14 มิ.ย. 2023 เวลา 04:50 • ประวัติศาสตร์

จุดเริ่มต้นของสมรภูมิรบ เจาะลึกสงครามโลกครั้งที่ 1 ตอน 1/2

ใครจะคิดว่า เหตุการณ์ที่เป็นเหมือนน้ำผึ้งหยดเดียว จะจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่
เมื่อ Gavrilo Princip ชาวเซิร์บ-บอสเนีย สมาชิกของเยาวชนบอสเนีย (Young Bosnia) องค์กรยูโกสลาเวีย ที่มีความต้องการที่จะทำลายการปกครองของออสเตรีย-ฮังการีในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ก่อเหตุสังหาร Archduke Franz Ferdinand มกุฏราชกุมารแห่งออสเตรีย -ฮังการี ระหว่างเสด็จเยือน"ซาราเยโว"เมืองหลวงของบอสเนีย
Archduke Franz Ferdinand มกุฏราชกุมารแห่งออสเตรีย -ฮังการี
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้จักรวรรดิออสเตรีย -ฮังการี ซึ่งเป็นมหาอำนาจในเวลานั้นประกาศสงครามกับ ยูโกสลาเวีย และทำให้รัสเซีย ซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของรัฐสลาฟทั้งปวง ประกาศสงครามเป็นการโต้ตอบ
แม้ว่าตอนนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียอ่อนแอมาก เพราะก่อนหน้านั้นแพ้สงครามกับญี่ปุน ประชาชนหมดศรัทธากับพระจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แต่การที่จะนิ่งเฉยไม่ปกป้องประเทศสลาฟก็ไม่ได้
ในครั้งนั้น ฝ่ายออสเตรีย-ฮังการี มีพันธมิตรสำคัญจักรวรรดิออตโตมาน และ เยอรมนี
เพราะด้วยความที่ Kaiser Wilhelm II จักรพรรดิของเยอรมนีที่อยากก่อสงครามกับบริติสและฝรั่งเศส สองมหาอำนาจในเวลานั้นอยู่แล้ว และต้องการเปิดทางออกทะเล จากพื้นที่เล็กๆ ตรงเดนมาร์ก และเลยรวมกันเป็น สามจักรพรรดิ
โดยเรียกฝ่ายตัวเองว่า Central Powers
ขณะที่ฝรั่งเศส รู้ดีว่า ถ้าเยอรมนีจะบุกไปอังกฤษ ตัวเองซึ่งเป็นดินแดนทางผ่านน่าจะไม่รอด และยังมีตะเข็บชายแดนติดกับเยอรมนีค่อนข้างยาว เลยไปเข้าร่วมการทำสงครามกับรัสเซีย เพราะต้องการกำราบเยอรมนี
ขณะที่จักรวรรดิบริติช ตอนแรกก็ไม่ได้คิดจะเข้าร่วม แต่วินสตัน เชอร์ชิล นายกสภาการราชนาวีอังกฤษ บอกกับนายกฯอังกฤษว่า ถ้าบริติชไม่เข้าร่วมสงครามโลกในครั้งนั้น จะทำให้ภูมิรัฐศาสตร์โลกเปลี่ยนไป และอาจจะสั่นคลอนอำนาจของบริติช เลยไปเข้าร่วมกับรัสเซียและฝรั่งเศส เรียกตัวเองว่า Triple Entente
 
สมรภูมิหลักของสงครามโลกครั้งที่ 1 คือ ยุโรป
วินสตัน เชอร์ชิล นายกสภาการราชนาวีอังกฤษ
เยอรมนี ถูกกำราบโดยฝรั่งเศส อังกฤษ และรัสเซีย
ส่วนออสเตรีย -ฮังการี เจอกับกองทัพรัสเซีย
ออตโตมาน อยู่ไกลจากแกนกลางของสงคราม แต่ต้องสู้ เพราะอังกฤษจะรุกคืบเข้าพื้นที่อารเบีย
ช่วงเริ่มต้นสงคราม เยอรมนีเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเอง ที่อยู่บนพื้นฐานวิทยาศาสตร์และวิทยาการ​ ไม่ว่าจะเป็น​ เรือดำน้ำ เครื่องบินรบ ระเบิดชีวภาพ อาวุธเคมี ที่สั่งสมมาตั้งแต่ก่อนสงคราม
สมรภูมิของพวกเขา มีทั้งยุทธนาวีทางน้ำและทางบก
ปี 1916 อังกฤษเริ่มส่งกองทัพเรือ 151 ลำไปปิดล้อมชายฝั่งทางตอนเหนือ ของเยอรมนี
เพื่อไม่ให้เยอรมนีสามารถนำสินค้าเข้าจากภายนอก โดยเฉพาะอาหาร
เพราะเยอรมนีต้องนำเข้าอาหารจำนวนมาก จากเมืองท่าทางตอนเหนือ รวมถึงเชื้อเพลิง
ตอนนั้นเยอรมนีมีทั้งเรือดำน้ำ และเรือผิวน้ำ รวมกัน 99 ลำ
ถึงแม้จะจมเรือรบอังกฤษได้มากกว่า ด้วยอัตรส่วน 14:11 และมีเรือดำน้ำ ที่มีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า แต่พอขาดน้ำมันที่จะเติมเรือดำน้ำและเรือผิวน้ำ ในที่สุด เรือดำน้ำ ต้องโผล่ขึ้นมาและตกเป็นเหยื่อของเรือดำน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีน้ำมันมากกว่า
สุดท้าย ถึงเยอรมนีจะสูญเสียกำลังพลน้อยกว่า โดยอังกฤษเสียกำลังพล 6,000 นาย ส่วนเยอรมนี 2,000 นาย) แต่ก็แพ้ สุดท้ายอังกฤษก็ปิดน่านน้ำได้สำเร็จ
ส่วนสมรภูมิทางบก จะมีสมรภูมิสำคัญ คือ Battle of Verdun เป็นสมรภูมิที่นองเลือด และสูญเสียมากที่สุด กินเวลา 320 วัน ทหารและกำลังพลทั้งสองฝ่ายตายเกือบ 500,000 คน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ ด้วยความที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ถือเป็นสงครามครั้งแรกหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ดังนั้นเทคโนโลยีอาวุธ ปืนกล ทัพอากาศมีบทบาทมากขึ้น การรบจะไม่ใช่แบบระยะประชิด แต่พึ่งพิงประสิทธิภาพอาวุธที่มีอำนาจการทำลายล้างสูง​มากกว่า
ตอนหน้ามาติดตามกันต่อไป
จากสงครามที่มีตัวละครหลักๆ คือ ฝ่ายอังกฤษ ฝรั่งเศส และรัสเซีย กับฝั่งออสเตรีย-ฮังการี เยอรมนี และออตโตมาน
ทำให้สหรัฐฯ ถึงเข้ามามีบทบาทในสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปจนถึงการประกาศยอมแพ้สงครามของรัฐบาลเยอรมัน จนสร้าง “รอยแค้น” ซึ่งเป็นหนึ่งในชนวนเหตุที่เชื่อมโยงไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
ที่มา : 8 Minute History EP.162
โฆษณา