3 ก.ค. 2023 เวลา 05:30 • ธุรกิจ

แนะนำ 5 โซลูชัน AI ที่ธุรกิจนำไปใช้งานได้จริง

อ่านบทความฉบับเต็มคลิก : https://bit.ly/3ThaUQr
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับธุรกิจยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถอันโดดเด่นที่จะช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลดภาระงานรูทีนที่ต้องทำซ้ำไปซ้ำมา ให้พนักงานได้มีเวลาโฟกัสกับงานที่สร้างรายได้ให้กับองค์กรได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นเมื่อธุรกิจกำหนดเป้าหมาย หรือ Pain point ที่ต้องการนำ AI เข้าไปช่วยได้แล้ว การมองหาโซลูชัน AI ที่ตอบโจทย์ในเรื่องนั้นๆ จึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญเพื่อทำให้การนำ AI มาใช้กับธุรกิจนั้นเกิดประโยชน์สูงสุด
โซลูชัน AI ที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้งานเพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการทำงาน และยกระดับประสบการณ์ลูกค้าที่มาใช้บริการนั้นมีอะไรบ้าง วันนี้ AIGEN จะมาแนะนำโซลูชัน AI ที่เพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจยุคใหม่และนำไปใช้งานกับธุรกิจได้จริง
1. โซลูชัน AI ดึง และประมวลผลข้อมูลจากเอกสารแบบอัตโนมัติ
โซลูชัน AI-Powered OCR หรือ AI ที่ใช้ในการดึง และประมวลผลข้อมูลจากเอกสารประเภทต่างๆ ได้แบบอัตโนมัตินั้นเป็นโซลูชัน AI ที่จะเข้ามาช่วยทำให้ขั้นตอน Data-entry หรือการกรอกข้อมูลจากเอกสารเข้าไปในระบบของธุรกิจทำได้แบบอัตโนมัติ โดยพนักงานมีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูลในขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น ช่วยลดภาระงานเอกสารที่แต่เดิมเป็นแบบแมนนวล ประหยัดเวลาการทำงาน และลดข้อผิดพลาดของข้อมูลที่อาจจะเกิดขึ้น
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI รวมกับ OCR ทำให้ขั้นตอนการดึงข้อมูลทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีการสร้างเทมเพลตของเอกสารไว้ล่วงหน้า จัดประเภทของข้อความได้แบบอัตโนมัติว่าข้อความนี้เป็นชื่อ-นามสกุล วันเกิด ที่อยู่ เป็นต้น และรองรับการประมวลผลเอกสารทั้งแบบเอกสารที่มีเทมเพลตที่ตายตัว เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ พาสปอร์ต และเอกสารที่ไม่ได้มีรูปแบบตายตัวก็สามารถประมวลผลได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน หรือเอกสารเฉพาะของธุรกิจ เป็นต้น
รวมถึงอีกหนึ่งฟีเจอร์สำคัญคือรองรับ Workflow automation เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การดึงข้อมูลทำได้อัตโนมัติแบบ End-to-end นั่นคือหลังจาก AI-Powered OCR ดึงข้อมูลจากเอกสารแล้ว แต่ละธุรกิจสามารถกำหนด Workflow ได้เองว่าจะส่งต่อข้อมูลที่ระบบ OCR ดึงออกมาไปจัดเก็บไว้ที่โปรแกรมไหน ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรม SAP, ERP, Oracle หรือโปรแกรมอื่นๆ
AI-Powered OCR เหมาะกับธุรกิจประเภทใด
AI-Powered OCR สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายประเภทธุรกิจ เนื่องจากทุกธุรกิจล้วนแต่ต้องเกี่ยวข้องกับงานเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการเงิน และธนาคาร ธุรกิจประกัน ธุรกิจการผลิต ธุรกิจสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจซอฟต์แวร์ หน่วยงานภาครัฐ และอื่นๆ โดยเฉพาะหากธุรกิจใดต้องการจะยกระดับองค์กรเข้าสู่การเป็นองค์กรยุคดิจิทัล ลดการใช้กระดาษเข้าสู่การเป็น Paperless organization และต้องการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูล (Data-driven organization) เรียกได้ว่าโซลูชัน AI-Powered OCR จะตอบโจทย์ของธุรกิจได้เป็นอย่างดี
2. โซลูชัน AI ระบุ และยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า
โซลูชัน AI-Powered Face Recognition หรือการนำ AI มาใช้ในระบุ และยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าเป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่ตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่ทำทุกอย่างผ่านทางสมาร์ทโฟน จึงทำให้การระบุ และยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการยืนยันตัวตนเพื่อทำธุรกรรม หรือใช้บริการต่างๆ ของธุรกิจได้จากทุกที่ และทุกเวลา โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปที่สาขา หรือสำนักงานของธุรกิจ
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI ทำให้ขั้นตอนการตรวจ และระบุใบหน้าบุคคลทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติ เนื่องจากมีอัลกอริทึมของ Machine Learning ที่ได้รับการเทรนให้สามารถอ่านใบหน้าของบุคคลได้อย่างหลากหลาย และยังรองรับการตรวจจับใบหน้าหลากหลายรูปแบบ
อีกทั้งยังรองรับ Liveness detection โดยการแยกแยะความแตกต่างระหว่างรูปถ่ายกับบุคคลจริงได้เพื่อป้องกันการปลอมแปลงตัวด้วยการนำรูปผู้อื่น หรือภาพพิมพ์มาใช้ในการระบุยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าได้ จึงทำให้การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าทำได้แบบอัตโนมัติ และมีโอกาสผิดพลาดได้น้อยมาก
เมื่อเทียบกับระบบที่ต้องยังต้องใช้คนในการทำงานร่วมด้วย และยังสามารถรองรับการทำธุรกรรมในจำนวนมากพร้อมกันได้ พร้อมทั้งการันตีด้วยมาตรฐานระดับสากลไม่ว่าจะเป็น NIST ประเทศสหรัฐอเมริกา และมาตรฐานของ ETDA สำหรับไบโอเมตริกซ์ที่จะมีความแม่นยำเป็นพิเศษสำหรับใบหน้าชาวเอเชีย ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกการทำธุรกรรมของลูกค้าและธุรกิจนั้นสะดวก และปลอดภัยอย่างแน่นอน
AI-Powered Face Recognition เหมาะกับธุรกิจประเภทใด
โซลูชัน AI-Power Face Recognition ประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจหลากหลายประเภท ไม่จำกัดเฉพาะธุรกิจการเงิน และธนาคาร ธุรกิจที่ต้องการยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมต่างๆ สามารถนำ AI-Power Face Recognition ไปใช้งานได้ เช่น การสแกนใบหน้าเพื่อเข้าตึกออฟฟิศ การสแกนใบหน้าเพื่อเข้าเรียนคอร์สออนไลน์ หรือการยืนยันตัวตนเพื่อใช้บริการแอปพลิเคชันบางประเภท เป็นต้น
3. โซลูชัน AI ยืนยันตัวตนออนไลน์
โซลูชัน AI-Powered e-KYC หรือโซลูชันการนำ AI มาใช้ในการยืนยันตัวตนออนไลน์เป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่กำลังได้รับความนิยมจากธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม จากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่นิยมทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านทางสมาร์ทโฟนทำให้ธุรกิจต่างต้องก้าวตามเทรนด์ให้ทัน จึงมีการนำการยืนยันตัวตนออนไลน์มาใช้งานกันอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนได้จากทุกที่ และทุกเวลาผ่านทางสมาร์ทโฟนโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่สำนักงาน หรือสาขาของธุรกิจ
โซลูชัน AI-Powered e-KYC จะเข้ามายกระดับการทำ Digital customer onboarding ให้กับธุรกิจ โดยรวมความความสามารถของระบบ AI-OCR และ Face recognition ไว้ในที่เดียว ทำให้การระบุ และพิสูจน์ตัวตนทำได้โดยอัตโนมัติ เพียงแค่ลูกค้าเข้าไปในแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ของธุรกิจ ทำการอัปโหลดรูปหน้าบัตรประชาชน และถ่ายรูปเซลฟี่ใบหน้า หลังจากนั้นระบบ OCR จะดึงข้อมูลที่ต้องการจากบัตรประชาชน และระบบ Face verification จะเปรียบเทียบรูปถ่ายเซลฟี่กับรูปถ่ายในบัตรประชาชนว่าตรงกันหรือไม่
เพื่อแสดงผลการยืนยันตัวตนว่าสำเร็จหรือไม่ได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยกระดับความปลอดภัยขั้นสูงด้วย Liveness detection เพื่อป้องกันการปลอมแปลงตัวตน ทำให้ธุรกิจมั่นใจได้ว่าทุกการทำธุรกรรมของลูกค้านั้นสะดวก และปลอดภัยอย่างแน่นอน ยกระดับให้การทำธุรกรรมยุคใหม่ให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยโซลูชัน AI-Powered e-KYC
AI-Powered e-KYC เหมาะกับธุรกิจประเภทใด
โซลูชัน AI-Powered e-KYC ประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่จำกัดเฉพาะที่ธุรกิจการเงิน และธนาคาร ธุรกิจสินเชื่อออนไลน์ และธุรกิจประกัน โดยธุรกิจบางชนิดที่ไม่ได้มีข้อบังคับตามกฎหมายว่าต้องทำการยืนยันตัวตนออนไลน์ แต่เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าใช้งานเป็นบุคคลดังกล่าวจริงๆ การยืนยันตัวตนผ่านทางช่องทางออนไลน์ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันการปลอมแปลงตัวตน หรือการทุจริตได้ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชัน ธุรกิจการศึกษาออนไลน์ ธุรกิจการสื่อสาร และโทรคมนาคม และหน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น
4. โซลูชัน AI แชทบอทตอบคำถามลูกค้าได้ 24 ชั่วโมง
โซลูชัน AI-Powered Chatbot หรือการนำแชทบอท AI มาใช้ในการตอบคำถามลูกค้าถือเป็นโซลูชัน AI ที่หลายๆ ธุรกิจได้นำไปใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการลูกค้า สามารถให้บริการลูกค้าได้แบบ 24 ชั่วโมงแบบไม่มีหยุดพัก ตอบโจทย์กับพฤติกรรมของลูกค้ายุคใหม่ที่ต้องการบริการที่สะดวก รวดเร็ว ทันใจได้เป็นอย่างดี
โดยแชทบอท AI จะทำหน้าที่ช่วยคัดกรองลูกค้าให้เบื้องต้นว่าลูกค้าคนไหนจำเป็นต้องส่งไปให้เจ้าหน้าที่เพื่อพูดคุย และให้ความช่วยเหลือ หรือลูกค้าคนไหนที่แชทบอท AI สามารถแจ้งข้อมูลให้ได้เลยในเบื้องต้น ช่วยลดเวลาการรอสายของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI ร่วมกับ Natural language processing หรือการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ทำให้แชทบอท AI สามารถเข้าใจบริบทของคำถาม และคำตอบได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ ทำให้แชทบอท AI สามารถตอบคำถามลูกค้าได้เหมือนกับพูดคุยกับพนักงาน อีกทั้งแชทบอทยังให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพัก นอกจากนั้นยังสามารถเทรนให้แชทบอท AI เข้าใจ และประมวลผลข้อมูลเฉพาะด้านได้ เช่น ข้อมูลด้านประกันภัย และการดูแลสุขภาพ เพื่อสามารถให้ข้อมูลกับลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ
นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อแชทบอท AI เข้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ ขององค์กรได้อีกด้วย เพื่อทำให้การใช้งานตอบโจทย์ขั้นตอนการทำงานขององค์กรได้เป็นอย่างดี
AI-Powered Chatbot เหมาะกับธุรกิจประเภทใด
AI-Powered Chatbot ประยุกต์ใช้งานได้กับหลากหลายธุรกิจ โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องให้บริการลูกค้าเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการเงิน และธนาคาร ธุรกิจประกัน ธุรกิจสื่อสาร และโทรคมนาคม ธุรกิจแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชัน และธุรกิจอื่นๆ การนำแชทบอท AI มาใช้งานจะช่วยลดภาระ Workload งานของพนักงานให้บริการได้เป็นอย่างดี และลดเวลาการรอสายของลูกค้าที่ติดต่อเข้ามา
5. โซลูชัน AI จัดการข้อมูล และองค์ความรู้ภายในองค์กร
โซลูชัน AI-Powered Knowledge Management System หรือโซลูชัน AI จัดการข้อมูล และองค์ความรู้ภายในองค์กรนั้นเป็นโซลูชันที่เหมาะกับธุรกิจ หรือองค์กรในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเป็นอย่างดี
เนื่องจากระบบ Knowledge management จะช่วยเข้ามารวบรวม และจัดการข้อมูล หรือองค์ความรู้ภายในองค์กรให้อยู่ในที่เดียวกัน ง่ายต่อการค้นหา และนำข้อมูลไปใช้เพื่อต่อยอดทางธุรกิจในด้านต่างๆ ลดช่องว่างความรู้ (Knowledge gap) ของพนักงาน และทำให้พนักงานเข้าถึงความรู้ต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งยังนำมาประยุกต์ใช้กับระบบ Customer self-service ที่ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาได้ด้วยตนเองในเบื้องต้น
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI และ Natural language processing (การประมวลผลภาษาธรรมชาติ) ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของโซลูชัน AI-Powered KMS นั้น ทำให้การเก็บ และรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ต่างๆ มาอยู่ในที่เดียวกันทำได้อย่างสะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งทำให้การค้นหาข้อมูลทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้นผ่านทางฟีเจอร์การค้นหาอันทรงพลัง เพียงแค่พิมพ์ข้อมูลที่ต้องการค้นหาลงไปในระบบการค้นหา ข้อมูลที่ต้องการก็จะแสดงขึ้นมาให้โดยทันที ช่วยประหยัดเวลาในการค้นหาข้อมูลได้เป็นอย่างมาก ซึ่งเหล่านี้สามารถประยุกต์ใช้ได้กับทั้งกับพนักงานภายในองค์กร หรือลูกค้า นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อระบบ KMS เข้ากับระบบ หรือแอปพลิเคชันขององค์กรได้ เพื่อให้สะดวกกับการใช้งานของแต่ละองค์กร
AI-Powered Knowledge Management System เหมาะกับธุรกิจประเภทใด
AI-Powered KMS นำไปประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการเงิน และธนาคาร ธุรกิจประกัน ธุรกิจแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน ธุรกิจสุขภาพ และความงาม และอื่น โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องการยกระดับการให้บริการโดยนำระบบ Customer self-service มาใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหา และให้บริการตนเองได้ผ่านทางระบบ Knowledge management ที่ทางบริษัทได้เตรียมไว้ให้
Think AI Think AIGEN
ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการนำโซลูชัน AI ไปใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIGEN ได้ที่
· Facebook : AI GEN : ไอเจ็น
· Line : @aigen
โฆษณา