5 ก.ค. 2023 เวลา 12:59 • ธุรกิจ

ตัวคุณคือธุรกิจ

เวลาที่ผู้คนทั่วๆไปเริ่มพูดถึงหัวข้อของการทำธุรกิจนั้น ผู้คนมักจะนึกถึงสิ่งที่ดูใหญ่โตหรือซับซ้อนต่างๆมากมาย เช่น ต้องมีโรงงาน ต้องมีเงินทุนจำนวนมาก ต้องมีการจ้างพนักงาน ต้องมีการวางแผนการตลาด การคิดถึงกลุ่มเป้าหมายลูกค้า หรืออะไรต่างๆมากมายที่เรามักจะได้ยินจากสื่อที่แนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกิจ
การคิดแบบนี้นั้นไม่ได้ผิดอะไรและค่อนข้างดีด้วยซ้ำ เพราะตัวผมเองมองว่าเป็นการคิดใหญ่และมีวิสัยทัศน์ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าทำได้ก็อาจจะส่งผลดีต่อสังคมได้ในระยะยาว
แต่ผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดตรงกันข้าม คือการที่เราคิดแผนการธุรกิจต่างๆอะไรมากมายแต่สุดท้ายเรากลับปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่ความคิดและไม่ตัดสินใจลงมือทำ ตามด้วยข้ออ้างต่างๆมากมาย เพราะเพียงแค่ว่าเราคิดไปเกินลำดับขั้นของตัวเองมากเกินไป
หรือกระทั่งการมีแผนการที่ใหญ่มากจนเกินไป และมีทุนทรัพย์ที่เพียงพอแต่กลับไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจเลยแม้แต่นิดเดียวนั้นก็จะทำให้เราอาจจะทำการตัดสินใจที่เสี่ยงเกินไปจนธุรกิจขาดทุนจนต้องออกจากสนามแข่งของธุรกิจก่อนกำหนด
ดังนั้นกรอบความคิดที่เหมาะสมสำหรับการทำธุรกิจนั้น สำหรับผมแล้วยังไม่ควรที่จะรีบมองเป็นภาพที่ใหญ่จนเกินไป หรือไปมองธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้ว แต่ควรจะเริ่มที่จุดเล็กๆก่อน
ซึ่งก็คือการมองว่า "ตัวเราเองเป็นธุรกิจๆหนึ่ง"
การคิดรูปแบบนี้ผมมองว่าจะทำให้เราไม่เสียกำลังใจจากการทำอะไรที่ใหญ่เกินกำลัง หรือทำการตัดสินใจที่ผิดพลาด และยังไม่ต้องรับผิดชอบกับปัจจัยต่างๆที่มากเกินไปจากการทำธุรกิจ
เพราะสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบจริงๆ ก็คือตัวเราเองเท่านั้นครับ
โดยการมองตัวเองเป็นธุรกิจนั้นควรที่จะต้องเริ่มจากสิ่งที่เรามีก่อนว่าเรามีทรัพยากรอะไรในการดำเนินธุรกิจไปได้ ในที่นี้ผมหมายถึงเวลาครับ บางคนอาจจะมีเงินทุนหรือไม่มี ผมมองว่ายังเป็นปัจจัยรองครับ เพราะเราสามารถเอาเวลาแลกกับเงินทุนได้ในช่วงแรกอยู่ดี (หรือก็คือการมองว่าตัวเอง ณ ตอนนี้มี Assets หรือสินทรัพย์อะไรบ้าง)
ต่อมาก็จะเป็นการระบุปัญหาที่เราต้องการจะช่วยเหลือแก่คนในสังคม เพราะการทำธุรกิจนั้นก็คือการแก้ปัญหาต่างๆให้กับผู้คน ผู้คนยอมจ่ายให้กับใครหรือองค์กรใดก็ตามที่สามารถแก้ปัญหาที่พวกเขามีอยู่เพื่อได้มาในสิ่งที่ต้องการ (การระบุว่าตัวเราเองนั้นกำลังจะทำธุรกิจอะไร)
ถัดไปคือการระบุทักษะของตัวเองทีมีอยู่ และต้องมีเพื่อที่จะใช้ดำเนินธุรกิจ จากนั้นก็นำทรัพยากรที่มีอยู่ก็คือเวลาไปแลกกับการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ (การทำ R&D ของบริษัท)
จากนั้นเราจำเป็นที่จะต้องหาลูกค้า ซึ่งก็ต้องมีการโปรโมทด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นทางช่องทาง Social Media หรือการบอกแบบปากต่อปาก (การทำ Marketing)
จากนั้นเมื่อเราสามารถทำได้แล้ว ธุรกิจมีความเสถียร สามารถจัดสรรเวลาหรือมีแบบแผนแบบแน่นอน เมื่อนั้นค่อยคิดในภาพใหญ่ขึ้น เพราะถือว่าเรามี Credit จากการลงมือทำแล้ว การเติบโตย่อมเป็นไปไม่ยากเย็นครับ
โฆษณา