31 พ.ค. 2023 เวลา 06:27 • ความคิดเห็น

เด็กปลายโต๊ะ...

ค่ำเมื่อวานผมได้มีโอกาสกลับไปเป็นเด็กปลายโต๊ะอีกครั้ง นั่งอยู่ริมขอบของโต๊ะยาว ฟังผู้ใหญ่ที่ผมเคารพสนทนาอย่างออกรส บนโต๊ะอาหารที่เจ้านายเก่าผม คุณไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม เป็นเจ้าภาพและให้ความเมตตาผมเกาะโต๊ะไปร่วมด้วยนั้นมีมหาบุรุษสองท่านเป็นแกนหลัก ท่านหนึ่งคือท่านนายกอานันท์ ปันยารชุน ในวัย 91 อีกท่านก็คืออาจารย์ ส.ศิวรักษ์ ในวัย 90 ที่ผมได้มีโอกาสเจอตัวเป็นๆ ครั้งแรก
1
ผู้ที่รายล้อมช่วยกันซักถามพูดคุยนี่ก็รวมสุดยอดผู้ซักถามสุดๆมี พี่เตา บรรยง พี่ตุ้ม สรกล ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เอ๋ นิ้วกลม มีแต่คุณไพบูลย์หรืออากู๋ของผมเท่านั้นที่จะเชิญผู้คนแบบนี้มารวมกันได้
4
แค่นี้พอจะนึกภาพได้ว่าทำไมผมถึงไม่ต้องคิด ต้องพูดต้องถามอะไร แค่ฟังก็เพลิดเพลินเหลือเกินแล้ว
บทสนทนานั้นหลากหลายตามประสบการณ์ของสองท่านที่ครอบคลุมประวัติศาสตร์มาเจ็ดแปดสิบปี ผ่านเรื่องราวของบุคคลตั้งแต่ Kissinger ท่านปรีดี เมาเซตุง แนนซี่ แถง เติ้งเสี่ยวผิง อดีตนายกหลายท่าน ดาไล ลามะ จนถึงลีกวนยู บนโต๊ะมีหลายเรื่องที่ก็ฟังแล้วควรจะจบที่บนโต๊ะนั้น ที่ผมได้มากกว่าบทสนทนาและเรื่องราวที่ไม่เคยรู้ก็น่าจะเป็นการนั่งสังเกตอาจารย์สอ กับท่านนายกอานันท์ อยู่หลายชั่วโมงมากกว่า
1. ในวัยย่างเก้าสิบของทั้งคู่ ความทรงจำของอาจารย์สอและท่านนายกนั้นอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่ามหัศจรรย์ ไม่ใช่แค่ไม่มีอาการหลงใดๆ แต่ความจำถึงผู้คนในระดับชื่อและเรื่องราวของผู้คนนั้นเหมือนกับใช้ Search Engine ผมนั่งข้างๆ พี่อรุณ วัชระสวัสดิ์ ยังแอบกระซิบเลยว่าจำกันได้ยังไง เราแค่เจอใครเมื่อวานยังลืมแล้วเลย ทั้งคู่ผ่านผู้คนมาไม่รู้กี่พันกี่หมื่นคน แต่จำเรื่องราวในอดีตได้ยังกับเพิ่งเกิดเมื่อวาน
3
2. ผมเคยพบท่านนายกอานันท์มาก่อน แต่เป็นครั้งแรกที่ได้พบอาจารย์สอตัวเป็นๆ ภาพของอาจารย์สอก่อนเจอนั้นดูดุดัน แต่เจอตัวจริงแล้วไม่ต่างจากนายกอานันท์เลย คือเป็นผู้ใหญ่ที่มีอารมณ์ขัน มีมุกตลกสนุกสนาน เป็นเสน่ห์ที่ทำให้วงสนทนาผ่อนคลายและเฮฮามาก เพราะท่านสองท่านเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ถือตัว พร้อมรับคำถามยากๆและตอบด้วยอารมณ์ขัน ทำให้ผู้ถามก็ไม่เกร็งและอยากถามต่อไปอีก
ทั้งคู่ก็มีความเห็นไม่ตรงกันอยู่บ้างแต่ก็รับฟังกันอย่างฉันท์มิตรและถกเถียงกันด้วยความสร้างสรรค์ เป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ
1
3. ที่ผมประทับใจที่สุดก็คือการที่ทั้งสองพูดถึงข้อเสียของตัวเองอยู่เป็นระยะ อาจารย์สอพูดถึง มรว คึกฤทธิ์ซึ่งผมเคยอ่านในบทความก็พอรู้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอาจารย์ แต่พอพูดถึง อาจารย์สอกลับบอกว่าคุณคึกฤทธิ์นั้นดีกับผมมากกว่าผมดีกับเขาเยอะมาก เป็นการตำหนิตัวเองและให้เกียรติผู้ที่เอ่ยถึง
3
ส่วนนายกอานันท์ก็เล่าถึงปัญหาการที่ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษ ทำให้ตัวเองแย่ลง (ระดับนายกอานันท์นะครับนั่น) ดูหนังก็ฟังรู้เรื่องแค่ครึ่งเดียว เลยต้องไปเรียนจากยูทู้ป เลยได้รู้จักคำว่า หิวแสงจากช่อง Slang ภาษาอังกฤษ เอ๋ นิ้วกลมเขียนไว้บอก
ว่าการพูดถึงตัวเองแบบนี้ยิ่งทำให้เราเคารพผู้ใหญ่แบบนี้มากกว่าการยกยอตัวเอง
3
4. เวลาพูดถึงคนรุ่นใหม่ ทั้งท่านนายกอานันท์และอาจารย์สอจะเอ่ยถึงด้วยความเมตตาทุกครั้ง จากบทสนทนาก็รู้ได้ว่าทั้งคู่รับฟังเด็กรุ่นใหม่แวะเวียนที่เข้ามาขอคำปรึกษามาตลอดและมีความหวังกับคนรุ่นใหม่มาก อาจารย์สอพาน้องรุ่นใหม่สองคนติดตามมาบนโต๊ะอาหารด้วย นายกอานันท์ก็เล่าถึงลีกวนยูที่นายกอานันท์เคยพบและแลกเปลี่ยนไอเดียกัน ลีกวนยูก็จะพาคนหนุ่มสาวสองคนมานั่งฟังด้วยเสมอเพื่อให้ได้มีโอกาสเรียนรู้
2
5. ในวัยเก้าสิบกันทั้งคู่ แต่ทั้งคู่ก็ยังเพลิดเพลินกับอาหารจีนหลากหลายที่คุณไพบูลย์เตรียมให้ได้ตามปกติจนผมทึ่ง พร้อมกับดื่มไวน์อย่างต่อเนื่อง (ผมเลยเดาว่าน่าจะเป็นยาอายุวัฒนะที่ผมควรจะทำตามให้มากขึ้น) จนน้องๆ ต้องแอบรินให้ช้าหน่อย ท่านนายกอานันท์จบด้วยซิการ์และบรั่นดี และยังสนทนาอย่างออกรสจนเกือบตีหนึ่ง ผมในวัยห้าสิบกว่ายังแอบหมดแรง ได้เห็นผู้ใหญ่ผู้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของบ้านเมืองยังแข็งแรงแบบนี้ก็แอบชื่นใจอยู่ไม่น้อย
6. ไอเดียของ Dinner นี้เกิดจากความคิดของคุณไพบูลย์ในวัย 74 ที่ยังแข็งแรงสุดๆ ที่อยากได้พบปะพูดคุยกับคนที่อยากเจอจากความรู้สึกที่ว่าอายุเริ่มเยอะกันแล้ว คิดถึงใครก็ควรจะรีบเจอจะได้ไม่ติดค้างไม่เสียดาย วิธีคิดนี้น่าจะใช้ได้กับทุกคนไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ เพราะชีวิตไม่แน่นอน หลีกเลี่ยงความรู้ที่ไม่อยากรู้ที่สุดก็คือ ”รู้งี้” นั่นเอง
2
เป็น Dinner ที่คงอยู่ในความทรงจำตลอดไปและอยากจะบันทึกไว้เผื่อเป็นประโยชน์กันนะครับ…
3
โฆษณา