ยนแผนอีกมากมาย กว่านโนบายนั้นจะเป็นชิ้นเป็นอันให้คุณได้เห็นกัน ⏳
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ ‘นักลงทุน’ ในตลาด #เกิดความกลัวขึ้น จากความไม่แน่นอนเหล่านี้ ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เป็นปัจจัยหลักที่เข้ามากดดันตลาดในทุกครั้งที่เลือกตั้งนั่นเอง 🥵
เรารู้เหตุผลกันไปแล้ว มาถึงคำถามสำคัญกันดีกว่าว่า … แล้วจะมีวิธีรับมือยังไงได้บ้าง?...
บอกได้เลยว่า เป็นข่าวดีของ#นักลงทุนระยะยาว ที่มีเป้าหมายมองการไกล และอาจเป็น #โอกาสในการลงทุน ที่หลายคนคาดไม่ถึงด้วยครับ 👓
เราได้ย่อย ‘คู่มือรับมือตลาดหุ้นหลังการเลือกตั้ง’ ออกมาให้คุณเป็น ‘3 แนวทางง่ายๆ ที่ใช้ #รับมือ #ปรับตัว #ปรับพอร์ต ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้ครับ
🖊️ แนวทางที่ 1: นโยบายไหนดูเป็นไปได้ก็เก็บไว้ แต่เป็นไปได้ยากก็ไม่ต้องสนใจ
เมื่อคุณทราบแล้วว่าพรรคไหนได้รับเลือก และมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล คุณก็เริ่มวิเคราะห์คร่าวๆ ได้ครับ ว่าเศรษฐกิจจะถูกขับเคลื่อนไปในทิศทางไหน 🚗
นโยบายใดที่ #พรรคผู้ชนะ เคยพูดไว้ตอนหาเสียง จะกลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สังคมจับตามองครับ หากนโยบายนั้นดู ‘เป็นไปได้’ ก็เอามาวิเคราะห์ภาพใหญ่คร่าวๆ ได้ 🔎
กลับกันหากคุณดูไปที่นโยบายแล้วคิดว่า ‘เป็นไปได้ยาก’ หรือ ‘ใช้เวลานาน’ ก็ยังไม่ต้องเอามาใส่ใจก่อนก็ได้
…เพราะมันยังเป็นเรื่องของอนาคตที่มองไม่เห็น ไม่ให้มันมีอิทธิพลมากเกินไปในปัจจุบัน…
เพราะนโยบายที่กำลังถูกพูดถึงและดูเหมือนตลาดจะได้รับผลกระทบไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผลกระทบจริงๆ ของมัน อาจจะยังไม่เกิดขึ้นก็ได้
👀 แนวทางที่ 2 ส่องธุรกิจที่อาจได้รับอานิสงส์หรือผลกระทบ
แน่นอนว่า ‘ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงเสมอ’ มีผู้ที่ได้ประโยชน์ ก็ต้องมีผู้เสียประโยชน์ แต่ไม่ว่าธุรกิจจะได้รับผลกระทบแบบไหน คุณก็ต้องไม่ลืมที่จะมองหา ‘โอกาสลงทุนจากการเปลี่ยนแปลง’ นั้นครับ
มองหาโอกาสจาก #ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ สำหรับ #ธุรกิจที่เสียประโยชน์ ก็ยิ่งต้องหาข้อมูลเพิ่มครับ เพราะมีโอกาสที่หุ้นดังกล่าวจะพลิกโฉมปรับโมเดล แต่ถ้าดูแล้วเป็นไปได้ยาก การถอนตัวก็เป็นทางเลือกที่ฉลาดเช่นกันครับ 😉
🌳 แนวทางที่ 3 พื้นฐานธุรกิจยัง สำคัญอยู่ สำคัญต่อ สำคัญตลอดไป
อย่างที่เราได้บอกคุณว่า มีทั้ง #ธุรกิจที่ได้ประโยชน์ และ #ธุรกิจที่เสียประโยชน์ ดังนั้นเมื่อประเทศเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ธุรกิจหลายอย่างอาจต้องปรับตัวตามนโยบายไปด้วย 🍃
หนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการลงทุนระยะยาวคือ #ดูพื้นฐานธุรกิจ ว่ายังดีอยู่ไหม และมีแนวโน้มจะเป็นยังไงบ้าง
ถ้าธุรกิจปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงได้ และทุกอย่างยังไปได้ดี แต่ราคาตกลงไปบ้างตามอารมณ์ตลาดที่เกิดขึ้น ธุรกิจนั้นก็ยังคงเป็นน่าสนใจอยู่ครับ และคุณอาจได้ซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลงอีกด้วย 🏷️
แต่ในช่วงเวลานั้นคุณต้อง #กล้าลงทุน ด้วยนะครับ ทุกเหตุการณ์ย่อมแฝงมาด้วยโอกาสเสมอ อยู่ที่ตัวคุณแล้วว่าจะกล้าคว้าโอกาสนั้นเอาไว้หรือเปล่า ⭐
ไม่ใช่แค่เฉพาะการเลือกตั้งเท่านั้นครับ ที่นำมาซึ่งความไม่แน่นอนและความเปลี่ยนแปลง แต่ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนพลิกเกมตลาดหุ้นได้เหมือนกัน
สิ่งที่ต้องย้ำในใจเสมอก็คือ ‘การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ’ แต่อย่าให้การเปลี่ยนแปลงนั้นมามีอิทธิพลกับสติของเราครับ
#ตั้งสติให้มั่นคง #มีสายตาที่เฉียบคม #มองด้วยเหตุผล #คว้าโอกาส และ #เตรียมรับมือ
เราหวังว่าบทความนี้จะมีส่วนช่วยคุณ ให้คว้าโอกาสท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นนี้ และก้าวไปสู่ความสำเร็จได้อย่างราบรื่นครับ
โฆษณา