26 พ.ค. 2023 เวลา 22:01 • สุขภาพ

วิเคราะห์ความเชื่อการงดน้ำตาลในผู้ป่วยมะเร็ง

ผมบังเอิญไปเห็นในไลน์กลุ่มครอบครัว ที่มีการส่งต่อข้อมูลในทำนองที่ว่า "ผู้ป่วยมะเร็งหากยังกินน้ำตาลจะทำให้เซลล์มะเร็งโตขึ้น" หรือ "การงดน้ำตาลจะทำให้ฆ่าเซลล์มะเร็งได้" ผมที่ทำงานคุ้มครองผู้บริโภคอยู่แล้วรู้สึกสนใจในข่าวนี้ เลยไปหาข้อมูลต่อ
แน่นอนว่าผมไม่สามารถช่วยครอบครัวผมได้(ให้จบ ป.เอก 7 ใบเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอกถ้าคุณเป็นลูกเขา) แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าสิ่งที่ผมหามาจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่อาจมีคนที่รักตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าวหรือกำลังหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครับ
1
แน่นอนเรารู้กันดีอยู่แล้วว่าน้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย ร่างกายต้องการน้ำตาลในปริมาณที่เพียงพอเพื่อให้เป็นพลังงานในการขับเคลื่อนกิจกรรมของร่างกายในแต่ละวัน คำถามคือ ถ้าเรางดน้ำตาล ไม่กินแป้ง ไม่กินของหวานเลย น้ำตาลในร่างกายจะลดลงจนเหลือศูนย์ไหม?
คำตอบคือ "ไม่" ครับ เนื่องจากตับของเรายังสามารถสร้างน้ำตาลขึ้นมาทดแทนได้ ทำให้เซลล์มะเร็งยังคงมีน้ำตาลใช้ต่อไปเหมือนเดิม ดังนั้น ตรรกะที่ว่า "การงดน้ำตาลจะทำให้ฆ่าเซลล์มะเร็งได้" จะเป็นความคิดที่ผิดถนัดเลย
1
ในทางกลับกัน เซลล์ที่จะแย่กลับกลายเป็นเซลล์ของเราเอง ทำไมล่ะ? นั่นก็เพราะสิ่งที่เรียกว่า "Warberg effect" นั่นเอง
กลไกการทำงานของ Warberg effect
โดยสรุปง่ายๆ Warberg effect คือกลไกที่เซลล์มะเร็งมีศักยภาพในการดึงทรัพยากรทั้งหมดที่เซลล์ร่างกายต้องใช้ไปหามัน ทำให้ตัวมันเติบโตขึ้น การงดน้ำตาลนอกจากจะไม่ทำให้มันตายแล้ว ยังจะยิ่งทำให้เซลล์ของตัวเราซึ่งถูกดึงน้ำตาลที่ผลิตจากตับไปใช้กับเซลล์มะเร็ง ไม่มีแหล่งอาหารมากพอที่จะทำกิจกรรมตามปกติ
ลงท้ายก็เป็นร่างกายของผู้ป่วยเองนั่นแหละที่จะแย่ มะเร็งก็ไม่ตาย ซ้ำร้ายเรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ก็ลดน้อยลงอีก
สรุป ผู้ป่วยมะเร็ง ทานไปเถอะครับ ทำอย่างไงก็ได้ให้ร่างกายตัวเองแข็งแรง มีเรี่ยวแรงจะสู้ให้ได้มากที่สุด ส่วนการรักษาก็เข้าสู่การรักษาเชิงระบบ หมั่นดูแลตัวเอง และที่สำคัญอย่างพยายามหาอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นมาใส่ปากมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลยาหม้อ อังกาบต่างๆ นอกจากจะมีผลต่อระดับของยาในเลือดบางตัวแล้ว ยังจะทำให้ค่าตับค่าไตผิดปกติ การรักษายากขึ้น โรคเก่าไม่หาย โรคใหม่มาเยือนอีก
ส่วนอาหารที่อาจจะมองว่าควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยมะเร็ง คือกลุ่มอาหารสุกๆดิบๆ เนื่องจากยาหลายๆตัวมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้
ทั้งนี้อยากให้ฟังคำแนะนำของแพทย์ผู้ให้การรักษาเป็นสำคัญ และเหนือสิ่งอื่นใดคือกำลังใจจากครอบครัว คนรอบข้าง ให้ผู้ป่วยมีความหวังและมีแรงต่อสู้ต่อไป
อ้างอิง
Liberti, M. V., & Locasale, J. W. (2016). The Warburg Effect: How Does it Benefit Cancer Cells?. Trends in biochemical sciences, 41(3), 211–218.
โฆษณา