31 พ.ค. 2023 เวลา 04:57 • กีฬา

“โรมัน เรนส์” แชมป์โลก 1,000 วันที่ WWE ปลุกปั้นจนทำลายโอกาสคนอื่น | Main Stand

ในที่สุด โรมัน เรนส์ นักมวยปล้ำซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ของ WWE เดินทางเข้าสู่หลักไมล์สำคัญของอาชีพ เมื่อเขาได้รับการบันทึกสถิติว่าเป็นแชมป์ยูนิเวอร์แซล หรือแชมป์โลกของสมาคมครบ 1,000 วันไปแล้วในศึกใหญ่ Night of Champions ที่ซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจุดพลุและฉลองร่วมกันอย่างยิ่งใหญ่
ถึงจะได้รับการยกย่องให้เป็นสตาร์เบอร์ 1 ของ WWE พร้อมเข็มขัดแชมป์โลกอันทรงเกียรติและผลักดันให้เป็นตำนานของสมาคม ทว่าแฟนมวยปล้ำตัวจริงหลายรายไม่ให้การยอมรับ โรมัน เรนส์ เท่าที่ควร ด้วยสไตล์การปล้ำที่น่าเบื่อ ใช้อยู่ไม่กี่ท่า ไม่ค่อยป้องกันแชมป์ หรือต่อให้ขึ้นเวทีป้องกันเข็มขัดก็จะมีลูกน้องมาช่วยโกงอยู่ข้างเวทีเสมอ จนกลายเป็นการตัดโอกาสของนักมวยปล้ำฝีมือดีหลายคนที่ควรจะได้ครองเข็มขัดแชมป์แม้เก่งกาจแค่ไหนก็ตาม
และนี่คือเรื่องราวการครอบครองเข็มขัดแชมป์มวยปล้ำ WWE ครบ 1,000 วันของ โรมัน เรนส์ ที่แลกมาด้วยเสียงชื่นชมระคนเบื่อหน่ายของคนดู ที่ Main Stand นำมาเล่าในครั้งนี้
ชายจากตระกูลมวยปล้ำ “อาโนอิ”
หากเอื้อนเอ่ยถึง “ตระกูลอาโนอิ” แฟนมวยปล้ำพันธุ์แท้ย่อมรู้จักกันดีว่า นี่คือหนึ่งในตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งโลกมวยปล้ำ จากการที่ทุกคนในตระกูลล้วนเดินบนเส้นทางนักมวยปล้ำเกือบทั้งหมด ตั้งแต่ อามิทัวไน อาโนอิ ผู้เป็นนักมวยปล้ำมาตั้งแต่ต้นตระกูล
ก่อนส่งต่อจิตวิญญาณนักมวยปล้ำไปยังลูกหลานของตัวเองจนมีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับในวงการมากมาย เช่นคนที่แฟน ๆ รู้จักกันดีอย่าง อาฟ่า กับ ซิก้า อาโนอิ แท็กทีมผู้ยิ่งใหญ่ ตามด้วย โยโกซูน่า แชมป์โลก 2 สมัยที่มาพร้อมร่างกายใหญ่โตที่คนดูไม่มีวันลืม หรือ ริกิชิ ฟาตู นักมวยปล้ำบั้นท้ายดินระเบิดแห่งยุค 1990s และ อูมาก้า มอนสเตอร์ จอมน่าเกรงขามผู้ล่วงลับ
โรมัน เรนส์ หรือชื่อจริงคือ ลีอาติ โจเซฟ อาโนอิ คือลูกหลานอีกคนแห่งตระกูลที่ได้รับการส่งต่อจิตวิญญาณนักมวยปล้ำจากปู่อามิทัวไน และพ่อของเขา ซิก้า อาโนอิ แม้ที่จริงแล้ว โรมัน เรนส์ จะไม่ได้เริ่มฝึกมวยปล้ำมาตั้งแต่ต้นเพราะเขาสนใจกีฬาอเมริกันฟุตบอลมากกว่า เขาเล่นอเมริกันฟุตบอลมาตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลต่อด้วยมหาวิทยาลัย แม้จะไม่ถูกดราฟต์ตัวเข้าสู่ NFL แต่ก็เคยมีโอกาสได้ไปซ้อมกับทีมใน NFL อย่าง มินนิโซตา ไวกิงส์ กับ แจ็คสันวิลล์ จากัวร์ส
ทว่าความโชคร้ายจากโรคลูคิเมียหรือมะเร็งในเม็ดเลือดขาวกลายเป็นอุปสรรคฉุดรั้งให้เขาไม่สามารถลงเล่นอาชีพได้ ถึงจะได้โอกาสเล่นกับ เอ็ดมอนตัน เอสกิโม ในลีกแคนาดา ในปี 2008 แต่ก็เป็นสัญญาแค่ปีเดียว ก่อนรีไทร์จากวงการไปเมื่อหมดสัญญา
แม้ความฝันในการเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลต้องจบลง แต่ โรมัน เรนส์ ยังมีสิ่งหนึ่งที่ได้ติดตัวมา นั่นคือร่างกายที่แข็งแรงแบบนักกีฬาอาชีพ รวมถึงการได้รับคำแนะนำจากคนในตระกูลอาโนอิให้เขาเข้าสู่วงการมวยปล้ำ โรมัน เรนส์ ผู้มี เบรต “เดอะ ฮิตแมน” ฮาร์ต นักมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค 90s เป็นไอดอล ทำให้ลูกชายของซิก้าตัดสินใจเริ่มฝึกมวยปล้ำและขีดเส้นทางใหม่ในชีวิตไปสู่เวทีมวยปล้ำในฐานะลูกหลานอีกคนแห่งตระกูลอาโนอิผู้ยิ่งใหญ่
แจ้งเกิดในกลุ่มนักรบ The Shield
ถึงจะเป็นลูกหลานแห่งบ้านใหญ่อาโนอิ แต่การเดินทางสู่การเป็นนักมวยปล้ำที่คนดูยอมรับนั้นไม่มีทางลัด โรมัน เรนส์ ต้องเริ่มจากศูนย์เหมือนกับคนอื่น เขาเซ็นสัญญากับ WWE เมื่อปี 2010 เข้ามาเป็นนักมวยปล้ำฝึกหัดของสมาคม และถูกส่งตัวไปเรียนวิชากับค่ายลูกอย่าง FCW ที่ฟลอริดา (ซึ่งกลายเป็น NXT ค่ายพัฒนาทักษะดาวรุ่งในเวลาต่อมา) ช่วงเวลานั้นโรมันเรียนรู้ทักษะการปล้ำบนเวที สกิลการพูดออกไมค์ และได้ปะทะกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง เซ็ธ โรลลินส์ กับ ดีน อัมโบรส ซึ่งวันหนึ่งทั้งสามจะได้กลายเป็นเพื่อนร่วมทีมกันในเวลาต่อมา
วันที่ 18 พฤศจิกายน 2012 ในศึกใหญ่ Survivor Series เมื่อทุกอย่างสุกงอมพร้อมใช้ โรมัน เรนส์, เซ็ธ โรลลินส์ และ ดีน อัมโบรส ก็ถูกโปรโมตขึ้นสู่ WWE ค่ายหลักในฐานะทีมนักรบมวยปล้ำ The Shield ทั้งสามขึ้นมาขัดขวางแมตช์ชิงแชมป์ 3 เส้าระหว่าง ซีเอ็ม พังค์, จอห์น ซีน่า กับ ไรแบ็ค บนเวที ก่อนจับไรแบ็คใส่พาวเวอร์บอมบ์ฟาดกับโต๊ะผู้บรรยาย ช่วยให้ ซีเอ็ม พังค์ ป้องกันแชมป์ไว้ได้ ส่วนคนดูก็สงสัยกันไปว่าเจ้า 3 หน่อหน้าใหม่ที่โผล่มาในคู่เอกคือลูกเต้าเหล่าใครกัน
เส้นทางของ The Shield ถือว่าสดใสเพราะ WWE ผลักดันพวกเขาอย่างเต็มที่ทั้ง โรมัน เรนส์ ที่มาในสายพาวเวอร์ฮอร์ส พูดน้อยอัดหนัก ขณะที่ ดีน อัมโบรส มาสายบู๊ล้างผลาญไม่หวั่นเกรงสิ่งใด และ เซ็ธ โรลลินส์ ที่เป็นสายเทคนิคลีลาสูง ทั้งสามค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์บนเวทีหลักของ WWE
จนได้ขึ้นปล้ำรายการใหญ่และมีเข็มขัดแชมป์เป็นของตัวเอง ทั้งแชมป์แท็กทีม 3 สมัย (สลับกันเป็น) แชมป์ยูเอส, แชมป์ยูนิเวอร์แซล จนในที่สุดพวกเขาก็ซื้อใจคนดูได้สำเร็จ จากทีมที่เคยมีภาพลักษณ์ออกมาทำร้ายชาวบ้านบนเวทีก็กลายเป็นกลุ่มพระเอกรุ่นใหม่ที่ต่างคนต่างมีแฟนคลับติดตาม
อย่างไรก็ตาม วันที่ 2 มิถุนายน 2014 ก็ถึงคราว The Shield แตกสลายเมื่อ เซ็ธ โรลลินส์ หักหลัง โรมัน และ ดีน ด้วยการใช้เก้าอี้ตีหลังและเปิดทางให้ ทริปเปิลเอช กับ แรนดี้ ออร์ตัน ขึ้นมาทำร้ายตามแผนการที่วางไว้ (ตามบท) จนที่สุด The Shield ก็ยุบวงและแยกย้ายไปตามทางของตัวเอง กลับกันก็ถือเป็นโอกาสที่ WWE จะได้ผลักดัน โรมัน เรนส์ อย่างเต็มตัว หลังจาก วินซ์ แม็คแมน เจ้าของสมาคม และทีมงานเล็งเห็นศักยภาพในตัวเขาว่ามีดีพอที่จะผลักดันให้เป็นสตาร์ระดับสูงที่จะเป็นพระเอกของสมาคมในอนาคต
