20 พ.ค. 2023 เวลา 04:06 • ความคิดเห็น

ความสำเร็จไหนภูมิใจสุด

ผมตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ฟังอดีตเจ้านายและ Life Coach ของผมคุณซิกเว่ เบรกเก้ ซีอีโอแห่งเทเลนอร์ สัมภาษณ์ยาวๆ กับคุณเคน นครินทร์ The Standard รอบนี้คุณซิกเว่เล่าเรื่องการควรรวมทรูดีแทคแล้วแถมด้วยวิธีคิดของผู้นำในช่วงการเปลี่ยนแปลง
1
มีช่วงหนึ่งคุณเคนถามว่า การนำองค์กรในช่วงที่ต้องเปลี่ยน ในช่วง Transformation นั้น อะไรสำคัญที่สุด
คุณซิกเว่ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่เล่าเรื่องราวหนึ่งที่คุณซิกเว่เพิ่งอ่านเจอ เป็นเรื่องของนักกีฬาระดับตำนานของวงการ Alphine (กีฬาฤดูหนาว) ที่ได้เหรียญรางวัลมาเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่โอลิมปิคจนถึงรางวัลระดับโลกมากมาย เขาถูกถามว่าในเหรียญทั้งหมดที่ได้มา เหรียญไหนที่เขาภูมิใจที่สุด คำตอบของเขาบอกถึง Mindset ที่ทำให้เขาได้เหรียญขนาดนี้ได้อย่างชัดเจน
เขาตอบว่า…Next One (เหรียญอันต่อไป)
1
คุณซิกเว่อธิบายว่า องค์กรที่จะอยู่รอดได้ในโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ องค์กรต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เอาชนะความสำเร็จในอดีต ต้องไม่ยึดติด คนในองค์กรต้องตื่นมาการทดลองอะไรใหม่ๆ ต้องลองเสี่ยง ลองผิดพลาดแล้วเรียนรู้ให้ได้ ผู้นำมีหน้าที่ที่จะเป็นโค้ชที่ให้ทีมงานมองหาเหรียญใหม่ๆ แทนที่จะชื่นชมความสำเร็จเดิมๆ คุณซิกเว่อธิบายไว้แบบนั้น
2
จากประสบการณ์ที่ผมทำงานกับคุณซิกเว่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ สิ่งที่ผมได้รับในระดับส่วนตัวก็คือเมื่อไหร่ที่ผมเริ่มเหลิง เริ่มคุ้นชินกับสิ่งเดิมๆ เริ่ม Enjoy กับความสำเร็จ คุณซิกเว่จะกึ่งชวนกึ่งบังคับให้ผมย้ายออกจากตำแหน่งเดิมไปทำงานแอเรียใหม่ คุณซิกเว่บอกว่าถ้าจะเติบโตและเรียนรู้ เราต้องรู้สึกเหมือนกับยืนอยู่บนชะง่อนผา ต้องเลี้ยงตัวตลอดเวลา ซึ่งทำให้ผมได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆที่หลากหลาย ได้เข้าใจเรื่องการออกจาก Comfort Zone จนถึงวันนี้
มาคิดต่อจากเรื่องราวที่คุณซิกเว่เล่า มีสามบทเรียนที่ผมได้จากเรื่องราวสั้นๆ นั้น เรื่องแรกก็คือถ้าเราจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องได้นั้น ก็ต้องทิ้งความสำเร็จเดิมให้ได้ เหมือนกับพี่จิก ประภาส ชลศรานนท์ ผู้ที่สร้างสรรค์งานดีๆออกมาตลอดเวลาเคยบอกไว้ว่ารู้อะไรต้องรู้ให้กระจ่างแล้วลืมให้หมด
ผมเองก็ผ่านประสบการณ์แบบนี้มาหลายครั้ง การที่จะรู้อะไรใหม่ๆได้ก็ต้องยอมทิ้งหัวโขน ทิ้งงานเดิม แล้วเดินเข้าสู่พื้นที่ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำ ไม่คุ้นชิน ช่วงเวลานั้นก็จะเป็นช่วงที่เรียนรู้และเติบโตมากที่สุดทุกครั้ง เอาเข้าจริงๆความรู้ที่เรามีนั้นก็ไม่ได้หายไปไหน ความเข้าใจเรื่องการเงินก็ยังอยู่ถ้าเคยทำการเงิน แต่เป็น Mindset ที่ไม่ยึดติดมากกว่าที่ทำให้เราเปิดโลกใหม่ รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ได้
บทเรียนที่สองนั้นก็ทำให้เข้าใจได้ว่า ยิ่งคนที่มีประสบการณ์มาก ประสบความสำเร็จมาก ยิ่งละทิ้งการ “ยึดติด” กับเหรียญ ความทรงจำกับเหรียญนั้นได้ยากมากๆ เถ้าแก่ที่ร่ำรวยประสบความสำเร็จมากๆ ถึงชอบเล่าแต่เรื่องในอดีต เจ้าของหลายคนใช้เวลาในที่ประชุมส่วนใหญ่เพื่อโม้ว่าตัวเองนั้นเก่งยังไง ทำอะไรถึงสำเร็จมา และก็จะใช้ท่าเดิมในการแก้ปัญหา
2
ความคุ้นชินและความสำเร็จนั้นยากมากที่จะสลัดออก พวกบริษัทเล็กๆ ใหม่ๆ Startup ทั้งหลายถึงเคลื่อนไหวได้เร็วกว่า ยิงตรงเป้ากลุ่มเป้าหมายได้แม่นกว่า และเข้ามา Disrupt บริษัทใหญ่ๆ เก่าๆ ได้โดยง่ายทั้งที่ทรัพยากรในการแข่งขันสู้กันไม่ได้ ความพ่ายแพ้นั้นก็เพราะความอืดอาดเชื่องช้าเพราะเหรียญรางวัลที่ห้อยคอนั้นหนักเกินไปมากกว่า
บทเรียนที่สามนั้น ผมได้เรียนจากคุณซิกเว่มาตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วยก็คือพลังแห่งเรื่องเล่า คุณซิกเว่เล่าให้การสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วยว่า ผู้นำนั้นต้องสื่อสารให้เป็น และการสื่อสารที่ดีนั้นต้องเล็งทั้งหัวและหัวใจ ผู้นำส่วนใหญ่จะเล็งไปที่หัว ให้แต่ข้อมูลข่าวสารเป็นหลัก แต่การเล็งที่หัวใจด้วยเรื่องราวที่โดนใจที่ Engage ได้ใจพนักงาน รวมกันแล้วถึงจะทรงพลัง
1
เทคนิคของคุณซิกเว่ก็คือเรื่องเล่า อย่างเช่นกรณีนี้ ถ้าคุณซิกเว่ตอบว่าผู้นำกับการเปลี่ยนแปลงต้องทำหนึ่งสองสามสี่ก็คงไม่น่าจำ แต่พอเล่าเป็นเรื่อง แค่สั้นๆ ก็ติดอยู่ในใจจนผมต้องเอามาเขียนและไปเล่าต่อเวลาคนถามเรื่องนี้ได้อีกด้วย
มาคิดถึงเหรียญอันต่อไปกันนะครับ…
โฆษณา