#MainStand : ทำไมรองเท้าบาสเกตบอลถึงเป็นที่นิยมของนักกีฬาวอลเลย์บอล ?
ในการแข่งขันกีฬาไม่ว่าจะเป็น ฟุตบอล วิ่ง บาสเกตบอล วอลเลย์บอล และอื่น ๆ อีกมากมาย หนึ่งในอาวุธสำคัญและเป็นสิ่งที่ช่วยให้นักกีฬามีประสิทธิภาพในการแข่งขันก็คือ “รองเท้า” ซึ่งอุปกรณ์ชนิดนี้จะถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับการสวมใส่ในกีฬาชนิดนั้น ๆ
ทว่าในปัจจุบันกลับมีการใช้รองเท้าข้ามชนิดกีฬามากขึ้น และที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดคือการสวมใส่รองเท้าบาสเกตบอลในการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอล แม้อาจจะดูไม่เหมาะสมแต่มีนักกีฬาหลายรายเลือกสวมรองเท้าบาสเกตบอลขณะการแข่งขัน
ลองไปค้นหาคำตอบกันว่า ปัจจัยอะไรที่ทำให้รองเท้าบาสเกตบอลเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในนักกีฬาวอลเลย์บอล ?
[ใช้ทักษะการกระโดด]
บาสเกตบอล และ วอลเลย์บอล หากมองภาพรวมแล้วกีฬาทั้งสองชนิดนี้อาจแตกต่างกัน ทั้งจำนวนผู้เล่น วิธีการแข่งขัน รวมถึงกฎกติกา หากอธิบายคร่าว ๆ คือ ในการเล่นบาสนั้นจะมีผู้เล่นอยู่ในสนามเพียงแค่ 5 คน และวิธีการทำคะแนนก็คือการชู้ตเข้าห่วงทั้งในระยะ 2 และ 3 คะแนน และแข่งขันทั้งหมด 4 ควอเตอร์
แตกต่างกับการแข่งขันวอลเลย์บอลที่จะมีผู้เล่นในสนามทั้งหมด 6 คน โดยสามารถสัมผัสลูกบอลได้แค่ 3 ครั้ง มีการนับแต้ม 1 คะแนนต่อครั้ง เล่นเซตละ 25 คะแนน ซึ่งถ้าหากฝ่ายไหนสามารถทำแต้มได้ถึง 25 คะแนนก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ
แม้ว่าทั้งสองกีฬาจะมีวิธีการเล่นที่ต่างกัน แต่กลับมีอยู่ทักษะหนึ่งที่จำเป็นและเป็นส่วนสำคัญของทั้งสองชนิดกีฬา ซึ่งทักษะดังกล่าวคือ “การกระโดด”
คำกล่าวที่ว่า “เล่นบาสเกตบอลแล้วจะตัวสูง” อาจจะเป็นคำพูดที่หลายคนเคยได้ยินในช่วงวัยเด็ก เพราะเชื่อว่ากีฬาชนิดนี้มีความสำคัญอย่างมากในการเจริญเติบโตของเด็ก เนื่องจากบาสเกตบอลจำเป็นต้องอาศัยทักษะการกระโดดเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการกระโดดชู้ต กระโดดรีบาวน์ หรือกระโดดบล็อก
แต่อย่างไรก็ดีทักษะดังกล่าวก็เป็นส่วนสำคัญของกีฬาวอลเลย์บอลด้วยเช่นกัน ที่จำเป็นต้องอาศัยการกระโดดเพื่อตบลูกบอลทำคะแนนหรือกระโดดบล็อกฝ่ายตรงข้ามนั่นเอง
[เทคโนโลยีซัพพอร์ต]
แน่นอนว่าอุปกรณ์กีฬาชิ้นสำคัญอย่างรองเท้ามีอิทธิพลและเป็นส่วนสำคัญสำหรับการเล่นกีฬาทั้งวอลเลย์บอลและบาสเกตบอลอย่างมาก จนทำให้แบรนด์กีฬาได้พัฒนาเทคโนโลยีชนิดใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการรองรับแรงกระแทก และสิ่งสำคัญที่เหล่าแบรนด์เล็งเห็นความสำคัญก็คือการซัพพอร์ตผู้เล่น
ทั้งนี้ด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อเป้าประสงค์ที่คล้ายกัน ทว่ารองเท้าทั้งสองชนิดกีฬายังคงมีข้อแตกต่าง แต่มันก็ทำให้นักกีฬาบางรายเปลี่ยนใจจากการเลือกสวมใส่รองเท้าวอลเลย์บอลมาใส่รองเท้าบาสเกตบอลแทน
เมื่อทั้งสองกีฬาอาศัยทักษะการกระโดดเป็นหลัก แน่นอนว่าสิ่งที่เป็นอันตรายสำหรับผู้เล่นก็คือแรงกระแทกที่มีผลกระทบต่อข้อต่อ เมื่อกระโดดลอยตัวขึ้นและเท้าสัมผัสสู่พื้น ข้อต่อจะได้รับแรงกระแทกจากน้ำหนักตัวที่มีผลต่อแรงโน้มถ่วงมากเกือบ 9 เท่า ไม่เพียงแค่การเสี่ยงบาดเจ็บต่อข้อเท้าแต่ยังส่งผลถึงหัวเข่า สะโพก และหลังอีกด้วย
จุดเด่นของรองเท้าบาสเกตบอลคือการถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวในทิศทางต่าง ๆ มากกว่า ด้วยชุดพื้นที่มีความกว้างและหนา อีกทั้งยังออกแบบขึ้นมาเพื่อให้กระชับกับรูปเท้าของผู้เล่น
ยกตัวอย่างจากรองเท้าของแบรนด์ ไนกี้ ซึ่งในส่วนพื้นของรองเท้าจะมีการใช้โฟมชนิดพิเศษ แผ่นแอร์ หรือคาร์บอร์นเพื่อช่วยรองรับแรงกระแทกและเพิ่มการดีดตัวขณะออกแรงกระโดดมาขึ้น ซึ่งมีการนำรองเท้าของทั้งสองชนิดกีฬามาเปรียบเทียบ ผลปรากฏว่ารองเท้าบาสสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดีกว่า แม้จะต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่มากกว่าก็ตาม
นอกจากนี้รองเท้าบาสยังมีให้เลือกหลากหลายประเภท โดยแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันเพื่อให้เหมาะสมกับการเลือกใช้งานของผู้เล่นในตำแหน่งต่าง ๆ และยังมีให้เลือกทั้งรุ่นหุ้มข้อเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้า
ซึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลทัวร์นาเทนต์สำคัญ เราก็มักจะได้เห็นนักกีฬาทีมชาติบางรายเลือกสวมใส่รองเท้าบาสเข้าแข่งขันอย่างกรณีของ เอลินา โรดริเกซ นักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติอาร์เจนตินา ที่สวมรองเท้าบาสรุ่น Hyperdunk Flyknit 2016 Oreo รุ่นหุ้มข้อ แข่งขันวอลเลย์บอลในโอลิมปิกที่โตเกียว เมื่อปี 2020
ขณะที่ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยชุดปัจจุบันยังคงนิยมใส่รองเท้าวอลเลย์บอล เนื่องจากสะดวกกับการใช้งานและใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ อีกทั้งบางคนก็มีสัญญาสนับสนุนจากสปอนเซอร์อีกด้วย
แม้ว่ารองเท้าบาสเกตบอลอาจมีข้อดีให้เห็นอยู่หลายประการ แต่เมื่อนำมาใช้ในการเล่นกีฬาวอลเลย์บอลก็ยังคงมีข้อเสียอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าชุดพื้นโฟมอาจสูญเสียความหนาแน่นและพื้นรองเท้าอาจสึกหรอเร็วกว่ารองเท้าวอลเลย์ แต่ถึงอย่างนั้นรองเท้าบาสก็ยังคงได้รับความนิยมจากนักกีฬาวอลเลย์บอลบางรายอยู่เช่นเคย
แหล่งอ้างอิง :
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
