4 ก.ค. 2023 เวลา 00:02 • หนังสือ

เวลาที่เหลืออยู่ สำคัญกว่าเวลาที่เสียไปเสมอ

มีบทนึงในหนังสือ “ถึงโมโห ก็อย่าสู้กับคนโง่” ชื่อบทว่า “อย่าสร้างความเสียหายเพิ่มด้วยการยึดติดกับเรื่องในอดีต” ซึ่งนำเอาแนวคิดทางธุรกิจมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างน่าสนใจครับ
โดยปกติเวลามีคนมาทำอะไรให้เราไม่พอใจ เช่น มาขัดขวางความคิดหรือไอเดียของเรา หลายครั้งเราจะจมปลักอยู่กับความคิดว่าจะเอาคืน จะล้างแค้น จะโต้แย้งให้มันหน้าหงายไปเลย แต่ผู้เขียนบอกว่าการกระทำและความคิดเหล่านี้เปล่าประโยชน์ครับ
ในทางธุรกิจจะมีคำว่า ต้นทุนจม (Sunk Cost) อยู่ ซึ่งเรามักจะเสียดายมันมาก อธิบายความหมายง่าย ๆ คือสมมุติว่าเราลงทุนพัฒนาสินค้าสักชิ้นนึงขึ้นมา เราเสียเวลาปลุกปั้นมัน แล้วก็หวังว่ามันจะทำกำไรให้เราได้
แม้ตอนที่เราเริ่มทำมันอาจจะเป็นไอเดียที่ดีจริง ๆ แต่พอวันนึงคู่แข่งออกสินค้าอีกชิ้นนึงมา จนทำให้ผู้บริโภคไม่สนใจสินค้าที่เรากำลังพัฒนาอีกต่อไป (เหมือนเราพัฒนามือถือแบบปุ่ม ในวันที่โลกรู้จักกับ iPhone แล้ว) เราก็จะมีความรู้สึกว่าไม่อยากทิ้งมันไป เพราะเราอุตส่าห์ลงทุนเวลาและทรัพยากรกับมันไปตั้งเยอะ
ทั้งที่จริง ๆ เราควรหยุดความเสียหายเอาไว้แค่นี้ครับ แล้วเอาทรัพยากรที่เหลือไปลงกับสินค้าชนิดใหม่ที่ดีกว่า และตอบโจทย์ผู้บริโภคมากกว่า นี่แหล่ะผลกระทบของ Sunk Cost ครับ
ผู้เขียนบอกว่าในชีวิตประจำวันเราก็มีอคติทำนองนี้เช่นกัน เวลามีความขัดแย้งเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือมีใครทำอะไรให้เราไม่พอใจ เราจึงมักไปจมอยู่กับความคิดว่าจะเอาคืน
แต่จริง ๆ แล้ววิธีที่ดีที่สุดคือไม่ต้องไปสนใจอีกฝ่ายครับ เพราะต่อให้คุณเก็บมาคิดแค้น ก็มีแต่จะทำให้คุณโกรธมากขึ้น ทั้งที่หากคุณเอาเวลาคิดหรือไปทำเรื่องอื่น มันอาจจะดีกับชีวิตคุณมากกว่า
ข้อแนะนำของผู้เขียนก็คือ เวลาทำอะไรก็ตามให้คำนึงถึงต้นทุนด้านเวลาอยู่เสมอครับ เช่น สมมุติมีเวลา 1 ชั่วโมง ให้คิดเลยว่าคุณสามารถใช้เวลา 1 ชั่วโมงทำอะไรได้บ้าง
ทีนี้พอเกิดความขัดแย้งหรือไม่พอใจคนอื่น ก็ให้คิดเลยว่า ถ้าเราจะนั่งต่อล้อต่อเถียงกับคนนั้น 1 ชั่วโมง เราจะเสียโอกาสทำสิ่งที่เราสามารถทำได้ใน 1 ชั่วโมงนั้นไป
ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของผมคือ 1 ชั่วโมงผมเรียบเรียงเนื้อหาและอัดคลิปรีวิวหนังสือได้ 1 คลิป ดังนั้นถ้ามีคนมาคอมเมนต์ด่าผม แล้วผมไปโต้เถียงด้วย 1 ชั่วโมง เท่ากับผมจะพลาดโอกาสทำคลิปอีก 1 คลิปเลยทีเดียว พอคิดได้แบบนี้ เราจะอยากเสียเวลาไปกับคนอื่นน้อยลงมากครับ
นอกจากคำแนะนำของผู้เขียนแล้ว มันยังทำให้ผมต่อยอดออกมาเป็นข้อคิดได้ด้วยครับว่า “เวลาที่เหลืออยู่ สำคัญกว่าเวลาที่เสียไปเสมอ” ผมนี่คือสิ่งที่บทนี้กำลังบอกเราครับ
มนุษย์เราเสียดายเวลาที่เสียไปแล้วกับหลาย ๆ ด้านในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ด้านความสัมพันธ์ หลายคนคบกับคนนึงมานานทั้งที่รู้อยู่แก่ใจนะครับว่าคนนี้ไม่ใช่ แต่ก็อดทนคบต่อ ด้วยเหตุผลว่าเสียดายเวลาที่ใช้ร่วมกันมา แต่การตัดสินใจแบบนี้อาจทำให้เราเสียเวลาที่เหลืออยู่ไปด้วยนะครับ
แน่นอนว่าผมไม่ได้ยุให้ทุกคนไปเลิกกันนะ เพราะก่อนจะยุติความสัมพันธ์มันก็ต้องผ่านกระบวนการหลายอย่าง ทั้งการพูดคุย การปรับตัวเข้าหากัน แต่ถ้าถึงจุดที่รู้แล้วแน่ ๆ ว่าคนที่คบอยู่นั้นไม่ใช่ การยุติความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องผิดเสมอไป
สิ่งสำคัญที่อยากทิ้งท้ายคือ ถึงแม้เราจะเห็นความสำคัญของเวลาที่เหลืออยู่มากกว่าเวลาที่เสียไป มันก็ไม่ได้หมายความว่าเวลาที่เสียไปมันไร้ความหมายนะครับ เพราะงั้นลองทบทวนตัวเองดูดี ๆ ว่าในแต่ละด้านของชีวิต คุณมีเวลาเหลืออยู่เท่าไรครับ
ชื่อหนังสือ: #ถึงโมโหก็อย่าสู้กับคนโง่
ชื่อสำนักพิมพ์: #Welearn
#igotthisfromthatbook #ฉันได้สิ่งนี้จากหนังสือเล่มนั้น
โฆษณา