21 พ.ค. 2023 เวลา 10:24 • ท่องเที่ยว
ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นในวันที่ฟ้าครึ้มฝนพรำ สิ่งที่ทำคือเดินหน้าเที่ยว Nikko Kawaguchiko Tokyo

เป็นตอนที่เขียนยากที่สุดในการรีวิวทริปญี่ปุ่นในเดือนตุลาคม เพราะรู้ทั้งรู้ว่าเป็นส่วนที่น่าผิดหวังที่สุดในทริปการเดินทาง หลังจากที่ทำภารกิจสำเร็จไปแล้ว 2 อย่าง คือ การตามหาหิมะแรกของปีที่ Hokkaido และการล่าใบไม้เปลี่ยนสีที่ Aromori และ Morioka
แต่พอได้ฤกษ์ที่เริ่มจะเขียนถึง... เฮ้ย !! มันก็เป็นอีกประสบการณ์ดีๆ ในต่างแดนที่พวกเราทั้งครอบครัวได้เผชิญมาร่วมกัน แม้ฟ้าฝนสภาพอากาศจะไม่เป็นใจ ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ แต่เราก็ไม่ได้หยุดเที่ยวแล้วเอาแต่นอนอยู่โรงแรมนี่ เรายังได้เดินตามแผนเดิมที่วางไว้ แค่นั้นก็ถือว่าเป็นประสบการดีๆ ที่ได้ทำร่วมกันแล้ว
ใครที่พึ่งอ่านตอนนี้ ตามไปอ่าน 2 ตอนแรกของเราได้ที่...
ลงมาจากทางเหนือในตอนที่แล้ว เรากลับมาตั้งหลักกันที่ Tokyo อีกครั้ง โดยพักอยู่โรงแรมใกล้ๆ กับสถานี Ueno เพื่อความสะดวกในการเดินทาง เพราะทริปนี้เราใช้ JR Pass ตลอดทั้งทริป โดยใช้เพื่อขึ้นรถไฟร่วมกับการเช่ารถขับ
ในช่วงสุดท้ายของทริปครั้งนี้ ข่าวที่ไม่ค่อยสู้ดีนักสำหรับพวกเราก็คือ มีการพยากรณ์อากาศว่า พายุซุปเปอร์ใต้ฝุ่นกำลังจ่อจะเข้าถล่มญี่ปุ่นในอีกไม่กี่วัน และเรามีเวลาอีกแค่ 4 วันในการที่ต้องอยู่รอไฟล์ทบินเพื่อกลับไทย แผนเดิมที่เตรียมไว้เริ่มต้องเอามาพิจารณาใหม่อีกที
เพราะอากาศไม่เป็นใจ จึงต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนยานพาหนะ
ในวันถัดมาเราตัดสินใจว่าจะไปเที่ยว Nikko เพราะเข้าใจว่าน่าจะเริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชม เราออกเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซน จากสถานี Ueno ไปลงที่ Nikko จากนั้นก็เช่ารถขับ เพื่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
บรรยากาศขับรถเที่ยว Nikko ในวันฝนพรำ
สุดท้ายแล้วที่ Nikko เราทำได้แค่ขับรถชมวิวไปเรื่อยๆ เพราะฝนตกตลอดทั้งวัน หนักเบาสลับกันไป มีได้จอดรถลงถ่ายรูปบ้าง และจอดพักทานมื้อเที่ยง ทำให้การเที่ยวในวันนี้ส่วนใหญ่ต้องอยู่ภายใต้หลังคาเป็นหลัก เพราะกังวลเรื่องสุขภาพของเด็กๆ เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาจะแย่เอาได้
ช่วงฝนเบา ก็พอได้จอดรถลงไปเก็บภาพบ้าง
เมื่อสู้ฝนไม่ไหว เราก็ตัดสินใจกลับที่ตั้งก่อนเวลาที่วางแผนไว้ อาศัยนั่งรถไฟเที่ยวชานเมือง Tokyo และให้เด็กๆ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์บนรถไฟญี่ปุ่นให้คุ้มไปเลย
บรรยากาศตามสถานีรถไฟ
วันถัดมา เป็นอีกหนึ่งวันเต็มที่มีโอกาสได้ออกเดินทางเที่ยว และเหมือนจะโชคดีเล็กน้อยตรงที่พยากรณ์วันนี้ไม่ค่อยมีฝน เราเลยตัดสินใจลองเสี่ยงไปลุ้นเจอภูเขาไฟฟูจิที่ Kawaguchiko กัน การเดินทางก็เหมือนทุกๆ วันคือ เริ่มต้นด้วยรถไฟ และไปเช่ารถขับ
เมื่อมาถึงสถานี Kawaguchiko ฝนไม่ตกก็จริง แต่เมฆเยอะมากจนมองไม่เห็นฟูจิชัง เราก็ได้แต่แอบลุ้นว่าอาจจจะมีซักช่วงเวลาที่ฟ้าเปิด พอให้ได้มองเห็นสิ่งที่เราตามหา เราจึงเริ่มต้นขับรถไปที่ริมทะเลสาบ Yamanaka เป็นที่แรก
ริมทะเลสาบ Yamanaka
เราเดินเล่นอยู่ริมทะเลสาบ Yamanaka อยู่นานพอสมควร ก็ยังไม่มีวี่แววที่จะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิ เราจึงตัดสินใจขับรถชมวิววนรอบทะเลสาบไปเรื่อยๆ จนวนมาถึงริมทะเลสาบ Kawaguchiko มองดูท้องฟ้าก็ยังคงเมฆเยอะเหมือนเดิม เราจึงเริ่มถอดใจ และเริ่มมองหาจุดจอดรถแล้วลงไปหาอะไรกินแทน
Oishi Park
เราขับรถเที่ยวไปเรื่อย และหาที่จอดถ่ายรูประหว่างทาง ที่นี่แม้จะเป็นช่วงปลายเดือนตุลาคม แต่ก็เริ่มจะมีใบไม้เปลี่ยนสีให้เห็นบ้างแล้ว ทั้งต้นเมเปิลและแปะก๊วย หลายต้นเริ่มมีสีสันพอให้ได้เก็บบรรยากาศ Autumn อยู่บ้าง
หลังจากหาร้านนั่งทานมื้อเที่ยงเสร็จ ช่วงบ่ายเราก็ขับรถวนเที่ยวอีกซักพักก็คืนรถแล้วนั่งรถไฟกลับ Tokyo ก็ถือเป็นอีกวันดีๆ แม้ไม่มีโอกาสได้เห็นภูเขาไฟฟูจิก็ตาม
ใบไม้เปลี่ยนสีริมทะเลสาบ Kawaguchiko
อีกหนึ่งวันถัดมา เป็นวันเที่ยวแบบเต็มวันวันสุดท้ายของทริปนี้ ก็ตามแผนเดิมและยังต้องคงแผนไว้ แม้ว่าฟ้าฝนจะยังไม่เป็นใจก็ตาม นั่นคือการพาเด็กๆ ไปเที่ยวที่ Yokohama Anpanman Children's Museum เพราะเป็นการ์ตูนตัวโปรดของเด็กๆ เขาเลยล่ะ
เราเดินทางมาที่ Yokohama พาเด็กๆ ไปเล่นที่ Museum อยู่ครึ่งวัน แล้วถือโอกาสเดินเล่นชมเมือง Yokohama ไปในตัวอีกครึ่งวัน ก่อนกลับมาเก็บกระเป๋าและเตรียมตัวกลับในวันถัดไป
พาเด็กมาเที่ยว Yokohama Anpanman Children's Museum
วันเดินทางกลับก็มาถึง เรามีไฟล์ท์กลับไทยกับสายการบิน ANA ในตอนเย็น ช่วงเช้าจึงพอมีเวลาให้เที่ยวใน Tokyo ได้บ้าง เลยตัดสินใจไปกันที่ Tokyo Skytree ซึ่งเดินทางไม่ไกลจากที่พักมาก
ไปถึงเจ้าหน้าที่แจ้งว่า สภาพอากาศวันนี้ ฟ้าปิด มีหมอกเยอะ ด้านบนไม่สามารถมองเห็นวิวได้ ให้เราตัดสินใจเองว่าจะซื้อตั๋วขึ้นไปหรือเปล่า ซึ่งเราก็คิดว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็ขึ้นไปแล้วกัน สรุป Tokyo Skytree ก็ถือเป็นจุดเช็คอินสุดท้ายก่อนเดินทางไปสนามบิน
Tokyo Skytree
ได้เวลาเดินทางกลับ หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่น 10 วัน 9 คืน ภารกิจที่วางไว้สำเร็จไป 2 ใน 3 อย่าง แต่ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ดีๆ ที่พวกเราได้ร่วมกันเดินทางมาทั้งครอบครัว แต่ความระทึกเหมือนจะมาอยู่ตอนเดินทางกลับ เพราะเป็นวันที่พายุซุปเปอร์ไต้ฝุ่นพัดเข้าญี่ปุ่นพอดี ทำให้เครื่องบินเราดีเลย์ไปหลายชั่วโมง แต่สุดท้ายก็เดินทางกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เรียกว่าเป็นทริปที่ครบรสชาติ และประทับใจสุดๆ ไปเลย
ทริปนี้เดินทางด้วยสายการบิน ANA
ที่เขียนมาทั้งหมด 3 ตอน เป็นทริปญี่ปุ่นในปี 2017 หลังจากนั้นมาเราได้กลับไปญี่ปุ่นอีกครั้ง 4 คน พ่อแม่ ลูกๆ ในช่วงปลายปี 2019 ข้ามมาปีใหม่ปี 2020 ก่อนหน้าที่เจ้า COVID-19 จะระบาดไปทั่วโลกเพียงไม่กี่วัน เอาไว้มาติดตามตอนต่อไปได้เร็วๆ นี้
ติดตามการเดินทางของพวกเราได้ที่เพจนี้ และ
โฆษณา