16 มิ.ย. 2023 เวลา 06:46 • นิยาย เรื่องสั้น

ศิลปินผู้ควรจะมั่งคั่ง

มิเชลเป็นทั้งศิลปินและนักเดินทาง
เธอเลี้ยงชีพด้วยการวาดภาพขายให้แก่ชาวเมืองในทุกๆ เมืองที่เธอเดินทางผ่าน
มีบ้างที่บางครั้งงานของเธอถูกเศรษฐีซื้อไป
หรือไม่ก็ไปปรากฏอยู่บนฝาผนังในบ้านของเศรษฐี
ทั้งๆ ที่เธอจำได้เป็นอย่างดีว่า ตอนที่ขายงานชิ้นนั้น เธอขายให้กับพ่อค้าเร่ร่อนในราคาที่ถูกแสนถูก
การขายงานศิลปะของเธอไม่ใช่รายได้ที่ดีนัก อีกทั้งยังต้องแลกกับเวลาในการสร้างสรรค์ผลงานอันยาวนาน
ในหลายๆ ครั้งผลงานชิ้นโบว์แดงของเธอจึงจำเป็นต้องถูกขายออกไปในเวลาที่ท้องของเธอหิวจัด
ด้วยความเป็นศิลปินเธอมักสร้างสรรค์ผลงานออกมาหลากหลายรูปแบบ
เธอมีพรสวรรค์ทางการวาดภาพ การแกะสลัก รวมไปถึงการปั้น
เช่นเดียวกับพรสวรรค์ในความเป็นนักเดินทาง เธอไม่เคยอยู่กับที่เป็นเวลานานเกินกว่าหนึ่งสัปดาห์
.
อยู่มาวันหนึ่ง
มิเชลเดินทางไปถึงเมืองของพวกที่เป็นเทวนิยม
พวกเขานับถือเทพไม่ซ้ำกัน บางคนนับถือเทพแห่งไฟ บางคนนับถือเทพแห่งขุนเขา บางพวกนับถือวัว ในขณะที่บางพวกนับถือหมีและหมาป่า
เมืองแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยรูปปั้นของบรรดาเทพต่างๆ ตามแต่ที่ชาวเมืองจะนับถือ
มิเชลรู้ในทันที่ก้าวผ่านประตูเมืองเข้ามาว่า รูปที่เธอควรวาด หรือรูปปั้นที่เธอควรปั้น ควรจะมีหน้าตาอย่างไร
เธอเริ่มสังเกตเห็นว่าแม้พวกเขาจะนับถือเทพกันคนละองค์ แต่จะมีมหาเทพอยู่เพียงไม่กี่องค์ที่ทุกคนนับถือร่วมกันนั่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทนของสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น เทพเจ้าแห่งท้องฟ้า เทพเจ้าแห่งสายน้ำ เทพเจ้าแห่งข้าวสาลี และอื่นๆ
อีกไม่กี่วันต่อมา มิเชลก็ค้นพบว่าเธอคิดถูก
มิเชลถูกจ้างให้วาด ให้ปั้นและให้สลักรูปเทพเจ้าต่างๆ ทั้งเทพเจ้าองค์หลัก และเทพเจ้าองค์รองๆ ลงมา
จากที่เคยต้องออกไปเร่ขายงานศิลปะในช่วงเริ่มแรก
มิเชลกลับต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการผลิตผลงาน
เธอทำอย่างนั้น จนกระทั่งเธอสามารถสร้างหอศิลป์ของตัวเองได้
มิเชลเริ่มจ้างลูกมือ จากหนึ่ง กลายเป็นสอง จากสองกลายเป็นสี่
และดูเหมือนว่าอาจจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
สำหรับงานที่ใช้แรงนั้นมิเชลให้ลูกจ้างของเธอทำ แต่งานที่ต้องใช้จินตนาการ ความคิดและมีรายละเอียด เธอจะเป็นผู้ลงมือทำเอง ซึ่งนั่นรวมไปถึงการตรวจสอบคุณภาพของงานทุกชิ้นก่อนจะส่งมอบให้กับลูกค้าอีกด้วย
วันแล้ววันเล่า
มิเชลติดอยู่ที่เมืองแห่งนั้น
เพื่อผลิตผลงานตามความต้องการของลูกค้า นานนับปี
ในขณะที่ทรัพย์สินของเธอมากขึ้น
เธอก็ต้องจ้างลูกมือเพิ่มมากขึ้น
พร้อมๆกับที่ต้องขยายหอศิลป์ ซื้ออุปกรณ์ และวัตถุดิบสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ตอนนี้เธอไม่ต้องหิวอีกแล้ว แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เธอเริ่มรู้สึกว่ากำลังสูญเสียมันไป …
ทุกคืนก่อนเข้านอน
เธอโหยหาทิวทัศน์ กลิ่นดอกไม้ สายลม และเสียงลำธาร ที่เธอได้สัมผัสมาเกือบตลอดชีวิตนักเดินทางอิสระ
แต่ทันทีที่เหลือบไปเห็นใบสั่งสินค้าเป็นปึกๆ ที่อยู่บนโต๊ะมุมห้อง
เธอก็ได้แต่ถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะข่มตาหลับ เพื่อให้ตื่นมาพบกับผืนผ้าใบ สีน้ำมัน ดินปั้น และโครงเหล็กที่ถูกดัดเป็นรูปร่างไว้ รอให้เธอและลูกมือของเธอมาจัดการให้เสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดเวลา
.
อยู่มาวันหนึ่งในขณะที่มิเชลกำลังง่วนอยู่กับการตรวจสอบคุณภาพของรูปปั้นเทพเจ้าแห่งความโชคดีที่คนงานของเธอช่วยกันแบกมาตั้งไว้ด้านหน้าหอศิลป์ เพื่อรอให้เกวียนมารับไปส่งยังบ้านของเศรษฐี
ขอทานชราผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าหอศิลป์ เขาจ้องมองไปยังเทพเจ้าแห่งความโชคดี สายตาของเขาลูบไล้ตั้งแต่มงกุฎช่อมะกอกที่อยู่ส่วนบนสุดของรูปปั้นเรื่อยมาจนถึงปลายเท้า และฐานทรงกลมที่รองรับรูปปั้นไว้ มิเชลสังเกตเห็นว่าเขาชอบผลงานของเธอ
“โอ้สวยเหลือเกิน งดงามเหลือเกิน … ข้าขอบูชาเทพเจ้าแห่งความโชคดี โดยเหรียญทองแดงเหรียญนี้เถิด ขอให้องค์เทพโปรดได้ยินเสียงอ้อนวอนของข้าบ้างเถิด”
ว่าแล้วขอทานชราก็วางเหรียญที่เพิ่งหยิบออกมาจากเอว ไว้ที่ฐานทรงกลมตรงปลายนิ้วโป้งของรูปปั้นเทพเจ้าแห่งความโชคดีนั้น
มิเชลตั้งใจว่าจะรอให้เขาพ้นสายตาไปก่อน จึงค่อยสั่งให้ลูกน้องไปหยิบเหรียญนั้นออกและทำการห่อรูปปั้นเพื่อรอเกวียนมารับนำไปส่งให้เศรษฐี
ด้วยความชรา
ขอทานจึงเดินอย่างเชื่องช้ากว่าที่จะเลี้ยวลับขอบถนนไป
มิเชลมองตามไปจนกระทั่งมั่นใจว่าชายชราไปจากบริเวณนั้นแล้ว
เธอหันกลับมามองรูปปั้นเพื่อที่จะเอ่ยปากสั่งลูกน้องให้ช่วยกันห่อ
แต่ปรากฏว่า
กลับมีพ่อค้าคนหนึ่งกำลังยืนอธิษฐานอยู่ที่รูปปั้นของเธอ
และไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นเขาก็ควักเหรียญเงินออกมาแล้วก้มลงวางไว้ที่ฐานรูปปั้นบริเวณเดียวกันกับที่ขอทานชราวางเหรียญทองแดงของเขาไว้ก่อนหน้า
.
พ่อค้าส่งยิ้มให้มิเชลก่อนจะเดินออกไป มิเชลยิ้มรับ
แม้ในหัวของเธอตอนนี้จะเต็มไปด้วยความสงสัย
แต่ก็เป็นเช่นเดิม มิเชลจำเป็นต้องรอให้พ่อค้าคนนั้นลับสายตาไปเสียก่อน เพื่อรักษาน้ำใจของเขา
ทันทีที่พ่อค้าเดินรับสายตาไปมิเชลก็หันกลับมามองรูปปั้นอีก
แล้วเธอก็พบภาพเดิม แต่คราวนี้เป็นทีของทหารยามคนหนึ่งที่กำลังนั่งคุกเข่าอ้อนวอนต่อหน้าเทพเจ้าแห่งความโชคดีที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่ได้ปลุกเสกหรือทำพิธีศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใดกับรูปปั้นเลย เธอเพียงแค่ปั้นไปตามจินตนาการเท่านั้น
และเอาเข้าจริงๆ เธอแค่ออกแบบ ลูกมือของเธอต่างหากเป็นคนปั้น
ทหารยามวางเหรียญของตน แล้วเดินจากไปเช่นเดียวกับสองคนแรก
.
ขณะที่เธอกำลังประมวลผลว่ามันเกิดอะไรขึ้น
พร้อมๆกับคิดหาวิธีในการเอาเหรียญออกจากฐานรูปปั้นโดยไม่กระทบจิตใจใครและไม่มีใครมาวางเพิ่ม
ชาวเมืองก็พากันทยอยเข้ามาต่อแถวเพื่อที่จะทำแบบเดียวกันกับที่ขอทานชรา พ่อค้า และทหารยาม ทำก่อนหน้านั้น
กว่าที่เกวียนส่งของจะมาถึงหอศิลป์ ฐานของรูปปั้นก็ท่วมท้นไปด้วยเหรียญเงินและเหรียญทองแดงแล้ว ประเมินด้วยสายตาจำนวนเหรียญทั้งหมดรวมกันมีมูลค่าสูงกว่าราคารูปปั้นที่เศรษฐีว่าจ้างเธอซะอีก
.
หากคุณคือศิลปินที่รักการเดินทางแต่ต้องติดแหง็กหรือในที่ใดที่หนึ่งเหมือนมิเชล
นิทานเรื่องนี้ควรดำเนินต่อไปอย่างไร?
โฆษณา