พระเอกที่ถูกโห่
หลังแยกจาก The Shield เส้นทางการเป็นนักมวยปล้ำเดี่ยวของ โรมัน เรนส์ ถือว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบเมื่อ WWE ผลักดันเขาเต็มที่ในฐานะนักมวยปล้ำสายพระเอก ได้ปล้ำเป็นคู่เมนอีเวนต์รายการต่าง ๆ มากมาย ได้เป็นแชมป์ Royal Rumble ในปี 2015 คว้าสิทธิ์ชิงเข็มขัดแชมป์โลกกับ บร็อค เลสเนอร์ ในศึก WrestleMania ครั้งที่ 31 ในปีเดียวกัน
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมากลับผิดคาด เมื่อเขาถูกคนดูโห่ใส่ทั้งที่เป็นฝ่ายธรรมะ ซึ่งเหตุผลก็เพราะสไตล์การปล้ำอันน่าเบื่อ ใช้แค่ไม่กี่ท่า ต่อย ชก สเปียร์ และซูเปอร์แมนพันช์ ที่เป็นสูตรคอมโบ้ที่ใช้ทีไรก็ชนะประจำจนคนดูมวยปล้ำตัวจริงไม่ชอบ และรู้สึกว่ากำลังถูก WWE ยัดเยียดนักมวยปล้ำไร้เสน่ห์อย่างโรมันให้ดูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่ง WWE ผลักดันโรมันให้ชนะคู่ต่อสู้มากเท่าไร คนดูมวยปล้ำตัวจริงก็ยิ่งโห่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความสำเร็จกับฝีมือที่แสดงบนเวทีนั้นสวนทางกันสิ้นเชิง เขาปล้ำไม่เก่ง สกิลไมค์ไม่ได้ ถึงขั้นที่คนดูตะโกนด่า Roman Sucks! (ไอ้ห่วยโรมัน)
ในรายการถ่ายทอดสดหลายครั้ง และวันที่คนดูโกรธมากที่สุดคือการที่ WWE จัดให้ โรมัน เรนส์ โค่น อันเดอร์เทเกอร์ ตำนานผู้เป็นที่รักของแฟน ๆ ในคู่เอกของศึกใหญ่ WrestleMania เมื่อปี 2017 โดยที่ “เดอะ บิ๊กด็อก” ใช้ท่าไม้ตาย สเปียร์ กับ ซูเปอร์แมนพันช์ วนไปวนมาจนยัดเยียดความปราชัยใส่อันเดอร์เทเกอร์จนถูกกดนับสาม ทำเอาคนดูกว่า 70,000 คนในสนามโห่กันหนักหน่วง
1
เมื่อถูกถามเรื่องกระแสต่อต้านจากแฟนมวยปล้ำ โรมันตอบประหนึ่งว่าเขาไม่ได้สนใจเสียงโห่ของคนดูแม้แต่น้อย “คนดูนั้นไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องมวยปล้ำ เขาจะพูดหรือวิจารณ์นักมวยปล้ำคนไหนก็ได้ มันเป็นเรื่องบ้าบอและทำให้ผมทึ่งมาก ๆ”
“ความเกลียดชังเหล่านั้นทำให้ผมอยากหัวเราะออกมา ทุกคนเป็นนักวิจารณ์กันหมด พวกเขาไม่ใช่นักมวยปล้ำ คนพวกนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องจับล็อกคู่ต่อสู้ยังไง หรือถ้าโดนล็อกแล้วจะแก้ยังไง ผิดกับนักมวยปล้ำคนอื่นที่คอยวิจารณ์และแนะนำสิ่งที่ผมทำเสมอ การที่คนเหล่านั้นมาวิจารณ์พวกเราช่างน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน” โรมัน เผย ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดของเขาเปรียบเสมือนการราดน้ำมันลงบนกองไฟ และยิ่งทำให้คนไม่ชอบเขามากขึ้นไปอีก
แต่ถึงอย่างนั้น เสียงโห่ก็ไม่อาจหยุดยั้งแผนการใด ๆ ที่ WWE วางไว้เมื่อ วินซ์ แม็คแมน และทีมงานยังเดินหน้าปลุกปั้นโรมันต่อไปจนกวาดเข็มขัดแชมป์ต่าง ๆ และรางวัลนักมวยปล้ำยอดเยี่ยมของ Slammy Awards หลายสมัย (ซึ่งก็เป็นรางวัลจากสมาคม WWE นั่นแหละ) โรมันยังคงทำงานของตัวเองท่ามกลางเสียงต่อต้านจากคนดู ก่อนต้องหายจากจอไปในเดือนเมษายน ปี 2019
เพราะมีอาการป่วยลูคิเมียกำเริบอีกครั้ง ตลอดจนความกังวลเรื่องการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ระบาดทั่วโลกในช่วงต้นปี 2020 จนต้องถอนตัวในศึกชิงแชมป์ยูนิเวอร์แซลของ WrestleMania ครั้งที่ 36 ไป
รีแบรนดิ้งเป็น The Tribal Chief
หลังหายจากหน้าจอไป 1 ปี ในที่สุดศึกใหญ่ SummerSlam แบบไร้คนดูในสนามเมื่อปี 2020 โรมัน เรนส์ ก็หวนคืนสู่วงการอีกครั้งด้วยการทำร้าย “เดอะ ฟีนด์” เบรย์ ไวแอต บนเวทีพร้อมท้าชิงเข็มขัดยูนิเวอร์แซล แล้วก็มาประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ยูนิเวอร์แซลเส้นสีฟ้ามาครองได้ หลังเอาชนะ เดอะ ฟีนด์ และ บรอวน์ สโตรแมน ไปได้ในศึก Payback ถัดมา
นอกจากการคว้าแชมป์ยูนิเวอร์แซลมาครองได้ในเวลาไม่ถึงเดือนที่คัมแบ็ก โรมัน เรนส์ ยังรีเทิร์นมาพร้อมบุคลิกใหม่ นั่นคือ “The Tribal Chief” หรือ “หัวหน้าเผ่า” ที่เป็นนักมวยปล้ำฝ่ายอธรรมแบบเต็มตัว โดยมี พอล เฮย์แมน เป็นผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแลเคียงข้าง ซึ่งกลายเป็นว่าการเปลี่ยนบุคลิกครั้งนี้มันได้ผล เมื่อโรมันสลัดภาพพระเอกแข็ง ๆ ที่คนดูไม่ชอบในอดีตมาแสดงบทอธรรมได้อย่างไร้ที่ติ แถมยังขยับขยายอิทธิพลดึงพี่น้องฝาแฝดแท็กทีม เจย์ และ จิมมี่ แห่ง The Usos มาสร้างกลุ่มครอบครัวของตัวเองในชื่อ The Bloodline
การมาของ โรมัน เรนส์ ในร่างใหม่พร้อมครอบครัว The Bloodline ซึ่งมีสายเลือดแห่งตระกูลอาโนอิไหลเวียนอยู่ในร่างทั้ง 3 คน (เจย์ และ จิมมี่ คือลูกชายของ ริกิชิ ตำนานมวยปล้ำอีกรายของบ้านอาโนอิ) สร้างกระแสตอบรับจากคนดูได้อย่างยอดเยี่ยม คนที่เคยโห่ใส่โรมันก็หันมายกนิ้วชี้ขึ้นฟ้าและยกย่องตัวเขาในร่าง The Tribal Chief ในฐานะ “หัวหน้าครอบครัว” Head of the Table แม้จะยังใช้สูตรคอมโบ้ 3 ท่าเหมือนเดิม
แต่พอปรับมาเป็นฝ่ายอธรรมกลับตีบทแตกได้ถึงรสถึงชาติ สกิลพูดออกไมค์ที่เคยเป็นจุดอ่อนก็ถูกกลบด้วยท่าทางและบุคลิกอันดุดันเคร่งขรึมสไตล์ตัวโกง พร้อมวลีเด็ดติดตัวที่พูดทุกครั้งเมื่อขึ้นเวทีว่า Acknowledge Me! (จงยอมรับข้า)
จนถึงในวันที่ 3 เมษายน 2022 โรมันก็ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของการเป็นนักมวยปล้ำของ WWE ด้วยการเป็นคู่เอกในศึก WrestleMania ครั้งที่ 38 ค่ำคืนนั้น โรมัน เปิดศึกกับ บร็อค เลสเนอร์ ในแมตช์ชิงเข็มขัดแชมป์โลก 2 เส้นที่โรมันถือเส้นยูนิเวอร์แซลอยู่ และบร็อคก็ถือเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวต WWE เส้นสีดำอยู่ ผู้ชนะในแมตช์นี้จะได้เข็มขัดทั้งสองเส้นไปครองและถูกควบรวมเป็นตำแหน่งเดียว นั่นคือแชมป์โลกแบบ Undisputed Champion (แชมป์โลกแบบไร้ข้อกังขา)
แมตช์คู่เอกที่ เอทีแอนด์ที สเตเดียม จบลงด้วย โรมัน เรนส์ ใช้ท่าสเปียร์เผด็จศึก บร็อค เลสเนอร์ จับกดนับสาม คว้าแชมป์โลกของ WWE และป้องกันเข็มขัดยูนิเวอร์แซลของตัวเองได้ ก่อนสถาปนาตนเป็นแชมป์โลกแบบไร้ข้อกังขาโดยสมบูรณ์ พร้อมเสียงเฮจากคนดูกว่า 78,000 คนในสนามที่ไม่มีใครสงสัยโรมันในร่าง The Tribal Chief อีกต่อไป
