4 ก.ค. 2023 เวลา 06:57 • ความคิดเห็น

กำแพง กระจก และคนโกหก

Leaders surrounded by walls, mirrors, and liars…
คุณแท้ป รวิศ
ผมได้ฟังประโยคนี้จากการบรรยายของคุณแท้ป รวิศที่หลักสูตร ABC เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นการเตือนสติผู้นำ (Leaders) ให้ระวังสามสิ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำองค์กรหรือผู้นำด้านไหนพอมีอำนาจที่เริ่มให้คุณให้โทษได้ มีอำนาจในการสั่งการ สามารถให้รางวัลหรือลงโทษผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ก็จะเผชิญและมีความท้าทายกับสามสิ่งรอบตัวนี้เสมอ ทั้งจากอีโก้ของตัวเองที่รู้สึกว่าตัวเองเก่งที่ขึ้นมาถึงจุดนี้ได้และจากคนรอบข้างที่มีผลประโยชน์ตัวเองทยอยเข้ามาใกล้ตัว
1
รอบตัวผู้นำจะมีสามสิ่งที่รายล้อมอย่างที่แท้ป รวิศเล่าเสมอ จะหนักขึ้นจนพาผู้นำพินาศหรือจะสามารถควบคุมตัวเองได้ไม่ถูกปิดกั้นจนมองอะไรไม่เห็นนั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและการกระทำเมื่อมีอำนาจแล้วเป็นหลัก
2
สิ่งแรกที่รายล้อมผู้นำก็คือกำแพงที่คอยปิดกั้นไม่ได้ได้รับรู้ข่าวสารที่ควรจะรู้ ทั้งกำแพงในใจตนที่พอประสบความสำเร็จ มีอำนาจก็จะไม่ค่อยชอบฟังคำแนะนำ หรือเสียงตำหนิใดๆ ยิ่งมีอำนาจมากก็จะระคายหูได้ง่าย รวมถึงคนรอบข้างที่พยายามเอาใจนาย ไม่อยากเอา “ข่าวร้าย” มาให้นายรำคาญ
2
กำแพงที่ว่านี้ยิ่งมีอำนาจนาน กำแพงก็ยิ่งหนา จนบางทีไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ในที่สุดก็ทำให้ตัดสินใจผิดพลาดและนำมาซึ่งความถดถอยในที่สุด
สิ่งที่สองก็คือกระจก ในความหมายนี้ก็คือความหลงตัวเอง (Narcissism) มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตัวเองว่าเก่งและดีเหลือเกิน ภูมิใจในความสามารถของตัวเองที่มาจนถึงวันนี้ รวมถึงความคิดเข้าข้างตัวเองว่ามีความดีและความตั้งใจที่แรงกล้าอย่างที่คนอื่นไม่มีหรือไม่มีทางมี
1
ถ้าองค์กรนี้ขาดเราไปก็คงแย่แน่ๆ ยิ่งทำให้พยายามหาทางที่อยู่ในอำนาจให้นานที่สุดด้วยความที่คิดว่าไม่มีใครแทนได้ ไม่เคยคิดจะหา Successor ผมเคยเจอซีอีโอลักษณะนี้ซึ่งฝรั่งเรียกประชดว่าเป็น Quarterback CEO ที่มีแต่ I ไม่มี We อะไรที่สำเร็จเกิดจากฝีมือซีอีโอทั้งนั้น คนอื่นคือตัวประกอบ พอมาถึงยุคนี้สมัยนี้ที่ต้องการการทำงานเป็นทีมเพราะโลก VUCA นั้นไม่มีใครเก่งคนเดียวอีกต่อไป และยิ่งมั่นใจ พูดอยู่คนเดียว ไม่ค่อยฟังใคร คนรอบข้างก็ยิ่งไม่กล้าเตือน ไม่กล้าบอกความจริง กำแพงก็ยิ่งหนาเข้าไปอีก
กระจกที่ล้อมรอบจึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อทั้งผู้นำและองค์กรที่ตัวเองดูแลเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่สามคือคนโกหก คนที่พูดเท็จรอบตัว (Liar) พอเมื่อไหร่ที่ผู้นำถืออำนาจให้คุณให้โทษ ให้รางวัลหรือลงโทษคนได้ มีผลประโยชน์ที่คนสนใจ พวกที่ได้กลิ่นหรือแสวงหาผลประโยชน์ก็จะเริ่มเข้ามาและทำทุกอย่างที่จะได้ผลประโยชน์นั้นไม่ว่าจะเป็นการเพ็ดทูลให้คนดีรอบข้างที่ระอาคนแบบนี้ต้องระเห็จไป
1
หรือยกยอเกินจริงให้เจ้านายเคลิ้มและชอบให้อยู่ใกล้ โกหกหลอกลวงเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ที่นายสามารถให้ได้ ยิ่งผสมกับพลังแห่งกำแพงและกระจกแล้ว ยิ่งทำให้นานเข้าผู้นำก็จะยิ่งล้อมตัวเองด้วยคนแบบนี้จนเสื่อมมากนักต่อนัก โดยที่ไม่ได้เข้าใจว่าพลังแห่งอำนาจนั้นเกิดจากหมวกที่ตัวเองสวมมากว่า
เวลาเราเป็นคนธรรมดา ฟังเรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่พอขึ้นเป็นผู้นำหรือเป็นผู้บริหารทีไรทำไมคนส่วนใหญ่ถึงไม่สามารถแก้กำแพง กระจกและคนโกหกที่อยู่รอบตัวได้เลย ตัวอย่างมีตั้งแต่โบราณกาลทั่วโลกด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าก็มีผู้นำจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่ทุบกำแพง ทลายกระจกและแวดล้อมด้วยคนที่เก่งและมีความสามารถได้ การชนะสามสิ่งนี้ได้นั้นขึ้นอยู่กับวิธีคิดและวัตรปฏิบัติของตัวเองเป็นหลัก
2
เนลสัน แมนเดลา ผู้นำชาวแอฟริกาใต้ที่ได้รับความชื่นชมสูงสุดคนหนึ่งของโลกที่สามารถสมานแผลเรื่องคนขาวและคนดำและนำชาติสู่ความสามัคคีได้อย่างไม่มีใครคิดว่าจะทำได้มาก่อน มีคนเคยถามแมนเดล่าว่ามีหลักการการเป็นผู้นำที่ดีอย่างไร
แมนเดล่าตอบว่าเขานึกออกอยู่เรื่องหนึ่งที่เขาสังเกตและยึดถือมาตลอดก็คือการทำตามพ่อเขาอยู่สองเรื่องซึ่งเป็นผู้นำเผ่าเล็กๆในอาฟริกาใต้มาก่อน เรื่องแรกคือเวลาพ่อเขาประชุมกับคนในเผ่า พ่อเขาจะให้นั่งคุยกันเป็นวงกลม ไม่มีใครเด่น ไม่มีใครเหนือกว่าใคร และข้อสองก็คือ พ่อเขาจะพูดเป็นคนสุดท้ายเสมอ…
1
คุณซิกเว่ เบรกเก้ เจ้านายตลอดกาลของผมก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทลายสามสิ่งนี้ตลอดเวลาที่เขาเป็นซีอีโอที่ดีแทคอยู่หลายปี ซิกเว่ใช้ “เท้า” ทำงานเยอะมากที่ผมชอบเรียกว่า Management by feet เขา “เดิน” ไปตั้งแต่เหนือจรดใต้ ไปแทบทุกจังหวัดของไทย ไปพูดคุยกับลูกค้าตัวเป็นๆ เจอร้านค้าย่อยๆเล็กๆที่เป็นเส้นเลือกฝอยของดีแทค ไปรับฟังปัญหา ไปโดนลูกค้าด่าด้วยตัวเอง
2
แม้กระทั่งรับฟังคนในออนไลน์สมัยนั้นก็คือชุมชน Pantip การไปเจอ ไปฟัง ไปโดนด่าตรงๆด้วยตัวเองแบบนี้ ทำให้กำแพงที่ว่าหนาๆของผู้นำนั้นทำอะไรเขาไม่ได้เลย เพราะการอดทนไป “ฟัง” ทุกคนโดยไม่ผ่านตัวกลาง รวมถึงที่เขาใช้เทคนิคเดียวกับแมนเดลาที่ผมสังเกตเห็นก็คือเขาพยายามพูดคนสุดท้ายเสมอ
2
ด้วยความเป็นชาวนอร์เว เขาเคยเล่าว่าชาติเขาแถวๆสแกนดิเนเวียมีความเชื่อเรื่องกฏของยานเต้ (Yante’s Rule) ที่เชื่อกันว่าไม่มีใครเก่ง เด่นหรือเหนือกว่าใคร ผู้บริหารเทเลนอร์เคยเล่าว่าที่นอร์เวถ้าจะซื้อรถก็จะต้องซื้อรถที่เหมือนหรือด้อยกว่าเพื่อนบ้าน
2
คุณซิกเว่หรือแม้กระทั่งคุณทอเร่ที่เป็นซีอีโอคนถัดมาถึงเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน (Humble) มากๆ เจอผู้คนไม่ว่าจะเป็นใคร แม่บ้านหรือยามก็ยกมือไหว้ก่อนเสมอ คุณทอเร่ซึ่งขาไม่ดีนักเวลาจะซื้อกาแฟ ก็จะลงมาเองจากชั้น 43 โดยไม่ให้เลขามาซื้อให้ เป็นลักษณะเล็กๆ ที่พอผู้นำทำตัวธรรมดาตลอดเวลา ไม่หลงไปกับอำนาจชั่วคราว มองเห็นทุกคนเท่ากับตัวเอง ไม่ใช้อภิสิทธิ์ที่มากับอำนาจให้กับตัวเอง ไม่ยึดติดกับเครื่องอัฐบริขารทั้งหลายนั้นเป็นวิธีการทลายกระจกของผู้นำที่ดีที่สุดที่ผมเคยเห็น
2
ในส่วนของการที่จะไม่รายล้อมด้วยคนโกหกนั้น ถ้าทลายอีโก้จากการไม่มีกระจกได้ และทำลายกำแพงจนสามารถได้ยินเสียงแห่งความเป็นจริงได้ คนที่พยายามมาหาประโยชน์ โกหก เพ็ดทูลก็จะน้อยลงไปมาก
นอกจากนั้น การมีกัลยาณมิตรที่ดีที่คอยตักเตือน กล้าพูดตรงๆด้วยความปรารถนาดีนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญต่อผู้นำเป็นอย่างมาก เพื่อให้ตระหนักว่าอยากแก้ไข มองเห็นของผิดพลาดของตัวเอง เป็นคำเตือนที่เราจะรู้สึกดีที่มีคนเสี่ยงที่จะเตือนเรา ยิ่งสูงยิ่งหนาวยิ่งต้องสะสมกัลยาณมิตรไว้ให้มาก ซึ่งต้องเริ่มจากความใจกว้างและแยกแยะมิตรกับผู้ไม่หวังดีออกอย่างไม่ลำเอียงเช่นกัน ในทางพุทธศาสนา หนึ่งในพรหมวิหารสี่อันเป็นธรรมะของผู้นำนั้น
ข้อสุดท้ายซึ่งทำได้ยาก แต่ถ้าทำได้ก็คือการทลายกำแพง ทำลายกระจกและตัดผู้โกหก ทำให้วิสัยทัศน์ของผู้นำนั้นเปิดกว้างและตัดสินใจเพื่อส่วนรวมและตัวเองได้อย่างถูกต้องนั้น
ก็คือ อุเบกขา หรือการวางตัวเป็นกลางนั่นเอง
โฆษณา