2 มิ.ย. 2023 เวลา 09:57 • การศึกษา

วิบากกรรมเมืองร้อน....

ท่านคิดว่าสภาพอากาศ
มีผลต่อระดับการพัฒนาของประเทศไหม ?
ส่วนตัวผมคิดว่ามีนะ....
เป็นเรื่องที่อาจไม่ค่อยมีใครคิดกันมากนัก
แต่ถ้าเราสังเกตกันจริงๆ ประเทศที่เจริญมากๆ มันอยู่ในแถบเสืองหนาวเกือบหมดเลย ญี่ปุ่น จีน อเมริกา ยุโรป
อะไรพวกนี้
ที่เจริญ แต่อยู่แถบร้อน ก็น่าจะมีแต่สิงคโปร์
แต่นั่นเพราะเขาเล็ก และร่ำรวยโดยมีพื้นฐานมาจากการวางรากฐานของอังกฤษในสมัยอาณานิคม
เลยไม่กระทบอะไรมากนัก
นอกนั้น คือแทบไม่มีประเทศเมืองร้อนที่เจริญได้สุดๆเลย
หรืออย่างอินเดีย แถบที่เจริญกว่าก็จะค่อนไปทางตอนบนของประเทศ อากาศเย็นกว่าแถบเส้นศูนย์สูตร
มันน่าจะสรุปได้เหมือนกันว่า เมืองหนาว ให้ผลดีกว่า
ในการพัฒนาคนในเมืองร้อน
ที่จริงแล้ว ตอนเครื่องปรับอากาศถูกสร้างขึ้นมาใหม่ๆ
เหตุผลนึงที่มันได้รับความนิยม ไม่ใช่เพราะว่ามันทำให้
คนสบายเป็นเหตุผลผลัก
แต่เพราะมันมีผลชัดเจน ต่อประสิทธิภาพการทำงาน
ของคนที่ทำงานในสถานที่นั้น
( ที่จริงความเย็นเป็นผลพลอยได้มากกว่า ตอนที่ วิลิส แคเรียร์ เริ่มสร้างแอร์ เขาไม่ได้จะสร้างแอร์ แต่จะสร้างเครื่องลดความชื้นในโรงพิมพ์ แต่บังเอิญว่าการลดความชื้นมันทำให้อากาศเย็นไปด้วย แล้วทำให้พนักงานทำงานดีขึ้นเขาจึงมาต่อยอดเป็นแอร์โดยตรงอีกที )
ถ้าการที่อากาศเย็นสบายนั้น
มีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน
มันก็ย่อมมีผลต่อการเรียนของเด็กไปด้วยนั่นเอง
เรื่องนี้ เราไม่ต้องดูอะไรมากหรอก
เด็กที่มาจากครอบครัวชั้นกลาง เปิดแอร์อ่านหนังสือ
ส่วนมาก ก็ได้รับผลที่ดีกว่า เด็กที่จนอ่านมันทั้งร้อนๆ
แบบนั้น
หรือเอาตัวเราเองก็เหอะ ร้อนๆนี่ก็ไม่ไหวจะทำ
จะคิดอะไรแล้วล่ะ ถูกไหม
...แล้วคนเมืองร้อน ก็เจอสิ่งนี้มาตลอดประวัติศาสตร์ชาติ
มันจึงน่าจะมีผลมากต่อระดับความเจริญของแต่ละเผ่าพันธุ์ หรือชนชาติ....
บางท่านอาจแย้งว่า เฮ้ย ไม่เกี่ยว หนาวก็ทรมานนะ
อันนี้ จากประสบการณ์ที่เคยไปอยู่มา
กล้ายืนยันว่าหนาวดีกว่าร้อนแน่นอนครับ
( ชิคาโกอเมริกา เวลาหนาวนี่หนาวสุดๆนะ
ยิ่งกว่ายุโรปอีก )
หลายคนอาจนึกว่า เมืองหนาวมันจะติดลบทั้งปี
ไอ้แบบนั้น มันขั้วโลกครับ ไม่มีชนชาติไหนไปสร้างอาณาจักรแถวนั้นหรอก ก็ร้างๆไปแบบกรีนแลนด์
หรืออย่างในรัสเซีย บางพื้นที่ที่หนาวจัด
พวกเขาก็ไม่ได้พัฒนาอะไรมากนัก เพราะคนอยู่น้อย
มีแต่ชาวพื้นเมือง อาศัยส่วนกลางเป็นหลัก
อย่างแถบสแกนดิเนเวีย สวีเดน นอร์เวย์ อะไรพวกนี้ก็หนาวประมาณ 6 เดือน และไม่ใช่ว่าติดลบมากๆ
อยู่ตลอด
แต่ที่สำคัญคือ หนาวเนี่ย มันแก้ไขง่ายกว่าร้อนครับ
ประเภทอากาศ 0-10 องศา ที่เป็นอากาศโดยเฉลี่ยส่วนมากของเมืองหนาวนี่ เสื้อกันหนาวดีๆ มันเอาอยู่ครับ คือ ใส่แล้วยังเย็นๆบ้างแหละ แต่ไม่ถึงกับทรมาน
มากอะไร โดยเฉพาะถ้าไม่ออกไปโดนลม
ไม่ใช่ว่าจะต้องพึ่งฮีตเตอร์กันทั้งวัน แบบที่พูดกันว่ายุโรป
จะแข็งตาย ตอนต้นสงครามยูเครน
ส่วนอากาศช่วงอื่นๆนอกหน้าหนาว ถ้าร้อนเกิน 35 เท่าๆบ้านเรา อันนี้ต้องถือว่าผิดปกติของพวกเขา
ส่วนมากก็ประมาณ 20-30 องศา ไม่ร้อนอะไรมากนัก
กำลังสบายตัว
แล้วลองมาคิดถึงเมืองร้อนสิครับ
เสื้อกันหนาวมันมี แต่ไม่มีเสื้อกันร้อนนะครับ!
( เสื้อกันร้อนนี่ใครคิดค้นได้ รับรองว่ารวย และจะได้รางวัลโนเบล 🤣🤣🤣)
ร้อนนี่คือแอร์อย่างเดียวเลย พัดลมก็เอาไม่อยู่
พัดไอร้อนมาแบบผ่าวๆ ทรมานกว่าเดิมอีก ในบางครั้ง
และเมื่อจะใช้แอร์ ก็คือต้องมีตัง
ไอ้ค่าตัวแอร์น่ะ ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ค่าไฟนี่สิ
แล้วถ้าเราจะติดให้เด็กๆ เรียนกันอย่างสบายล่ะ
มันคงต้องใช้เงินมหาศาลเลยทีเดียว
...แล้วเราก็มาถามกันว่า จะเอางบที่ไหน...
เด็กของเราจึงต้องทนเรียนกับแบบร้อนๆ เหนียวๆตัวไม่มีสมาธิต่อไป ยิ่งไปเจอวิชาพละ ลูกเสือระหว่างวันขั้น
แล้วมาเรียนต่อ ก็ยิ่งหนัก เด็กแทบจะสลบอยู่แล้ว
....แล้วงี้จะสู้ใครเขาได้ล่ะ....
เราชอบพูดกันว่า การลงทุนที่ดีที่สุดของประเทศ
คือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ผมว่ามันก็เป็นความคุ้มค่า ที่ไม่ได้เวอร์เกินไปนะ
ถ้าจะติดแอร์ให้เด็กเรียนกันทุกโรงเรียน
ก็อาจลงทุนเป็นพวกโซลาร์รูฟ เพื่อประกยัดไฟลงได้บ้างก็ได้ เพราะไงเด็กก็ใช้แต่กลางวันอยู่แล้ว
หน้าฝน หน้าหนาว ก็ไม่ต้องเปิด
ปิดเทอมก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว
แล้วหน่วยงานต่างๆ ก็เลิกโกงกันซะ
เงินมันก็เหลือพอจะทำให้เด็กแหละ
ผมคิดว่า มันจะจ่ายค่าไฟหนักๆ
อยู่แค่ไม่กี่ช่วงเวลาของปีหรอก
ตั้งอุณหภูมิสัก 27-28 มันคงไม่ได้ผลาญค่าไฟอะไรนัก
เอาแค่เด็กมันสบายตัวก็พอ ไม่ใช่เปิดกันเย็นแบบ
ห้างสรรพสินค้าที่ 24-25
ก็ ยังไม่เคยเห็นรัฐบาลไหน หรือพรรคการเมืองไหน
ที่พูดเรื่องนี้นะ
...ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม....
ที่บ่นนี่ไม่มีอะไรหรอก คือเห็นข่าวแล้วสงสารเด็กมัน
เข้าใจได้ เพราะเคยเรียนโรงเรียนวัดมาก่อน
ช่วงร้อนๆ นี่แทบคลั่ง เรียนไม่รู้เรื่องจริงๆ
ดีว่าบ้านพอมีเงิน ก็อาศัยอ่านที่บ้านเอาได้
แต่เด็กส่วนมากมันไม่ใช่แบบนั้น
ถ้าบ้านมันไม่มี ก็ควรให้มันเรียนรู้เรื่องตั้งแต่ในห้องเรียน
ไปเลย มันก็น่าจะดีกว่า
ถือว่าเป็นการลงทุนพัฒนาคนไปครับ
อย่าไปมองว่ามันเป็นความฟุ่มเฟือยเลย
ผู้ใหญ่ยังทนแทบไม่ได้ที่จะทำงาน
ห้องพักครูส่วนมากก็มีแอร์
แล้วทำไม เราถึงต้องให้เด็กมันลำบากด้วยล่ะ....
...จริงไหม ???....
อ้อ ! แต่ที่ทำได้แบบไม่เสียเงินเลย
คือ เลิกเสียทีนะครับ เอาวิชาพละ เกษตร หรือลูกเสือ
มาขั้นระหว่างวันเนี่ย เด็กมันเรียนต่อไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก
มีแต่มันจะเพลีย เหม็น ไม่สบายตัวซะเปล่าๆ
จะมีก็ควรเป็นช่วงก่อนเลิกเรียนไปเลย
หรือเป็นกิจกรรมชมรมไปเลย มันคงดีกว่า
โฆษณา