เดินทางสู่แชมป์ 1,000 วัน
หลังยกสถานะขึ้นเป็นแชมป์โลก Undisputed Champion ในปี 2022 WWE ก็วางแผนผลักดัน โรมัน เรนส์ ไปสู่หลักไมล์สำคัญ นั่นคือการครองแชมป์มวยปล้ำ WWE ไปให้ถึง 1,000 วัน พร้อมกับช่วยสร้าง The Bloodline ให้ไร้เทียมทานขึ้นไปอีก
ด้วยการส่งโรมันไปป้องกันแชมป์เอาชนะคู่ต่อสู้มากหน้าหลายตา ขณะที่ เจย์ และ จิมมี่ แห่ง The Usos ก็คว้าแชมป์แท็กทีม 2 เส้นของ RAW และ Smackdown! และกลายร่างเป็น Undisputed Champion ตามรอยหัวหน้าเผ่า พร้อมกับดึง โซโล่ ซิโค่ ดาวรุ่งจาก NXT ผู้มีสายเลือดตระกูลอาโนอิ และเป็นลูกชายของริกิชิมาร่วมเป็นครอบครัว The Bloodline อีกคน
และด้วยความที่ WWE ตั้งใจอย่างยิ่งที่จะให้ โรมัน เรนส์ ถือเข็มขัดแชมป์ 2 เส้นไปให้ถึง 1,000 วันให้ได้ พวกเขาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ The Tribal Chief ไปให้ถึงเป้าหมาย เช่นให้ปรากฏตัวป้องกันแชมป์เฉพาะรายการใหญ่สำคัญเท่านั้นอย่าง SummerSlam, Clash of the Castle, Crown Jewel ส่วนรายการรายสัปดาห์อย่าง RAW และ Smackdown! ให้ถือเข็มขัดออกมาและพูดสั่งสอนคนดู Acknowledge Me! อย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม ชัยชนะที่โรมันได้รับตลอดทางนั้นกลับไม่สง่าโสภาเหมือนตอนที่คัมแบ็กเมื่อปี 2021 เพราะชัยชนะส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ลูกน้องอย่าง The Usos หรือ โซโล่ มาช่วยโกงข้างเวที ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Summer Slam 2022 ที่ โรมัน เอาชนะ บร็อค เลสเนอร์ ไปได้ในแมตช์ Last Man Standing (น็อกคู่ต่อสู้นอนนับ 10) โดยมี เจย์ กับ จิมมี่ ออกมารุมช่วยกันโกงและช่วยกันเอาซากโต๊ะผู้บรรยายมาทับบร็อคจนลุกไม่ขึ้นถูกนับ 10 ส่งให้โรมันป้องกันแชมป์ด้วยเสียงเฮและโห่จากคนดูระคนกัน
หรือศึกใหญ่ที่เวลส์อย่าง Clash at the Castle ที่จัดให้ โรมัน ป้องกันแชมป์กับ ดรูว์ แม็คอินไตร์ นักมวยปล้ำฮีโร่ของชาวสหราชอาณาจักร ต่อหน้ากองเชียร์กว่า 62,000 คน ที่เวลส์ สุดท้ายก็เป็น โรมัน ที่ชนะไปแบบโกง ๆ หลังจาก ดรูว์ จับ โรมัน กดแล้วแต่ดันมี โซโล่ น้องใหม่แห่ง The Bloodline มาลากขากรรมการตกเวทีไม่ให้นับสาม
จนทำให้ โรมัน ฟื้นขึ้นมาสเปียร์แล้วจับ ดรูว์ กดนับสาม พ่ายแพ้คาบ้านชนิดที่แฟนมวยปล้ำทั้งสนามที่อยากเห็นนักมวยปล้ำจากสหราชอาณาจักรอย่าง ดรูว์ (ผู้เป็นชาวสกอตต์) คว้าแชมป์ ชูนิ้วกลางให้ โรมัน และ WWE อย่างพร้อมเพรียง
รวมถึง WrestleMania ครั้งที่ 39 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2023 ที่ โรมัน ขึ้นป้องกันแชมป์เจอกับ โคดี้ โรดส์ สตาร์ฝ่ายธรรมะที่แฟน ๆ เชียร์กันล้นหลาม แต่สุดท้ายนอกจากยังใช้คอมโบ 3 ท่าตามสไตล์ ยังใช้ให้ โซโล่ ช่วยโกงตอนกรรมการเผลอ จับ โคดี้ ใส่ท่า ซาโมน สไปค์ แล้วเปิดทางให้ โรมัน พุ่งมาสเปียร์กดนับสาม ชนะป้องกันแชมป์ไปอีกครั้งแบบค้านสายตาคนดูกว่า 81,000 คนที่ SoFi Stadium ก่อนชูเข็มขัด 2 เส้นที่ถือไว้มา 1 ปีกว่าอย่างภาคภูมิใจ
1
แม้จะชนะแบบโกง ๆ ค้านสายตาคนดูสักแค่ไหน สุดท้าย โรมัน เรนส์ ก็เดินทางถึงหลักไมล์สำคัญของชีวิตตัวเองจนได้ เมื่อเขาได้สถิติครองแชมป์ครบ 1,000 วันไปเรียบร้อยในศึกใหญ่ Night of Champions ที่ซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยที่ตัวเองไม่ได้ป้องกันแชมป์ที่ถือไว้แล้วไปจับมือกับ
โซโล่ น้องเล็กแห่ง The Bloodline ร่วมกันชิงเข็มขัดแท็กทีม Undisputed Champion ของ เควิน โอเวนส์ และ เซมี่ เซน อีกต่างหาก กระนั้น โรมัน และ โซโล่ ก็ทำไม่สำเร็จหลังโดน จิมมี่ อูโซ่ ที่โกรธแค้นจากการถูกหัวหน้าเผ่าแย่งโอกาสทวงแชมป์ขึ้นมาเตะซูเปอร์คิก 2 ครั้งแล้วช่วยให้ เซมี่ กับ โอเวนส์ รวมพลังเล่นงาน โซโล่ จับกดนับสามป้องกันแชมป์ไปได้
ถึงจะอดได้เข็มขัดเพิ่มเป็น 4 เส้น แต่แชมป์ Undisputed Champion ที่ยังไม่เสียไปก็ทำให้โรมันมีสถานะครองแชมป์ครบ 1,000 วันตามเป้าหมาย (นับตั้งแต่วันที่ได้แชมป์ยูนิเวอร์แซล เมื่อปี 2020) กระนั้นคนที่ยังคงถือสถิติครองแชมป์สูงสุดตลอดกาลยังคงเป็น บรูโน่ ซามมาร์ติโน่ ตำนานนักมวยปล้ำผู้ยิ่งใหญ่ลูกครึ่งอิตาลี-อเมริกัน ที่ครองแชมป์ยาวนานที่สุด 2,803 วัน ซึ่งทาง WWE จะมีแผนให้โรมันทำลายสถิติครองแชมป์ยาวนานที่สุดหรือไม่ต้องรอดูในอนาคต
แชมป์ 1,000 วันที่ทำลายโอกาสคนอื่น
ขณะที่ WWE และแฟนคลับของ โรมัน เรนส์ รู้สึกปลาบปลื้มกับสถิติแชมป์ 1,000 วันที่เกิดขึ้น แต่อีกมุมหนึ่งแฟนมวยปล้ำพันธุ์แท้ที่ติดตาม WWE ด้วยกรอบแว่นแห่งความจริงกลับไม่รู้สึกยินดีกับตัวเลข 1,000 วันของ โรมัน เรนส์ สักเท่าไร เพราะมันคือสถิติที่เกิดขึ้นจากการที่ WWE ผลักดันลูกหลานแห่งตระกูลอาโนอิคนนี้แบบสุดลิ่มทิ่มประตูโดยไม่สนเสียงโห่หรือคำด่าทอใด ๆ และไม่สนว่าจะไปทำลายโอกาสนักมวยปล้ำคนไหนบ้าง
ย้อนไปเมื่อศึก WrestleMania ปี 2022 WWE วางแผนใหญ่ในการจัดศึก “แชมป์ชนแชมป์” ระหว่าง โรมัน เรนส์ เจ้าของเข็มขัดยูนิเวอร์แซล กับ บร็อค เลสเนอร์ เจ้าของแชมป์เฮฟวี่เวตเส้นสีดำ ซึ่งผู้ชนะจะได้เข็มขัดทั้งสองเส้นมาครอบครองและถูกควบรวมเป็น Undisputed Champion ที่แท้จริง และในที่สุด “ท่านหัวหน้าเผ่า” ก็ได้เป็น Undisputed Champion รวมเข็มขัดสองเส้นไว้ที่ตัวเอง แต่สิ่งที่ตามมาคือโอกาสที่หายไปของนักมวยปล้ำคนอื่น ๆ ที่ทำงานกับสมาคมทุกสัปดาห์ด้วยความหวังว่าจะได้เป็นแชมป์เส้นใหญ่กับเขาบ้างสักวัน
1
เดิมทีเข็มขัดแชมป์ WWE ทั้งสองเส้นถูกจับแยกกันอยู่คนละแบรนด์ เส้นเฮฟวี่เวตสีดำอยู่กับ RAW และเส้นยูนิเวอร์แซลสีฟ้า อยู่กับ SmackDown! ทว่าพอเข็มขัดทั้งสองเส้นถูกควบรวมเป็น Undisputed Champion ก็ทำให้เข็มขัดทั้งหมดตกไปอยู่กับโรมันที่อยู่รายการ SmackDown!
ส่วนฝั่ง RAW ก็ไม่มีเข็มขัดแชมป์เส้นใหญ่ให้ชิง ส่งผลให้นักมวยปล้ำที่อยู่ใน RAW ขึ้นเวทีปล้ำกันแบบว่างเปล่าไร้จุดหมาย เพราะ WWE ดันรวบเข็มขัดไปอยู่กับโรมันคนเดียว แถมเจ้าของแชมป์ยังทำงานประหนึ่งเป็นนักมวยปล้ำพาร์ตไทม์ มาบ้าง ไม่มาบ้าง ขึ้นปล้ำแต่ศึกใหญ่ที่สำคัญเท่านั้น ทำให้นักมวยปล้ำที่เหลือไม่มีโอกาสที่จะได้ชิงแชมป์โลกจากโรมันบ้างเลย
1
ขณะเดียวกันนักมวยปล้ำระดับซูเปอร์สตาร์บางรายที่มีโอกาสได้ท้าชิงเข็มขัดแชมป์ Undisputed Champion กับโรมันจริง ๆ ในช่วงกลางปี 2022 ถึงต้นปี 2023 ต่างก็ถูกเขียนให้มีสถานะเป็นแค่ “เหยื่อ” นอนให้ The Tribal Chief จับกดเพิ่มสถิติครองแชมป์เท่านั้น เช่น ดรูว์ แม็คอินไตร์ ที่โดนจับกดนับสามใน Clash at the Castle
ต่อหน้ากองเชียร์ที่บ้านตัวเอง หรือ โคดี้ โรดส์ ที่เซ็นสัญญากลับมาร่วมงานกับ WWE เพื่อคว้าแชมป์โลกตามความฝันของคุณพ่อ ดัสตี้ โรดส์ ให้เป็นจริง แต่ก็ดันเจอ โรมัน กับ โซโล่ ช่วยกันโกงจนชนะป้องกันแชมป์ได้อีกใน WrestleMania ครั้งที่ 38
อีกเรื่องที่แฟนมวยปล้ำส่วนใหญ่ไม่พอใจก็คือ โรมันที่ป้องกันแชมป์ได้ทุกครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการทุ่มเทฝีมือเต็มที่เพื่อเอาชนะแบบขาวสะอาดสมศักดิ์ศรีแชมป์ แต่ชนะเพราะมีลูกน้องมาช่วยโกงข้างเวที เช่นตอนที่ ดรูว์ แม็คอินไตร์ แพ้คาบ้านที่ Clash at the Castle ก็เพราะมี โซโล่ มาขัดขวางการนับของกรรมการ หรือตอนที่ บร็อค เลสเนอร์ แพ้ใน SummerSlam ก็เพราะมีพี่น้อง The Usos มาช่วยรุม และตอนที่ โคดี้ โรดส์ แพ้ใน WrestleMania ก็เพราะเจอ โซโล่ มาช่วยโกงอีกตามสูตรเดิม
แล้วเมื่อเข็มขัดแชมป์ 2 เส้นอยู่กับ โรมัน เรนส์ คนเดียวนานวันเข้าเรื่อย ๆ ทีมครีเอทีฟของ WWE ก็เจอกับทางตันเพราะไม่รู้จะหาทางออกให้กับนักมวยปล้ำคนอื่น ๆ อย่างไร โดยเฉพาะฝั่ง RAW ที่ไม่มีเข็มขัดแชมป์เส้นใหญ่ของตัวเองไว้ให้ช่วงชิง จนในที่สุด ทริปเปิลเอช และทีมงานฝ่ายครีเอทีฟต้องสร้างเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวตเส้นใหม่ที่เปิดตัวเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา
แล้วจัดทัวร์นาเมนต์ให้นักมวยปล้ำมาแข่งกันเพื่อชิงเข็มขัดเส้นนี้ ซึ่งก็เป็น เซ็ธ “ฟรีกกิ้ง” โรลลินส์ กับ เอเจ สไตล์ส สองนักมวยปล้ำจอมฝีมือ ที่ได้ไปชิงดำกันในศึก Night of Champions ที่ซาอุดีอาระเบีย
แม้ว่าเข็มขัดเฮฟวี่เวตเส้นใหม่จะถูก WWE วางสถานะให้เป็นแชมป์ที่มีศักดิ์ศรีเทียบเท่าแชมป์ยูนิเวอร์แซลกับแชมป์เฮฟวี่เวตเส้นสีดำที่ โรมัน เรนส์ ถืออยู่ทั้งสองเส้น แต่ในสายตาแฟนมวยปล้ำส่วนใหญ่ก็มองว่ามันคือ “เข็มขัดปลอบใจ” ที่ทำไว้เพื่อให้นักมวยปล้ำคนอื่นได้มีโอกาสครอบครองบ้าง โดย เอเจ สไตล์ส ออกมาบ่นถึงเรื่องการสร้างเข็มขัดเฮฟวี่เวตเส้นดังกล่าวว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาจากการที่ WWE โยนเข็มขัดสองเส้นให้ โรมัน เรนส์ ถืออยู่คนเดียว
