Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Winny Lawyer
•
ติดตาม
26 พ.ค. 2023 เวลา 16:43 • ยานยนต์
จองรถข้ามปี พอถึงวันรับรถปรับราคาขึ้น!!! ควรทำอย่างไร???
ช่วงนี้ในวงการรถยนต์ นอกจากจะประสบปัญหาชิปหาย... เอ้ย!!! ชิปขาดตลาด ทำให้บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ต่างหยิบยกมาเป็นข้ออ้างลดต้นทุน ปรับลดอุปกรณ์ (แต่เพิ่มราคา!!!) แล้ว เหล่าลูกค้าทั้งหลายกลับขยันติดตามข่าวสารและแสวงหารถยนต์รุ่นใหม่ๆ เที่ยววางเงินจองกันเป็นว่าเล่น ทำเอา Demand ล้นตลาดจนโรงงานต่างๆ ผลิตรถไม่ทันส่งมอบ
เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะค่ายรถหรูฝั่งเยอรมันเท่านั้น แม้แต่ตลาดรถญี่ปุ่นที่โรงงานมีกำลังการผลิตอย่างมหาศาลก็ยังผลิตรถไม่ทันต่อการส่งมอบ ทำให้ลูกค้าหลายคนหลังจากวางเงินจองไปแล้ว ต้องรอรถข้ามปีกันเลยทีเดียว
ทว่า... ลำพังการรอคอยคงไม่ใช่ปัญหา ถ้าเธอรักษาสัญญาไม่เปลี่ยนผันแปร
เป็นธรรมดาของค่ายรถยนต์แทบทุกยี่ห้อ ที่จะมีการปรับราคา ปรับออพชั่น และเปลี่ยนแปลงโปรโมชั่นทุกๆ ปี
ทำให้ลูกค้าหลายคนที่รอรถข้ามปีต้องเจอกับปัญหา “เซลล์แจ้งปรับราคา” “รถเปลี่ยนล็อตตัดอุปกรณ์” หรือแม้กระทั่งปัญหาจุกจิกอย่าง “เปลี่ยนแปลงรายการของแถม”
ลูกค้าหลายคนเลือกที่จะจำยอม เพราะอดทนรอมาเป็นปีแล้ว เลยต้องยอมเสียเปรียบจ่ายเงินเพิ่ม รับรถแบบไม่ตรงปกให้มันจบๆ กันไป
ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริงแล้ว เกี่ยวกับประเด็นนี้มีกฎหมายที่คุ้มครองผู้บริโภคเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวเอาไว้อยู่แล้ว แต่หลายคนไม่ทราบ
กฎหมายฉบับที่ว่าคือ ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการขายรถยนต์ที่มีการจองเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. ๒๕๕๑
ซึ่งมีใจความสำคัญในข้อ ๓ ระบุว่า
“สัญญาจองรถยนต์ที่ผู้ประกอบธุรกิจทำกับผู้บริโภคต้องมีข้อความเป็นภาษาไทยที่สามารถเห็นและอ่านได้ชัดเจน มีขนาดของตัวอักษรไม่เล็กกว่าสองมิลลิเมตร และต้องใช้ข้อสัญญาที่มีสาระสำคัญและเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) รายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ดังนี้
(๑.๑) ยี่ห้อ รุ่น ปีที่ผลิต สี และขนาดกำลังเครื่องยนต์
(๑.๒) รายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมและของแถมหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ (ถ้ามี)
(๑.๓) จำนวนเงิน หรือสิ่งที่รับไว้เป็นมัดจำ (ถ้ามี)
(๑.๔) ราคา
(๒) กำหนดเวลาที่คาดว่าจะส่งมอบรถยนต์
(๓) ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเมื่อผู้ประกอบธุรกิจกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๓.๑) ปรับเปลี่ยนราคารถยนต์สูงขึ้น
(๓.๒) ไม่ส่งมอบรถยนต์ให้ผู้บริโภคภายในระยะเวลาที่กำหนด
(๓.๓) ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มียี่ห้อ รุ่น ปีที่ผลิต สี และขนาดกำลังเครื่องยนต์ตรงตามที่กำหนดในสัญญา
(๓.๔) ไม่ส่งมอบรถยนต์ที่มีรายการอุปกรณ์ติดตั้งเพิ่มเติมและของแถม หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามที่กำหนดในสัญญา”
