Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เบื่อเมือง
•
ติดตาม
22 มิ.ย. 2023 เวลา 14:03 • ไลฟ์สไตล์
ถ้าเราจะกำจัดมารภายใน..ถ้ายังกำจัดยังไม่ได้ ก็ต้องควบคุมมันให้ได้
การควบคุมมันได้คืออะไร..คือมีสติ สติคืออะไร..คือภาวนาบ่อยๆ คอยดึงไว้ เมื่อมันจะไหลไปไหนก็คอยดึงไว้ ทำให้มันเชื่อง พอมันเชื่องแล้วเป็นอย่างไร เราจะสามารถควบคุมมันได้
ถ้าโยมควบคุมจิตตัวนี้ได้ ควบคุมใจตัวนี้ได้ ฤทธิ์ทั้งหลายสำเร็จด้วยใจหมด โยมปรารถนาอะไรเทวดาเค้าจะมาประเคนให้หมด แต่ถ้าโยมยังไม่สามารถเหนืออารมณ์ของตัวเองได้ โยมไม่ต้องไปเอาชนะใคร เพราะชนะตัวเองยังชนะไม่ได้เลย เทวดาทั้งหลายเค้าก็ดูถูกดูแคลน พอจะสร้างอธิษฐานบุญอะไรเค้าก็ไม่เชื่อถือ เข้าใจหรือเปล่า
เหมือนโยมอยู่ในทางโลกโยมพูดอะไรแล้วทำไม่ได้ ถามว่ามันจะมีคนเชื่อถือหรือเปล่า นั่นก็เช่นเดียวกัน ไม่ต่างอะไรกันเลย ดังนั้นแล้วเมื่อเรายังไม่สามารถกำจัดมันได้ ฆ่ามันได้..ด้วยอำนาจศีล สมาธิ และปัญญา แต่เรายังสามารถรู้ได้ ฝึกได้ ควบคุมมันให้ได้ก่อน นั่นคือการเจริญสติเจริญภาวนา..
ห้ามความโกรธได้มั้ย ห้ามความโลภได้มั้ย ห้ามความอยากได้หรือเปล่า..ห้ามไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้..คือรู้ได้ว่าจิตเสวยอะไร ถ้ามันเสวยดูซิรสมันเป็นยังไง พิจารณาตามรสในกาม ในความหลง ในความพอใจ ดูตามอารมณ์นั้นไป ดูไปถึงที่สุดแล้ว..ที่สุดเมื่อไหร่มันก็จะวาง มันก็จะอิ่มของมัน พอมันอยากอีก..ดูมันไปอีก คราวนี้พอมันซ้ำๆเข้า เหมือนโยมกินอะไรซ้ำๆ บริโภคอะไรซ้ำๆ..เริ่มเบื่อมั้ยจ๊ะ
อ้าว..พอเริ่มเบื่อแล้วเราจะเห็นสภาวธรรมเกิดขึ้น ไอ้ความกำหนัดจะเริ่มคลายลง เพราะเราไปรู้เหตุมัน เริ่มต้นไปถึงปลายมันเป็นยังไง กลับ..มันก็จะกลับมาที่เดิมอีก เริ่มต้นอยู่ที่รูปอีกกายอีก ในความโลภในความอยากอีก..อยู่อย่างนี้ อยู่ใน ๔ ธาตุนี้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร อยู่อย่างนี้..ไม่พ้นไปอย่างนี้ เกิดขึ้น..ตั้งอยู่..ดับไป วนเวียนเป็นวัฏฏะอยู่อย่างนี้
กินนอน กินนอน กินนอน มีความอยาก มีความโลภ มีความหลง..อยู่อย่างนี้ นี่เค้าเรียกว่าหาสาระแก่นสารไม่ได้ เมื่อมันหาไม่ได้ก็ต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ วนเวียนเกิดเวียนตายอยู่อย่างนี้..
ดังนั้นเมื่อเรายังไม่สามารถข้ามมันได้ ด้วยกำลังเรายังอ่อนหรือเรียกว่าอินทรีย์เรายังไม่ผ่องใส หรือกำลังศรัทธาเรายังไม่ตั้งมั่น เราต้องรวมศรัทธา เช่นเมื่ออินทรีย์เราอ่อน สวดมนต์คนเดียวก็ไม่สามารถจบบทจบตอนได้ เหมือนที่เราตั้งจิตอธิษฐาน ง่วงเหงาหาวนอนเสียก่อน เราก็มาอาศัยสถานที่ที่มีคนที่เค้ามีศีลมีธรรม มีอินทรีย์ มีฌาน มีสมาธิ มีกำลัง เราไปอาศัยเค้า..
พอเราไปอาศัยอยู่ใกล้ใคร มันก็จะดึงเราไป เหมือนเราไปคบบัณฑิต..เกิดประโยชน์มั้ยจ๊ะ แต่ถ้าเราไปคลุกคลีกับคนพาลเป็นยังไง..เป็นโทษมั้ยจ๊ะ อ้าว..นี่คือธรรมธาตุ เราคบใครก็ต้องเป็นแบบเดียวกับคนแบบนั้น..ไม่มากก็น้อย
แต่เมื่อเราพอได้นิสัยแล้ว รู้วาสนาตนเองแล้ว มีภูมิธรรมแล้วตอนนี้ พอมีภูมิธรรมครูบาอาจารย์บอกจะอยู่ ณ ที่ใดก็เจริญประพฤติปฏิบัติกรรมฐาน เจริญภาวนาได้ทุกขณะจิตเมื่อเราระลึกได้ คือลมหายใจในอานาปานสติ แสดงว่าบุคคลนั้นไม่ห่างเหินจากฌาน ไม่ห่างเหินจากความดี ไม่ห่างเหินจากสวรรค์ ไม่ห่างเหินจากพระนิพพาน..
แต่ถ้าเรายังไม่มีภูมิธรรม เราก็ต้องมาอาศัยแบบนี้แล แต่เมื่อเรามีภูมิธรรมแล้ว แม้เราไม่ได้มีโอกาสมีความสะดวกความคล่องตัวจะมา เราก็สามารถใช้เวลาของเรานี้ที่มี เวลาอะไรที่ดีที่สุด..คืออะไร เวลาอะไรก็ตามที่มันจะมีความสุข ความเพลิน แล้วเราสามารถละ เอาความสุขความเพลินนั้นสละออก เพื่อมาเจริญความเพียร นั่นแลได้อานิสงส์มาก..
เช่นเวลาที่เราจะนอนนี้..เรายังไม่นอน เราระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือจะว่าภาวนาพุทโธก็ดี กราบหมอนแล้วก็ดี พุทธัง สรณัง คัจฉามิ..ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ..สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่งเป็นสรณะของข้าพเจ้า..อย่างนี้
แล้วก็น้อมระลึกถึงบุญ ทานกุศลทั้งหลาย หรือภาวนาทั้งหลาย ที่เราได้อบรมบ่มจิตมา น้อมจิตมาพิจารณาธรรม ระลึกถึงความไม่เที่ยง สัญญาทั้งหลาย ความไม่เที่ยงก็คือความตายที่กำลังจะบังเกิดขึ้น นี่..เพียงเท่านี้แลเค้าเรียกว่าจึงมีอานิสงส์มากนัก ไม่ต้องทำมาก ทำก่อนนอนทุกครั้งๆๆ
ก่อนจะนอนเมื่อได้ฌานแล้ว ได้ความสงบแล้ว..ก็จับความสงบเป็นอารมณ์ น้อมกายลงไป..อยู่อย่างนี้ เค้าเรียกว่าตายหรือหลับลงไปอยู่กับบุญกุศล ในขณะที่โยมนั้นจิตว่าง ขอบอกเลยได้ว่า..ถ้าโยมทำจิตให้ว่างในความสงบ ไม่มีอารมณ์ปรุงแต่งในขณะจิตที่โยมหลับไปด้วยอกุศลอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ถ้าจิตโยมตั้งมั่นปรารถนาว่า..ถ้าต้องตายไปในค่ำคืนนี้ เราจะขอปรารถนาพระนิพพานเป็นที่ไป
อย่างนี้..ไม่ต้องถามว่าจะไปไหน เพราะจิตสุดท้ายเราระลึกได้ว่าเราจะไปไหน ใช่หรือเปล่า นี่เรียกว่าการสั่งเสีย นั้นทุกครั้งเพื่อความไม่ประมาท เพราะส่วนมากคนมันจะประมาทอยู่แล้ว นอกจากคนที่เค้ามีภูมิธรรมแล้ว เห็นความไม่เที่ยงแล้ว ปลงสังขารสังสารวัฏแล้ว เห็นทุกข์เห็นภัย เค้าจะระลึกอย่างนี้..
ก่อนนอนเมื่อระลึกถึงกราบพระภาวนาแล้ว เค้าจะน้อมจิตมาพิจารณาธรรม ให้เกิดธรรมสังเวช การพิจารณาธรรมสังเวชเพื่ออะไร เพื่อเป็นการตัดสักกายทิฏฐิแห่งกาย นี่เรียกว่าเมื่อตัดในขณะนั้น ระลึกถึงอารมณ์นั้น..พระโสดาบันปัตติผลเกิดขึ้น ศีลตั้งมั่นบริบูรณ์โดยธรรมชาติของมัน ความลังเลสงสัยใดๆจักไม่มีอีก เพราะจิตมันตั้งมั่นแล้ว คือจะไม่สงสัยอีก ถ้าสงสัย..จิตมันจะตั้งมั่นไม่ได้ เห็นมั้ยจ๊ะ
เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว กระแสโสดาบันปัตติผลหรือกระแสพระนิพพานเมื่อเราอธิษฐานปรารถนา เมื่อตายไปในขณะนี้..ระลึกถึงจับความตายมาเป็นอารมณ์ เห็นความไม่เที่ยง จิตมันจึงมีความเบื่อหน่ายในกาย คือไม่มีความปรารถนาในกาย เมื่อไม่ปรารถนาในกาย..ภพชาติจะปรารถนาไปทำไมเมื่อเป็นอย่างนั้น เมื่อไม่ปรารถนาจะเกิดขึ้นมาอีก
อ้าว..แล้วเมื่อเราระลึกถึงอย่างนี้ ถ้าเกิดต้องตายไปในค่ำคืนราตรีนี้แล้ว ข้าพเจ้าขอไปพระนิพพานอย่างเดียว ถ้าเป็นอย่างนี้แน่นอน..จิตลัดตัดพระนิพพานไปแน่นอน แล้วถ้ามันยังไม่ตายเล่า อ้าว..ไม่ตายแสดงว่านิพพานมันยังไม่แจ้ง แสดงว่าวิบากกรรมเรายังมีอยู่ เราก็ทำอย่างนี้อยู่บ่อยๆ ทำอยู่บ่อยๆจนชินเป็นอารมณ์พระนิพพาน
อ้าว..พอเป็นอารมณ์พระนิพพานอีก แต่ว่าวันนี้เผลอไม่ได้ตัดไม่ได้สั่งเสียว่าจะไปนิพพาน แต่มันมีความปรารถนาชินเป็นอารมณ์พระนิพพาน ตายไปอีก..ก็ต้องไปเข้าพระนิพพานอยู่ดี เข้าใจอย่างนี้หรือเปล่าจ๊ะ มันอยู่ที่ความชินของอารมณ์ คือบ่มเพาะให้เป็นนิสัย ให้เป็นวาสนา..อย่างนี้
ดังนั้นแล้วการไปพระนิพพานไม่ใช่เป็นของยาก ถ้าโยมมีทางเดินก็ไม่ยาก แต่ถ้าโยมไม่มีทางเดินหรือไม่เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ไม่ต้องถามว่าไปได้มั้ย..คือไปไม่ได้เลย เข้าใจหรือเปล่าจ๊ะ มันมีว่าไปได้กับไปไม่ได้เลย มีว่าเป็นไปได้กับเป็นไปไม่ได้เลย..
ดังนั้นถ้าเราจะถามว่า เอ๊ะ..แล้วชาตินี้ฉันเป็นโสดาบันกี่ชาติแล้ว อ้าว..ถ้าว่าเป็นโสดาบันกี่ชาติก็พยากรณ์ไม่ยาก พยากรณ์ยังไง..ก็ถ้าโยมยังตัดกายไม่ได้ในชาตินี้ แสดงว่าโยมเพิ่งจะได้กระแสพระโสดาบัน แต่ยังไม่ได้เป็นผล..เป็นแค่มรรค แต่ถ้าว่าชาตินี้ตัดกายได้กามได้ โอ้..อย่างนี้พยากรณ์ได้เลยว่าเป็นชาติสุดท้าย เป็นโสดาบันเป็นชาติสุดท้าย..
ชาติสุดท้ายหมายถึงว่าชาตินี้อย่างน้อยก่อนตายต้องได้พระอนาคามี ถ้าเป็นพระอนาคามีแล้วจะต้องมาเกิดอีกมั้ย โยมตัดกามแล้ว กามตัณหาตัดภพตัดชาติ ถามว่าต้องเกิดอีกหรือเปล่า โอ้..ไม่ต้องเกิดแล้ว ไปอยู่ในโน้นเลยพรหมมหาราชิก ไปอยู่พรหมท้าวสุทธาวาสโน่น ไม่ต้องกลับมาเกิด อ้าว..โยมตัดกามแล้ว ไม่มีตัวเกิดไม่มีตัวอยากแล้ว ไอ้ที่เกิดเพราะยังมีอยากอยู่..
ในความว่าอยากเหล่านี้มีอะไรบ้าง..มีสัญญา มีบุพกรรม พวกนี้ต้องเกิดทั้งนั้น ต้องเกิดหมดเพราะยังมีสัญญาอยู่ สัญญานี้ยังไม่ถูกถอดถอน คือพูดง่ายๆยังมีห่วงอยู่ แต่คนที่เค้าสั่งเสียว่าถ้าตายไปในขณะนี้ ราตรีนี้ คืนนี้..ขอไปนิพพาน อันนี้เค้าไม่มีห่วงแล้ว คือเค้าไม่ห่วงอะไร เค้าไม่ห่วงกาย ไอ้กายตัวเดียวที่บังพระนิพพาน บังมรรคผล นั้นฉันขอให้โยมนั้นลัดตัดพระนิพพาน..
มูลนิธิเมืองธรรมพรหมรังสี สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
บ้านโปร่งวิเชียร อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย