30 พ.ค. 2023 เวลา 04:54 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

พัฒนาการของภาษาเขียนโปรแกรม แบ่งออกเป็นแต่ละยุค อย่างไรบ้าง

ภาษาโปรแกรมสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายชั่วอายุคนโดยพิจารณาจากพัฒนาการทางประวัติศาสตร์และคุณสมบัติที่นำมาใช้ นี่คือภาพรวมของรุ่นภาษาโปรแกรมหลัก:
ภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรม จะพิจารณาตามยุคของภาษา และพัฒนาการของภาษา หรือเรียกว่ารุ่นของภาษาโปรแกรม แบ่งออกเป็นดังนี้ครับ
1. รุ่นที่ 1 (ภาษาเครื่อง) : ภาษาเครื่องเป็นภาษาระดับล่างสุดก็ว่าได้ ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้รหัสเลขฐาน 2 หรือไบนารี่ (0 และ 1) ที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้โดยตรง แทนคำสั่งและข้อมูล
2. รุ่นที่ 2 (ภาษาแอสเซมบลี) : ภาษาแอสเซมบลี จะใช้รหัสช่วยจำเพื่อแสดงแทนคำสั่งภาษาเครื่อง ทำให้มนุษย์สามารถอ่านเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีความใกล้ชิดกับภาษาเครื่องอยู่มาก ซึ่งจะใช้ตัวแปลภาษาแอสเซมบลี่ที่เรียกว่าแอสเซมเบลอร์เพื่อแปลงโค้ดจากภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่องเพื่อให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและทำงานให้
3. รุ่นที่ 3 (ภาษาระดับสูง) : ภาษาระดับสูงได้รับการพัฒนาให้มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น มีความเป็นอิสระจากสถาปัตยกรรมคอมเพิวเตอร์มากขึ้น ซึ่งมีการประกาศตัวแปร ชนิดข้อมูล การวนลูป ฟังก์ชั่น มาช่วยเป็นโครงสร้างการควบคุม ยกตัวอย่างเช่น ภาษาฟอร์แทรน ภาษาโคบอล อัลโกล เบสิก ซี ปาสคาล และอื่นๆ
4. รุ่นที่ 4 (4GL): ในภาษารุ่นที่สี่นี้เน้นไปที่การพัฒนาโปรแกรมฐานข้อมูลและการจัดการกับข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้การสืบค้นข้อมูล การจัดการฐานข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีไวยกรณ์ที่นำมาใช้งานในการสืบค้นข้อมูล ยกตัวอย่างได้แก่ SQL (Structured Query Language), MATLAB และ R เป็นต้น
5. รุ่นที่ 5 (AI Languages): ในภาษายุคที่ห้านี้มุ่งเน้นที่จะช่วยให้คอมพิวเตอร์สามารถที่จะตอบโต้หรือทำงานต่างๆได้เหมือนมนุษย์ ภาษาของการเขียนจะมีความใกล้เคียงกับภาษาธรรมชาติ อิงฐานความรู้ที่กว้างขวาง แต่ก็มีข้อจำกัดในการพัฒนาอยู่บ้างซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสีย จึงต้องมีความระมัดระวังในการนำมาใช้งาน
6. รุ่นที่ 6 Domain-Specific Languages (DSL): ในภาษาเฉพาะส่วนสำหรับการทำงานบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเช่น HTML และ CSS เพื่อการพัฒนาเว็ปต่างๆ, LaTex สำหรับการเรียงพิมพ์ และ SQL สำหรับการสืบค้นข้อมูล
โดยรวมในการจำแนกประเภทตามรุ่นเหล่านี้ไม่ได้มีการซ้ำซ้อนในเรื่องของภาษา หรือไม่ได้มีกฏเกณฑ์ที่เข้มงวดมากมาย แต่ภาษาเขียนโปรแกรมต่างๆเหล่านี้ได้รับการพัฒนาให้มีความเฉพาะตัวในแต่ละรุ่น ซึ่งรุ่นต่างๆก็มีจุดอ่อน จุดแข็งแต่ละแบบมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าจะนำไปใช้งานในด้านต่างๆตามความจำเป็นครับ
โฆษณา