ผลของประกาศดังกล่าวทำให้ดีลเลอร์ผู้จำหน่ายรถยนต์ทุกแห่ง ที่เปิดให้ลูกค้าวางเงินจองรถก่อนจะซื้อนั้น ต้องกำหนดเงื่อนไขในใบจองหรือสัญญาจองรถตรงตามรูปแบบที่ระบุไว้ในประกาศนี้เท่านั้น หากสัญญาหรือใบจองฉบับใดไม่มีรายการเงื่อนไขดังกล่าวหรือกำหนดเงื่อนไขแตกต่างไปจากนี้ ให้ถือว่าใช้ข้อตกลงตามรูปแบบที่ประกาศนี้กำหนดไว้
ทั้งนี้ เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓๕ ทวิ ประกอบมาตรา ๓๕ ตรี
จากกฎหมายและประกาศดังกล่าว ผู้บริโภคจึงมีสิทธิและทางเลือก 2 ทาง คือ
1. เรียกร้องให้ผู้จำหน่ายส่งมอบรถรุ่นที่มีอุปกรณ์ รายการของแถม และสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามที่จอง ภายใต้ราคาเดิม
2. บอกเลิกสัญญาและเรียกคืนเงินจอง ซึ่งทางบริษัทผู้จำหน่ายรถมีหน้าที่ต้องคืนเงินจองเต็มจำนวนให้แก่ลูกค้าภายใน 15 วัน (ตามประกาศ ข้อ ๕)
หากลูกค้าต้องการรับรถรุ่นที่จองในราคาเดิมและทางดีลเลอร์ไม่ปฏิบัติตาม (สำหรับของแรร์จริงๆ เช่น พวก Type-R ที่จองยากระดับมหาโหด และถ้าปล่อยหลุดคิวคงหาราคาเดิมไม่ได้แล้ว) ลูกค้าย่อมมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลเป็นคดีผู้บริโภค (ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาล) เพื่อขอให้ศาลบังคับให้บริษัทผู้จำหน่ายปฏิบัติตามสัญญา และชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าขาดประโยชน์ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี ฯลฯ
เนื่องจากแม้ในประกาศฯ ดังกล่าวจะให้สิทธิผู้บริโภคบอกเลิกสัญญาได้ แต่ไม่ได้บังคับว่าจะต้องใช้สิทธิเลิกสัญญาเพียงอย่างเดียว เรายังคงมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้คู่สัญญาปฏิบัติตามสัญญาได้อยู่
แต่หากลูกค้าประสงค์จะใช้สิทธิเลิกสัญญาและขอรับเงินจองคืน เพราะทนรอรถต่อไปไม่ไหว หรือเพราะไม่อยากได้รถแล้ว เช่น อุปกรณ์ถูกปรับลดลงจากสายการผลิตและไม่มีรถที่มีอุปกรณ์ตามที่จองอยู่ในสต๊อกแล้ว หรือไม่อยากเสวนากับเซลล์และดีลเลอร์รายนี้อีกแล้ว ก็สามารถแจ้งความประสงค์ขอคืนเงินจองได้ทันที โดยขอให้มีหลักฐานการแจ้งที่พิสูจน์ได้ เช่น แจ้งผ่านไลน์แล้วแคปภาพหน้าจอไว้ หรือแจ้งผ่านอีเมลของบริษัทผู้จำหน่าย หรือทำเป็นหนังสือบอกกล่าวทวงถาม (notice) ส่งไปทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ
หลังจากได้รับคำบอกกล่าวเลิกสัญญาแล้วทางบริษัทผู้จำหน่ายต้องคืนเงินจองเต็มจำนวนให้แก่ลูกค้า ภายใน 15 วัน (15 วัน ตามกฎหมายนะครับ ไม่ใช่ 15 วันทำการ หากวันสุดท้ายไปตรงกับวันหยุดราชการหรือเสาร์อาทิตย์ ก็ให้นับวันถัดไป)
ถ้าบริษัทคืนเงินล่าช้าหรือไม่คืนภายในกำหนด ผู้บริโภคย่อมมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาบังคับให้ผู้จำหน่ายคืนทั้งเงินจอง ดอกเบี้ย และค่าเสียหายทั้งปวง โดยที่ฝ่ายผู้บริโภคไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมศาลแม้แต่บาทเดียว
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคไม่มากก็น้อยนะครับ
สงวนลิขสิทธิ์บทความโดย Winny Lawyer (ทนายวิน)
รถยนต์
กฎหมาย
การเงิน
1 บันทึก
2
2
1
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย