13 มิ.ย. 2023 เวลา 07:11 • นิยาย เรื่องสั้น

ลาเมียผู้โชคร้ายที่เกิดจากความเจ้าชู้ของเทพสูงสุด

ซีอุสเทพแห่งสวรรค์เจ้าชู้ขนาดที่เมียยังเอือมระอาแต่ก็รักจนต้องเล่นงานหญิงที่มีความสัมพันธ์กับสามีตนแทนสามี โดยสาปให้หญิงโชคร้ายเป็นอสูรกาย
4
กรีก เป็นหนึ่งในประเทศที่เต็มไปด้วยตำนานมากมายที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในเรื่องของเหล่าปีศาจและสัตว์ประหลาดจำนวนมากมายที่ปรากฏตัวงานวรรณกรรม รวมไปถึงภาพยนตร์ทั่วโลกและหนึ่งในนั้น มีตำนานของแวมไพร์ผู้ล่าแห่งยามค่ำคืนจอมดูดเลือดที่น่าสนใจ แถมยังสามารถย้อนประวัติศาสตร์กลับไปได้อย่างยาวนานนับพันปีเลยทีเดียว สำหรับนามเรียกขานของแวมไพร์ตัวนี้คือ “ลาเมีย”
ลาเมีย จัดเป็นหนึ่งในแวมไพร์ที่ปรากฏตัวในสมัยกรีกโบราณที่ผู้คนต่างหวาดกลัวกันอย่างมาก เพราะคอยดักซุ่มลักพาตัวเหล่าเด็กๆยามที่มีโอกาส แล้วดูดเลือดเอร็ดอร่อย พวกมันยังมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัว โดยมีรูปลักษณ์ท่อนบนเป็นหญิงงาม ท่อนล่างเป็นงู สามารถเข้าใกล้เหยื่อได้อย่างรวดเร็ว เงียบเชียบ โดยที่เหยื่อไม่ทันรู้ตัว พร้อมกับความสามารถในการสืบพันธุ์ระดับน่าสยองจนทำให้มีจำนวนลูกหลานแวมไพร์ผีดูดเลือดแยกย่อยออกมา ที่ยิ่งเพิ่มระดับตำนานความสยองขวัญของมันให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ชาวกรีกโบราณหวาดกลัวเธอและมักให้ลูกๆ สวมเครื่องรางของขลังและเครื่องรางเพื่อให้พวกเขาได้รับการปกป้องจากปีศาจลาเมีย
แต่เรื่องราวนี้มันเริ่มจากใครไม่ได้นอกจากเทพสูงสุดอย่างเทพซีอุส จริงๆแล้วแต่เดิมลาเมียไม่ได้ชั่วร้าย ครั้งหนึ่งเธอเคยมีฐานะเป็นถึงราชินีของประเทศลิเบียในยุคโบราณและเป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงาม จนขนาดที่เทพซีอุส ยังตกหลุมรักเธอ
จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมของเรื่องราวที่น่าเศร้าแสนสลดใจของลาเมียและวิธีที่ทำให้ต้องเธอกลายเป็นปีศาจที่ตามหลอกหลอนเด็กที่กลืนกินเด็กที่เรารู้จักในปัจจุบันน มาสำรวจเรื่องราวอันน่าสลดใจของลาเมียและวิธีที่เธอกลายเป็นปีศาจที่ตามหลอกหลอนเด็กที่กลืนกินเด็กที่เรารู้จักในปัจจุบัน
ตามตำนาน เดิมทีลาเมียนางเคยเป็นราชินีแห่งลิเบีย ซึ่งเป็นที่รู้จักจากความสง่างามและความงามอันน่าทึ่งของเธอ ขนาดที่ทำให้แม้แต่เทพเจ้าที่ทรงอำนาจสูงสุดของกรีกอย่าง “ซีอุส” (Zeus) ก็ยังต้องหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้น จนทำให้พระองค์เรียกพระนางลาเมียขึ้นไปปรนนิบัติถึงในสวรรค์ ผลจากการเสพสังวาสอย่างไม่รู้หน่าย ทำให้มีทายาทถือกำเนิดขึ้นมาในฐานะครึ่งเทพกันหลายองค์
เหล่าภริยาขององค์เทพสูงสุดต่างพากันอิจฉาริษยาลาเมียเป็นอย่างมาก แต่ที่ออกตัวแรงมากที่สุด คือ เทวีเฮรา (Hera) เทพีแห่งครอบครัวและการแต่งงาน ชายาของมหาเทพซีอุส ยิ่งสวามีมีเรื่องนอกใจมากมาย เฮรามักจะอิจฉาพวกนาง จึงได้พยายามทำร้าย คุกคามพวกเขาทุกวิถีทางที่ทำได้ แน่นอนว่านางที่รับไม่ได้กับการนอกใจแบบออกหน้าออกตาระหว่างสวามีกับพระนางลาเมีย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรกับพระสวามีของตนได้เลย พระนางจึงได้ใช้พลังอำนาจมาตอบสนองความหึงหวงอันลึกล้ำ ด้วยการลักพาพรากตัวเหล่าลูกๆของพระนางลาเมียที่เกิดกับสวามีตนไปจากอก
ด้วยความที่พระนางลาเมียเองก็เป็นเพียงมนุษย์ ไม่สามารถโต้ตอบการกลั่นแกล้งของชายามหาเทพได้ เมื่อมีความแค้นอยู่เต็มอกแต่ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ พระนางจึงหันไประบายความแค้นด้วยการ “เล่นงานคนอื่น” แทน ด้วยการตระเวนออกไปลักพาตัวและสังหารเด็ก เพื่อให้เหล่ามารดาบพื้นโลกได้ลิ้มรสชาติความเศร้าเสียใจ ความเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนกับที่ตัวเองได้รับ จนกระทั่งกลายมาเป็นตำนานของลาเมีย ผีดิบดูดเลือดที่อยู่คู่กับความเชื่อของชาวกรีกมาอย่างยาวนานนับพันปี...
แต่ในบางเรื่องราว เฮร่าแก้แค้นด้วยการฆ่าลูก ๆ ของลาเมียทั้งหมด และสาปให้ราชินีหรือพระนางลาเมียเป็นโรคนอนไม่หลับอย่างถาวรจนไม่สามารถหลับได้เพื่อที่ให้เธอได้เห็นภาพลูกๆ ที่ตายต่อหน้า ว่ากันว่าซุสสงสารลาเมียผู้งดงามและมอบของขวัญแห่งการพยากรณ์และความสามารถให้กับเธอ เพื่อจำแลงร่างและถอดดวงตาของเธอออกเมื่อต้องการพักผ่อน
แม้ว่าในข้อเท็จจริงที่ว่า Zeus มีหญิงหลายคนและภรรยาของเขาพอใจที่ทำให้พวกนางเจ็บปวดเป็นหนึ่งในประเด็นคลาสสิกของเทพนิยายกรีก โชคไม่ดีสำหรับลาเมียที่ได้พบกับบทลงโทษที่เลวร้ายยิ่งกว่าบทลงโทษของลาเมียคนอื่นๆ
เนื่องจากบทลงโทษของเธอมีไว้ชั่วนิรันดร์ ว่ากันว่าลาเมียยังคงมีตัวตนอยู่โดยแฝงตัวอยู่ในเงามืด ตอนกลางคืนเธอเฝ้ามองเด็กน้อย เฝ้ารอเวลาที่เหมาะสมที่จะฉวยเอาไป
ลาเมียนอกจากจะเป็นปีศาจที่น่าหลาดกลัวแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหึงหวง การยั่วยวน และการทำลายล้าง ทั้งรูปร่างหน้าตาของเธอและความร้ายกาจนี้ทำให้สนับสนุนแนวคิดที่ว่า
ในฐานะผู้หญิงครึ่งคนครึ่งงู ลาเมียเป็นทั้งสองอย่างงดงามและอันตรายในเวลาเดียวกัน
โฆษณา