“ในเมื่อเข็มขัดของ RAW อยู่กับโรมัน แล้วเข็มขัด SmackDown ก็อยู่กับโรมัน คุณจะเถียงได้อย่างไรว่าเข็มขัดเฮฟวี่เวตเส้นใหม่มันไม่ใช่เส้นรอง ? ที่เราต้องทำเข็มขัดเส้นใหม่ก็เพราะโรมันถือแชมป์อยู่คนเดียว นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าอยู่ ๆ เขาตัดสินใจจะมาชิงแชมป์เส้นนี้ด้วย เราจะเอาชนะเขา แล้วมาดูกัน”เดอะ ฟีโนมีนอม เผยก่อนนัดชิงที่ Night of Champions ซึ่งสุดท้ายก็เป็น เซ็ธ โรลลินส์ โชว์ฟอร์มเหนือกว่าเอาชนะ เอเจ สไตล์ส คว้าแชมป์เฮฟวี่เวตเส้นใหม่ไปครอบครองเป็นคนแรกในค่ำคืนที่ซาอุดีอาระเบีย
ทั้งหมดคือปัญหาที่เกิดจากการที่ WWE พยายามผลักดัน โรมัน เรนส์ ให้เป็นแชมป์ 1,000 วันแบบสุดซอย ซึ่งก็ไม่มีใครล่วงรู้เหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมีความปรารถนาที่จะดัน โรมัน เรนส์ ให้เป็นหน้าตาของสมาคมยุคใหม่ถึงเพียงนี้ นอกจาก วินซ์ แม็คแมน และทีมงานหลังฉากที่ทำงานกันอยู่ทุกสัปดาห์ ส่วนตัวของโรมัน เขารู้เสมอว่ายังมีแฟนมวยปล้ำอีกมากที่ไม่ยอมรับในตัวเขา แต่ก็มองโลกในแง่ดีและเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาทำงานตามที่ WWE มอบหมายต่อไป
“ถือเป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้อยู่เสมอ แต่ผมไม่โทษพวกเขาหรอก” โรมัน พูดถึงคนดูในวันที่เขาเติบโตขึ้นแล้ว “ทุกสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ และสิ่งที่แสดงออกมา ทั้งบทบาทคาแร็กเตอร์ บุคลิก และเนื้อเรื่อง ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เรานำเสนอให้กับแฟน ๆ และเรากำลังทำทุกอย่างให้มันออกมาสมเหตุสมผลที่สุดเท่าที่จะทำได้สำหรับการทำโชว์มวยปล้ำ”
แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่า โรมัน เรนส์ จะได้แชมป์และเป็นเจ้าของสถิติต่าง ๆ ด้วยวิธีการไหน หรือแฟนมวยปล้ำจะยอมรับกันมากน้อยเพียงใดก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะสุดท้ายก็เป็น WWE ที่ประสบความสำเร็จในการดัน โรมัน เรนส์ ให้ขึ้นไปเทียบชั้นกับตำนานคนอื่น ๆ อย่าง ริค แฟลร์, ฮัล์ค โฮแกน, ดิ อันเดอร์เทเกอร์, เดอะ ร็อก, สโตน โคลด์, ทริปเปิลเอช, จอห์น ซีน่า ตามโรดแมปที่วางไว้
ไม่ว่าแฟนมวยปล้ำทั่วโลกจะยินดีหรือไม่เต็มใจ แต่ก็คงต้องยอมรับและ “Acknowledge Him” กันตามที่ WWE อยากให้เป็น และต้องมาเห็น โรมัน เรนส์ ถือแชมป์แบบ “เป็นแล้ว เป็นอยู่ เป็นต่อ” ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีใครที่มีบารมีมากพอมาโค่นท่านหัวหน้าเผ่าผู้ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา