6 ก.ค. 2023 เวลา 10:52 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

สรุปทุกประเด็นจาก "Oshi no Ko: เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ"

คำเตือน! บทความนี้เหมาะกับคนที่ดู
"Oshi no Ko: เกิดใหม่เป็นลูกโอชิ"
จบแล้วนะครับ
.
.
.
ว่าแล้วก็อยากชวนทุกคน
ใส่หูเปิดเพลง “Idol – Mephisto”
และเพลยลิสต์ของ B-Komachi
ให้โลดแล่นไปทั่วทั้งโสตประสาท
ปลุกอารมณ์ให้สูบฉีดไปทุกอณูเส้นเลือด
พร้อมหยิบแท่งไฟของตัวเองขึ้นมา
ไม่ว่าจะสีเหลือง แดง หรือขาว
ก็มายิงมิกซ์ดื่มด่ำกับเรื่องราว
ไปกับอนิเมะแห่งยุคในชั่วโมงนี้กัน
สรุปทุกประเด็นแบบเนื้อๆ เน้นๆ
เพื่อให้เห็นกันแบบชัดๆ
*ใครอ่านมังงะนำหน้าไปแล้ว งดสปอยล์เพื่อนๆ นะครับ
**เนื้อหาอยู่จะแปะในแต่ละรูปครับ
บทที่ 1
1
ว่าด้วยโลกอีกด้านของไอดอล
ภายใต้ภาพแห่งไอดอลผู้งดงาม
แต่ภายในกลับซ่อนความรู้สึกอะไรไว้มากมาย,,,
“หากไม่ลองมาอยู่จุดนี้ ก็คงไม่รู้”
ประโยคนี้ยังคงใช้ได้จริงเสมอ
เช่นกันกับโลกแห่งไอดอลและโอตาคุ
ที่มักจะถูกคนนอกด่วนตัดสินล่วงหน้า
ว่าเป็นพวกโลลิค่อน (ชอบเด็กในเชิงชู้สาว)
ไม่ก็โลกสวย มุ้งมิ้ง
เอาเวลากับเงินไปใช้อย่างอื่นดีกว่า บลาๆ
ทั้งที่จริงกลับไม่เคยรู้เลยว่า
โลกใบนี้ได้ให้คุณค่ากับพวกเขามากมาย
เกินบรรยายได้หมด
“ซารินะ” เด็กสาวที่ป่วยหนัก
ต้องอยู่แต่ รพ. ตลอด
แต่พอได้เปิดทีวีดูการแสดง
ของ “โฮชินะ ไอ” และวงบีโคมาชิ
เป็นเสมือนแสงแห่งดวงดาว
ที่ส่องประกายแพรวพราว
แสงทั้งหมดนั่นได้วาดเข้ามาในดวงตา
เปลี่ยนโลกอันเหี่ยวเฉาให้มีความหมายขึ้นมา
มีกำลังใจจะยิ้มได้ต่อไปเสมอ
ซึ่งคุณหมอ “โกโร่”
อีกหนึ่งแฟนคลับตัวยงของไอ
ก็รู้สึกได้ในแบบเดียวกัน
การมีอยู่ของเธอช่วยเติมเต็ม
สีสันและพลังบวกให้ชีวิตหมอ
ที่เต็มไปด้วยงานหนัก
ได้มีไฟสนุกครึกครื้นไปอีกแบบ
และเสน่ห์แห่งโลกไอดอลนี่แหละ
ที่สร้างชุมชนพลังบวกขึ้นมาไม่สิ้นสุด
เมื่อแฟนคลับคนหนึ่งได้รับความรู้สึกดีๆ มา
เขาก็แชร์กันต่อ ให้แรงบันดาลใจต่อกันได้อีก
อย่างที่คุณหมอและซารินะมีให้กัน
การกลับชาติมาเกิดใหม่เป็นลูกโอชิ
ไม่เพียงแต่จะให้สิทธิพิเศษในการ
อยู่ใกล้ชิดกับไอแบบ 24/7
แต่คุณหมอโกโร่และซารินะ
ยังได้ช่วงเวลาอันล้ำค่ากลับมา
ราวกับเป็นของขวัญจากพระเจ้า
นั่นคือชีวิตอันสุขสดใสไร้เดียงสาในวัยเด็ก
ที่วันๆ แค่กิน เล่น ถ่าย อ้อนแม่
แค่นั้นก็มีความสุข
เกือบลืมไปแล้วว่า
เคยมีชีวิตอย่างนี้มาก่อน
โดยเฉพาะซารินะที่ยิ่งกว่าได้ชีวิตใหม่
จากที่อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม เดินเหินลำบาก
คราวนี้จะวิ่ง เล่น ลุยไปไหนก็ได้ตามใจนึก
ถึงจะยังมีความทรงจำชาติเดิม
ยังไงก็ได้ลั้ลลาสบายๆ,,
"ไอดอลก็แค่ภาพลักษณ์
เป็นสิ่งมีชีวิตที่เปล่งประกายด้วยมนต์ของการโกหก
ดังนั้นการโกหกคือความรักขั้นสูงสุด รู้มั้ยคะ?"
โฮชิโนะ ไอ
หากมองลึกลงไป
ภายใต้ภาพอันงดงาม สมบูรณ์แบบ
ได้เป็นทั้งเซ็นเตอร์ตลอดกาลของวง
มีชื่อเสียงดังกระฉูด ความนิยมอันดับ 1
จะพบว่าไอคือเด็กสาวที่
“น่าสงสาร” ที่สุดคนหนึ่งเลย
ตอนเด็กๆ อยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ที่โดนจับข้อหาลักทรัพย์
เธอเลยต้องอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก
ทว่าพ่อแม่พ้นโทษก็ไม่ยอมมารับอีก
ทำให้เธอโตมาแบบไม่เคยสัมผัส
กับความรักที่แท้จริงมาก่อน
เลยไม่รู้ว่าจะให้สิ่งนี้กับคนอื่นยังไง
"ฉันไม่มีความทรงจำเรื่องการรักใคร
หรือการมีใครรักมาก่อนเลย
ไอดอลในความคิดฉันคือ
คนไร้เดียงสาที่จะฉีกยิ้มให้ทุกคน
ตรงข้ามกับคนโกหก
และเกลียดพวกมนุษย์อย่างฉัน
คนแบบฉันไม่สามารถเป็นไอดอล
ที่จะรักรักแฟนๆ หรือรับความรัก
จากพวกเขาได้หรอกค่ะ"
แต่แล้วเมื่อประธานอิจิโกะ โปรดักชั่น
โน้มน้าวว่าถ้าเธอพูดว่ารักทุกคนไปเรื่อยๆ
คำโกหกนั้นอาจกลายเป็นเรื่องจริงก็ได้
จนไอยอมมาเป็นไอดอลในที่สุด
พร้อมปล่อยให้โลกการทำงาน
ค่อยๆ หล่อหลอมและให้คำตอบเธอไปเอง
โดยเชื่อว่าการเป็นไอดอล
จะเป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เธอ
ได้สัมผัสคุณค่าแห่งรักจริงๆ
“ฉันอยากรักทุกคน อยากได้คนมารัก
ถ้ากลายเป็นไอดอล
ฉันก็คิดว่าจะรักพวกแฟนๆ ได้
ฉันอยากพูดแบบนั้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ
เลยได้แต่โกหกไปเรื่อยๆ
โดยภาวนาว่ามันจะกลายเป็นจริง”
ท่ามกลางชีวิตเด็กสาว
ที่ต้องโตมาแบบตัวคนเดียว
ไม่มีบุคคลตัวอย่างคอยชี้แนะนำทาง
อย่างที่รูบี้มีอควาและมิยาโกะ
เธอไม่รู้หรอกว่าแบบนั้นดี
แบบนี้มากพอแล้วหรือยัง
เลยได้แต่ใช้หัวใจนำทางไป
ทำงานหนักและพยายามจนถึงที่สุด
เพื่อใส่ทุกอย่างเข้าไปในคำโกหกเหล่านั้น
เพราะสำหรับเธอแล้ว “การโกหก”
คือความรักในรูปแบบหนึ่ง
เป็นรักจากคนผู้ไม่เคยมีรัก
อยากจะสื่อไปอย่างลึกซึ้งในแบบของตัวเอง
แม้ในขณะที่ร้องเพลงซึ่งเต็มไปด้วยคำบอกรัก
เธอก็อยากจะอินไปกับเนื้อหาในนั้นจริงๆ
กระนั้นความพยายามตรงนี้ก็ไม่ง่าย
เมื่อโลกไอดอลมันโหดร้าย
เต็มไปด้วยการแข่งขันสูงลิบภายใน
ได้เงินมาก็ต้องหักค่านั่นนี่จนเบาบาง
แถมแฟนคลับก็มีร้อยพ่อพันแม่
พวกที่ดีก็ดีไป พวกที่ร้ายก็น่ากลัว
สาดความรักสีดำออกมาเป็นความคาดหวัง
ว่าไอดอลจะต้องเป็นอย่างที่ตัวเองคิด
กลายเป็นดาบสองคมทิ่มแทงใจเธอ
เวลาอ่านคอมเมนต์ในโซเชียล
ว่ารอยยิ้มไอดูไม่ธรรมชาติ ไม่เหมือนมนุษย์
“ไม่ว่าจะพูดยังไง ฉันก็มืออาชีพอยู่ดี
ก็พวกคุณไม่ใช่เหรอที่สั่งให้ฉันไม่เป็นมนุษย์?
ฉันศึกษารอยยิ้มตัวเองในกระจก
และปรับมันถึงหน่วย มม.
จะหรี่ตาหรือยิ้มยังไง ทุกอย่างถูกคำนวณไว้หมด
ฉันมักจะยิ้มในแบบที่คนชอบที่สุด
ยังไงฉันก็เกิดมาจากเรื่องโกหกอยู่แล้ว”
การคำนวณไว้ว่าจะยิ้มจะแอ็คยังไง
ใช่แหละว่ามันมาจากสคริปต์
ที่บัญญัติไว้แล้วในคัมภีร์ไอดอล 101
แต่สคริปต์เหล่านั้นมันก็เป็นแค่รากฐาน
ที่ช่วยกำหนดทิศทางอาชีพนี้ให้ไปด้วยกัน
นอกนั้นคือการเติมเสน่ห์ลงไปในแบบของตัวเอง
ตรงนี้ต่างหากคือเรื่องจริง คือตัวตนที่จะตก
แฟนคลับให้รักในแบบที่เธอเป็น
และที่ไอยอมรับว่าเธอ
ไม่ได้ไร้เดียงสา เจ้าเล่ห์และสกปรก
ตรงนี้มันก็มีที่มาจากปมวัยเด็กอีก
เมื่อเธอไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสรักจริงๆ มาก่อน
การได้พบชายคนหนึ่งที่โรงละครลาลาไล
และได้มีลูกแฝดเป็นโซ่ทองคล้องใจ
นั่นจึงทำให้เธอยอมเสียโอกาส
เสียงานไปพักใหญ่ๆ เพื่อการได้เป็นแม่คน
ได้พบความหมายอีกด้านของชีวิตจริงๆ
ขณะเดียวกันก็ยังอยากรักษาบทบาทไอดอลไว้
ยอมรับตรงๆ ว่าเธอเองก็มีความโลภ
แต่ทำไงได้ ไอดอลก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เคยได้ชื่อเสียง เงินทอง ความนิยมมามาก
มีหรือจะอยากลงหลังเสือง่ายๆ
แม้จะมีลูกๆ แล้วไอยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ
ว่าสิ่งที่กำลังเป็นตอนนี้ (มีทั้งงานและลูกๆ)
ค่ายกำลังอู้ฟู่ พอใจกับผลงานเธอ
กำลังจะได้ไปโชว์ในงานใหญ่ที่โตเกียวโดม
กระนั้นเธอก็ยังคงตั้งคำถามและพยายาม
ใช้ชีวิตเพื่อเรียนรู้คำตอบไปเรื่อยๆ
“ถ้าฉันประสบความสำเร็จ
ทุกคนจะมีความสุข
ฉันถึงได้ทำเป็นมีความสุขด้วย”
แต่แล้วไอก็ทำให้พวกเราเห็น
ว่าเธอนี่แหละเกิดมา
เพื่อเป็นไอดอลอย่างแท้จริง
พร้อมที่จะเป็นผู้ให้และคิดถึงใจผู้อื่นเสมอ
จำชื่อคนไม่ค่อยเก่ง ก็พยายามจนจำชื่อ
แฟนคลับเดนตายคนหนึ่งได้
รักไม่เป็นก็พยายามเรียนรู้ที่จะรัก
โดยมุ่งทำลงไปอย่างสุดหัวใจ
ทั้งในฐานะไอดอลและแม่เลี้ยงเดี่ยว
คำโกหกเหล่านั้นมันเลยเป็น “คำโกหกสีขาว”
ที่เต็มไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์
ซึ่งทำไปด้วยความซื่อๆ ตรงๆ
เพียงแค่อยากให้ทุกคนมีความสุข
ได้รู้ว่าการมีอยู่ของเธอนั้นให้คุณค่า
และความหมายในชีวิตใครได้มากมาย
นี่แหละเหตุผลที่เรารักเธอ “โฮชิโนะ ไอ”
ในชีวิตที่เต็มไปด้วย
อุปสรรคและความท้าทาย
ต่อให้เก่ง สมบูรณ์แบบแค่ไหน
ก็เป็นธรรมดาที่จะเหนื่อย ท้อใจ ได้บ้าง
แต่เมื่อมองไประหว่างทาง
แล้วเห็นครอบครัวเราคอยซัพพอร์ต
คอยส่งแรงใจมาให้ไม่ห่าง
สิ่งนั้นคือพลังให้ก้าวไปจนสุดทาง
ไม่ว่าจะยากเย็นเท่าไหร่
ขอบคุณนะอควา-รูบี้
ดวงใจของหม่าม้า
การมาเชียร์ของลูกๆ
ได้ทำให้ไอยิ้มออกมา
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะรอยยิ้มจากใจแบบนี้แหละ
ที่เป็นธรรมชาติแบบไม่ปรุงแต่ง,,,
แม้จะได้กลับชาติมาเกิด
ในร่างใหม่ที่สดใส แข็งแรงกว่า
แต่ปมในชาติเก่าก็ยังตามมา
หลอกหลอนซารินะหรือรูบี้
ให้เธอยังหวั่นกลัวกับการเต้น
เพราะเคยพยายามขยับร่างกาย
แล้วมันไม่เป็นไปอย่างใจ ล้มตลอดเวลา
พอครูขอให้เต้นเลยวิ่งหนี
ไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน
แต่แล้วแสงแห่งดวงดาว
ที่เคยส่องถึงใจเธอ
ก็ค่อยๆ โอบอุ้น ส่งพลังให้อีกครั้ง
"ถ้ากลัวว่าจะล้ม ก็จะยิ่งล้มนะ
ยืนอย่างกล้าหาญ ยืดอกไว้
ลูกจะไม่เป็นไร เชื่อหม่าม้าสิ"
เปลี่ยนให้เด็กหญิงตัวน้อย
ค่อยๆ มีความเชื่อและฉายแวว
ความเป็นไอดอลขึ้นมาในแบบตัวเอง
สองขาที่เคยอ่อนแรงก็ค่อยๆ เต้น
ค่อยๆ ปล่อยตัวเองไปตามจังหวะเพลง
พร้อมท่วงท่าที่ดูเป็นพันรอบจนจำได้ขึ้นใจ
เด็กขี้โรคในวันนั้น
เติบโตเป็นไอดอลสาว
ผู้งดงาม สดใสแล้วในวันนี้
หนูทำได้แล้วนะหม่าม้า,,,
“รูบี้ ลูกเต้นเดี่ยวได้เก่งมาก
หม่าม้าว่าวันหนึ่ง ลูกเองก็อาจจะเป็นไอดอลได้นะ.
ถ้าได้แสดงด้วยกันสองแม่ลูกคงสนุกน่าดูเนอะ
.
.
.
อควาก็อาจเป็นนักแสดงได้นะ
อยากรู้จังว่าลูกๆ จะโตขึ้นมาแบบไหน
อยากดูลูกๆ สองคน เติบโตมาได้อยู่ข้างๆ กัน
หม่าม้าไม่ใช่แม่ที่ดีมาก แต่ก็ดีใจที่มีลูกๆ นะ
อ้อต้องบอกเรื่องนี้ด้วย
.
.
.
รูบี้ อควา หม่าม้ารักลูกนะ
ในที่สุดก็ได้พูดออกไปสักที ขอโทษที่ต้องรอนานป่านนี้
กว่าจะพูดได้ ดีใจจัง คำพูดพวกนั้นไม่ใช่คำโกหก”
โฮชิโนะ ไอ
ก่อนที่แสงดาวจะสิ้นประกาย
ลาลับจากฟากฟ้าไป
คอยเฝ้ามองเด็กๆ จากเบื้องบน,,
พวกเธออยากมาเป็นลูกๆ ของเรามั้ย?
แน่นอนว่าแม่พวกเธอคือคุณไอเท่านั้น
ไม่ต้องมองฉันเป็นแม่ก็ได้
แต่ฉันเห็นพวกเธอเป็นลูกนะ
พวกเธอคิดว่าไง?
มิยาโกะ
ในชีวิตที่พลิกผันจากฟ้าสู่เหว
นับว่าอควาและรูบี้ยังโชคดี
ที่มีมิยาโกะอยู่เคียงข้างเสมอ
เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่
คอยอยู่ใกล้ๆ เป็นทั้งแม่
ทั้งเพื่อน และที่ปรึกษา
ไม่ว่าชีวิตจะเจอปัญหา
เหนื่อย ผิดหวัง สมหวังแค่ไหน
ทุกข์สุขที่ผ่านไป ก็จะมีมิยาโกะ
เป็นดั่งลมใต้ปีกโอบกอดพวกเขาไว้เสมอ,,,
บทที่ 2
ว่าด้วยเรื่องของละคร
“หวานนี้มีรัก” และชีวิตหนุ่มสาว
ของอควา-รูบี้ที่กำลังเรียนรู้ชีวิตใหม่
การจากไปของไอ
ไม่เพียงแต่พรากเอาความรัก
ความสนุก สดใสของอควาไปอย่างเดียว
หากแต่ยังพรากเอาจิตวิญญาณ
และความหวังของเขา
ให้ตายลงไปพร้อมเธอ
ชีวิตที่มีก็เพียงเพื่อใฝ่หาคำตอบ
ที่จะสืบสาวไปถึงพ่อ
ซึ่งอาจเป็นฆาตกรตัวจริง
ในการบอกที่อยู่แม่กับแฟนคลับ
จนนำมาซึ่งโศกนาฐกรรมอันเจ็บปวด
แม้ว่าไอจะเคยบอกว่าอควา
มีพรสวรรค์ทางด้านการแสดง(เหมือนแม่)
แต่ด้วยความที่จิตวิญญาณเขาหายไปแล้ว
ไม่ว่าจะพยายามไปแคสติ้งหรือ workshop ยังไง
ก็ไม่อาจส่งอารมณ์หรือแจ้งเกิดได้อย่างเคย
จนไม่เชื่อว่าตัวเองจะเป็นนักแสดงได้อีก
มีเพียงกล้องและคอมตัดต่อ
ไว้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ชีวิตพอมีอะไรทำ
ทำเอา ผกก. คู่บุญสมัยเด็กถึงกับ
ต้องเอ่ยปากด้วยความห่วงใย
"ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝัน
ก็เหมือนซื้อลอตเตอรี่แหละ
คนเราถ้าไม่ซื้อหวยก็ไม่มีวันถูกหวยหรอก
ไอน่าทึ่งมากก็จริง เธออาจเป็นคนพิเศษ
นายไม่มีทางเป็นอย่างไอได้
ไอก็ไม่มีทางเป็นอย่างนายได้
ไอมีความสามารถในการถ่ายหนัง
หรือหัวดีแบบนายมั้ยล่ะ?
แพ้แค่ครั้งสองครั้งอย่ามาทำปอดแหก
เก็บคำพูดนั้นไว้ใช้ตอนนายงัดทุกอย่างออกมาดีกว่า”
ผู้กำกับ
โลกทุนนิยมทุกวันนี้
ทุกอย่างถูกขับเคลื่อนด้วยเม็ดเงิน
มองทุกอย่างเป็นตัวเลขผลกำไร
อาศัยจิตวิญญาณและ
ความสามารถในอาชีพอย่างเดียว
ย่อมไม่การันตีว่าจะสอดแทรกแจ้งเกิด
ในวงการได้เสมอไป
ขนาดไอสวยครบเครื่องเบอร์นี้
พอถ่ายโฆษณาทีก็ได้ออกมาน้อยนิด
เพราะทุกอย่างถูกเบื้องบนวางเอาไว้แล้ว
“เวลาออกฉากของนักแสดง
ถูกกำหนดโดยดุลยอำนาจของหลายบริษัท
นี่ไม่ใช่งานศิลปะ นี่คือธุรกิจ
ฟังนะไอ้เด็กแก่!
นักแสดงมี 3 แบบ
  • 1.
    เดาวเด่น ดึงลูกค้าด้วยหน้าตา บริษัทจะรายได้ดี
  • 2.
    พวกที่เก่ง ทำงานประสิทธิภาพสูง รักษาแบรนด์1. ดาวเด่น ดึงลูกค้าด้วยหน้าตา บริษัทจะรายได้ดี
  • 3.
    หน้าใหม่ ไม่มีใครคาดหวังว่าจะเก่ง แค่สดใสหน้ากล้องพอแล้ว
ทำให้พวกที่เป็นดาวเด่นยิ่งเฉิดฉายได้
ประสบการณ์พวกหน้าใหม่อยู่ในขั้นการลงทุน
ต้องชนะใจทั้งทีมงานและคนดู
ถ้ารอดจากกองไปได้ก็ถือว่าสำเร็จมาก
นั่นแหละวงการเรา
ถึงเป็นไอดอลตัวท็อปก็ไม่มีประโยชน์
ซึ่งเมื่อมองเป็นธุรกิจ
แน่นอนว่ามันก็ต้องมาพร้อมผลประโยชน์
และการสร้างคอนเนคชั่นก็เป็นกลยุทธ์หนึ่ง
ที่จะทำให้ได้มาซึ่งผลดังกล่าว
การทำอะไรบางอย่างให้ใคร
ก็เพียงเพื่อ “สร้างบุณคุณ”
ตราหนี้เอาไว้ให้ต้องมาใช้คืนต่อ
อย่างที่อควาต้องยอมมาเล่นละครหวานนี้มีรัก
ยอมทำตามเงื่อนไข
ของคุณคาบุรางิ ผกก. ของเรื่อง
เพื่อยอมแลกกับข้อมูลที่จะสืบสาวถึงคดีไอ
ขณะเดียวกันคาบุรางิที่เล่นเกมนี้
ก็ไปเจอมวยถูกคู่อย่างผู้จัด
ละครเวที “Tokyo Blade”
พอบอกไปว่านายเป็นหนี้ฉัน
ที่จะหานักแสดงดาวรุ่งมีแววให้
อีกฝ่ายเลยบอกคุณตะหากเป็นหนี้ผม
เพราะผมจะให้โอกาสเด็กคุณ
วงการนี้พลิกลิ้น ชิงเหลี่ยมกันมันส์จริง55+
แน่นอนเมื่อวงการบันเทิง
ถูกขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยม
ทำไปเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
จิตวิญญาณการแสดงจึงถูกลดทอน
และถูกลดความสำคัญลงไปด้วย
แบบเดียวกับละครหวานนี้มีรัก
ที่ใช้กลุ่มนักแสดงหนุ่มหล่อ
เพียงเพื่อมุ่งตีตลาดสาวๆ
แสดงห่วยไม่เป็นไร ได้ฐานแฟนเพิ่มพอ
แล้วอาศัยเทคนิคถ่ายทำช่วย
ให้ผลงานมันพอดูได้
กลายเป็นงานที่ไม่ได้ให้คุณค่า
กับคนดูเอาซะเลย
ชนิดที่แม้แต่ทีมงานผู้เขียนมังงะ
ยังหมดศรัทธากับวงการนี้
อย่าไปคาดหวังถ้าจะมีใครเอา
งานบนหน้ากระดาษไปรีเมค
แต่ “อควา-คานะ” ก็ยังทำให้ทุกคนเห็น
ว่าต่อให้ใครจะไม่มืออาชีพก็ตาม
พวกเขาจะเล่นใหญ่ ใส่สุด
ดึงตัวตนของตัวละคร
และเรื่องราวนั้นให้ออกมาดีที่สุด
เป็นตัวอย่างของคนทำงานที่มีจิตวิญญาณ
ของความเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง
ไม่ว่าใครจะมองยังไง
แสงสว่างจากของพวกเขาก็สาดส่องไปถึง
เพื่อนนักแสดงและทีมงานถ่ายทำให้สัมผัสได้ถึง
“Magic Moment” ของการแสดงไปด้วย
จนตอนจบของเรื่องนั้นทำออกมาดีเยี่ยม
เปี่ยมความหมายอย่างที่ควรจะเป็น
ได้ใจทั้งทีมงาน คนดู และผู้เขียนเอง
ค่าของคน วัดที่ผลของงาน
ประโยคนี้ไม่เคยเกินเลยแต่อย่างใด,,,
“ผู้สมรู้ร่วมคิดที่ฆ่าไอ
ต้องอยู่ในวงการบันเทิงแน่
ผมยังตายไม่ได้
จนกว่าจะเจอและฆ่ามันด้วยมือตัวเอง!”
อความารีน
เอาจริงๆ ต้องบอกว่าเขาคือ
อีกหนึ่งตัวละครที่น่าสงสาร
รองลงมาจากไอ
อย่างแรกคือการต้องมาตายกระทันหัน
ทั้งที่กำลังจะถึงวันทำคลอดให้ไอดอล
ที่ตัวเองรักและเทิดทูนที่สุด
(จนป่านนี้ก็ยังหาศพหมอโกโร่ไม่เจอ)
สองคืออุตส่าห์ได้มาเกิดเป็นลูกไอ
ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกันได้แค่ 3 ปี
ก็มีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาพรากเอา
โลกทั้งใบของเขาให้จากไปในพริบตา
ทำให้หัวใจของผู้ใหญ่ในร่างเด็กคนนี้
ถูกย้อมด้วยเพลิงแค้นที่ลุกโชติช่วง
มีชีวิตอยู่แบบเย็นชา ไร้อารมณ์
ไม่ยินดียินร้าย เสมือนตายทั้งเป็น
เพราะสายตาเขามองเห็นแต่
อะไรที่เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมของไอ
จะต้องเหนื่อยยาก ต้องเอาตัวเข้าแลก
ต้องใช้ใครเป็นเครื่องมือ
หรือใช้เวลาอีกแค่ไหน
ขอเพียงเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น
ถึงมันจะเป็นความจริงที่โหดร้ายยังไง
เขาก็พร้อมจะยอมรับมันไว้คนเดียว
เพราะไม่อยากให้รูบี้และทุกคนรอบตัว
ต้องมาเจ็บปวดตามไปด้วยกัน
ยอมกระทั่งเสียโอกาสที่จะได้
ใช้ชีวิตปกติเหมือนหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป
ยอมอยู่ใกล้ความมืดดำแห่งวงการบันเทิง
ค่อยๆ วางแผนและเดินหมากอย่างแยบยล
ทำทุกวิถีทางที่จะเปิดโปงเรื่องราวของคนเลว
ซึ่งการจะทำการใหญ่แบบนี้ได้
ไม่เพียงใจต้องนิ่งพอ
แต่ใจเขายังต้องกว้างเหลือเกิน
ในการเสียสละความสุขส่วนตัว
เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้
ดาวอันสดใสผู้จากไปอย่างไม่ยุติธรรม
ถ้าจะหาตัวละครสักคนที่อยากจะ
ให้เขามีความสุขขึ้นมาจริงๆ
ผมก็หวังเพียงผู้คนบนโลกนี้
จะใจดีกับอควาขึ้นมาบ้าง
อย่างที่เขาใจดีกับคนสำคัญทุกคน
(แม้จะซึนๆ ไม่ค่อยแสดงออกก็ตาม)
บทที่ 3
บทที่ 3
ว่าด้วยเรื่องของเรียลลิตี้โชว์ "รักจริงใจ"
เจ็บที่หลายครั้ง
โลกแห่งความเป็นจริง
มันไม่ได้มีพื้นที่ไว้รองรับ
คนดีมีความสามารถขนาดนั้น
เพราะถ้าดีแต่รู้ไม่เท่าทันกระแสสังคม
และตามเกมอันโหดร้ายไม่ทัน
ก็เหมือนการหันคมมีดเข้าหาตัว
ไม่มีใครปฏิเสธเลยว่า
“คุโรคาวะ อาคาเนะ”
คือเด็กสาววัย 17 ปีที่ได้รับ
การขนานนามว่านักแสดงอัจฉริยะ
แห่งโรงละครลาลาไล
เพราะสามารถเข้าถึงบทบาท
สื่อสารอารมณ์ออกมาได้แนบเนียนที่สุด
แต่ก็ต้องยอมรับว่านั่นคือพื้นที่ปลอดภัยของเธอ
ต่างกันกับเรียลลิตี้โชว์ออกเดต
ซึ่งต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์การแสดง
ที่ต่างออกไปค่อนข้างไกลจากเดิมสุดกู่
การทุ่มความตั้งใจ จดรายละเอียดทุกอย่าง
จากทีมงานและเพื่อนๆ ไว้เสมอ
ก็ยังไม่เพียงพอ ด้วยเวลาอันจำกัด
ที่ต้องเร่งสร้างเรตติ้งให้ตัวเอง
แถมด้วยความเป็นคนจิตใจดีมากๆ
ใส่ความเป็นตัวเอง ละเอียดอ่อนใส่ใจทุกเรื่อง
ง่ายๆ คือการ “เอาใจลงไปเล่น”
พอเกิดเหตุการณ์ผิดพลาดโดนทัวร์ลง
ย่อมเจ็บตัวหนักกว่าปกติ
หัวใจอันบริสุทธิ์ของเด็กสาว
ที่ได้รับเสียงปรบมือ
และการยอมรับมาทั้งชีวิต
ย่อมไม่มีภูมิต้านทาน
เสียงก่นด่าจากชาวเน็ตที่คอมเมนต์
สาดอารมณ์กันอย่างเมามันส์
เหมือนที่คานะเคยสอนรูบี้ว่า
“สำหรับวงการบันเทิง
พวกเราก็ถือว่าเป็น 1 ในคอนเทนต์
ซึ่งยุคนี้คอนเท้นต์กับแฟนคลับ
มันอยู่ในจุดที่ต่างฝ่ายต่างดูกันแล้ว
เมื่อไหร่ที่เรามองไปในหุบเหว
หุบเหวเองก็มองดูเราอยู่เหมือนกัน
อย่าลืมไปซะล่ะ!”
อาริมะ คานะ
ยิ่งพยายามทำกลับยิ่งแย่
ยิ่งเสพยิ่งด่ำดิ่งเข้าไป
เหมือนมีดกรีดลึกเข้ากลางใจจนสุด
จากเดิมที่เป็นอากาศธาตุในรายการ
กลับกลายเป็นตัวร้ายในสังคม
ทั้งที่เธอไม่ได้ตั้งใจให้ยูกิ
เพื่อนร่วมรายการต้องบาดเจ็บ
และทั้งคู่ก็รักกันดี แม้จะเป็นคู่แข่งในจอ
ใครไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
พอเจอขึ้นมาบอกเลยว่าน่าห่วงที่สุด
ซึ่งคนรอบตัวต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
ช่วยพากันผ่านไปให้ได้
อย่าให้ความผิดพลาดครั้งหนึ่ง
มานิยามตัวเองไปทั้งชีวิต
จนไม่อาจหวนคืนกลับ,,,
ถ้าให้พูดตามตำรา
สื่อคือกระบอกเสียง
ผู้สะท้อนความจริงสู่สังคม
มีหน้าที่คอยกลั่นกรองข้อมูล
ย่อยให้ง่าย ชัดเจน และสื่อออกไป
เพื่อให้คุณค่ากับคนดู-อ่าน-ฟัง
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แต่อนิจจาความเป็นจริง
หาได้เป็นเฉกเช่นนั้นทั้งหมด
เมื่อโลกมันเปลี่ยน สื่อหลายแห่ง
ก็ทำการปรับไปตามระบบทุนนิยม
คือทำยังไงก็ได้ให้มันได้ยอดไว้ก่อน
พาดหัวยั่วๆ เรียกแขก
ทั้งที่กดเข้าไปแทบไม่มีเนื้อหา
ควรค่าแก่การเสพ
ซ้ำร้ายกว่านั้นคือการจงใจ
สื่อเรื่องราวออกไปแค่ “บางส่วน”
เพื่อให้เกิดการปลุกปั่น
ตีความไปในทิศทางที่ตัวเองต้องการ
อย่างที่เมมโจคุยกับอควา
ว่าบางรายการก็ถ่ายมา
แล้ว crop + ซูมบางฉาก
จนดูน่ากลัว ขยี้มุมนั้นๆ
เปลี่ยนตัวละครจาก
ปกติให้ดูร้ายได้ในพริบตา
คิดอะไรไม่ออกก็ขายดราม่า
เพราะมันขายง่ายและตลาดส่วนใหญ่
พร้อมจะกดเข้ามาเสพ
ด้วยพฤติกรรมดิบข้างในของมนุษย์
ที่มักไม่ค่อยอยากเห็นใครดีกว่าตัวเอง
ทั้งที่ความจริงแล้วเรื่องนั้นๆ อาจยัง
มีบริบทรอบด้านอีกมากที่เป็นด้านดีๆ
แต่กลับไม่ได้รับการพูดถึง
เหมือนที่ยูกิกับคานะบอก
ถ้าสิ่งที่ฉันพูดถูกแคปบางส่วน
ลงทวิตเตอร์ มีหวังทัวร์ลงแน่ๆ
ทั้งที่เจตนาจริงไม่ได้จะสื่อแบบนั้นตรงๆ
เช่นกันกับรายการเรียลลิตี้โชว์
ซึ่งเหตุการณ์ (แทบ) ทุกอย่าง
มันถูกวางสคริปต์เอาไว้แล้ว
ว่าจะเล่ายังไง สื่อแบบไหน
ให้คนอยากติดตามดูเรื่อยๆ
สื่อภาพที่คนอยากดู
เสิร์ฟเมนูที่คนอยากกิน
ด้วยเหตุนี้อาคาเนะที่มาร่วมเล่น
แต่วาง Brand Positioning ของตัวเอง
ได้ไม่ตรง Type ความต้องการของตลาด
จึงได้แอร์ไทม์น้อยและกลายเป็นเหยื่อ
ในการ “จัดฉาก” ของสื่อผู้หิวแสง
แต่กลับไม่รับผิดชอบ
กับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่
“มืออาชีพงั้นเหรอ? ผกก. อายุเท่าไหร่ครับ?
อาคาเนะอายุ 17 ไม่ว่าจะมืออาชีพรึเปล่า
คนวัยนี้ก็เป็นได้แค่เด็กแสบ
ที่ทำเรื่องพลาดได้มากมาย
ถ้าผู้ใหญ่ไม่ปกป้องเด็ก แล้วใครจะทำ!?”
อควา
พ่อหนุ่มซึนเลยเกิด
ไอเดียที่จะใช้ฟุตเทจด้านดีๆ
ซึ่งยังไม่เคยออกอากาศ มาตีแผ่
เพื่อเปลี่ยนทิศทางสังคมใหม่
เอเจนซี่โฆษณาเรียกเคสนี้ว่า
สถานการณ์ที่มีผู้ชมจำนวนมาก
ซึ่งคาดว่าจะมีความคิดเห็น (Engagement)
หลั่งไหลเข้ามามากและหลากหลาย
เรื่องทัวร์ลง อาคาเนะอาจดูเด่นในตอนแรก
แต่นั่นเป็นแค่ปัญหาเล็กๆ ที่จริงแล้ว
นั้นเป็นผู้ชมแค่ไม่กี่ %
เรื่องละเอียดอ่อนเช่นการพยายามฆ่าตัวตาย
ผู้ชมจำนวนมากยังไม่แน่ใจว่า
ควรสนับสนุนหรือวิจารณ์ดี
นั่นคือคนส่วนใหญ่ที่เป็นพลังเงียบ
พูดได้ว่าผู้ชมจำนวนมากกำลังหาคำตอบ
ตอนนั้นแหละที่เธอจะปล่อยความเห็น
แบบสร้างอารมณ์ร่วมได้มาก
แล้วคนส่วนใหญ่ในตลาดนี้
จะเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ตอนนี้เราจะเน้นความสนใจ
อาจเป็นโอกาสให้เปลี่ยนความเห็น
สังคมได้อย่างสิ้นเชิง
เมมโจ
คิดจะพลิกมุมสื่อ
ก็ต้องตอบโต้ด้วยสื่ออีกด้าน
นี่แหละกลยุทธ์ของอควาและเพื่อนๆ
จากบทความเหตุผล
ที่ทำให้คนรักอาคาเนะ
ผมเคยเขียนไว้ประมาณว่า
เธอเป็นอัจฉริยะที่สามารถ
“วิเคราะห์และมองคนขาด”
การทำพลาด ไม่อาจแจ้งเกิด
ในเรียลลิตี้โชว์ได้ ก็ไม่ได้แปลว่า
ฝีมือ ความสามารถเธอลดลงแต่อย่างใด
หากเป็นเพราะยังหาทางสู้ในสนามใหม่ไม่เจอ
พอทัวร์ลงหนักเลยเตลิดจะฆ่าตัวตาย
แต่พอได้อควาช่วยไว้ ได้คุณแม่
และเพื่อนๆ ทุกคนให้กำลังใจ
บวกกับยังไม่อยากยอมแพ้ไปแบบนี้
เธอก็พร้อมกลับมาสู้ต่อ
ยิ่งพอได้พวกยูกิ-เมมแนะนำ
ว่าควรสร้างอีกหนึ่งตัวตน
หรืออีกคาแรคเตอร์ขึ้นมา
ระหว่างแสดงในรายการ
เพื่อเป็นเกราะป้องกันตัวไม่ให้เจ็บสุด
เหมือนที่เพิ่งผ่านมาโดยมีสเปคของไอ
สาวในฝันอควาเป็นไกด์นำทาง
ด้วยความเป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว
พอได้รับการสะกิดแนะนิดหน่อย
ก็ต่อยอดได้เป็นชุด หยุดไม่อยู่
จนยิ่งกลายเป็นเสือติดปีก
วิเคราะห์ตัวตนของไอได้เป็นฉากๆ
ชนิดที่แม้แต่อควาผู้เป็นลูกยังไม่เคยสังเกต
เบิกเนตรแห่งดวงดาวได้ทั้ง 2 ข้าง
สะกดอควาและทีมงานให้ตราตรึง ใจสั่น
เหมือนวิญญาณไอได้ประทับลง
กลับมามีชีวิตอีกครั้งตรงหน้ายังไงยังงั้น
ทำให้เห็นว่าทุกครั้งเวลาชีวิต
ต้องไปลงแข่งในสนามใหม่
ที่เราไม่คุ้นเคยมาก่อน
สิ่งแรกที่ต้องทำคือปรับเปลี่ยน
มองภูมิทัศน์และปัจจัยรอบข้างให้ขาด
แล้วหาทางสู้ด้วยวิธีใหม่ที่ตอบโจทย์
กับสถานการณ์อย่างถึงที่สุด
แบบที่อาคาเนะปลดล็อคได้สำเร็จ,,,
ติดตามไอจีเธอได้ที่ 👉 akanecco_2323
ภายนอกอาจดูเป็นคู่กัด
คุยทีไรเธอมักจะไม่น่ารัก ปากจัด
แต่ไม่รู้สิ เธอกลับเป็นพื้นที่
ที่เรารู้สึกปลอดภัยที่สุด
เป็นตัวเองได้อย่างไม่ต้องห่วง
ว่าใครจะมาฉกฉวยผลประโยชน์
เธอไม่ใช่คนที่น่ารักที่สุด
แต่ทุกครั้งเมื่อเราขอบางอย่าง
คำพูดอาจจะร้ายบ้าง
สุดท้ายก็พร้อมจะช่วยอย่างถึงที่สุด
ชวนไปไหน ไปกัน ได้หมด
ทั้งที่ก็ไม่เคยเล่นเบสบอลมาก่อน
วันที่เราไม่แน่ใจในชีวิตเอาซะเลย
ก็มีเธอที่ทำให้วางโลกทั้งใบ
ลงไปได้ชั่วคราว
ก่อนจะได้คำตอบกลับมา
“ขอบคุณนะ อาริมะ คานะ”
จนรูบี้ยังบอกว่า
ที่ผ่านมามีเรื่องมากมายเกิดขึ้น
จนบุคลิกพี่ดูเปลี่ยนไป
(กลายเป็นคนเย็นชา)
แต่ตอนอยู่กับรุ่นพี่
เขาเหมือนได้เป็นคนเก่าอีกครั้ง
.
.
(อาคาเนะ เธอต้องพยายามหน่อยแล้วน้าาา)
ในชีวิตจริงหากใครได้เจอ
คนที่ทำให้รู้สึกเป็นตัวเองได้แบบนี้
รักษาเขาไว้ดีๆ นะครับ,,,
รักของผู้ชาย อาจดูเรียบง่าย
บางทีก็คล้ายจะปากแข็ง
จนน่าเบื่อ น่ารำคาญ
แต่ถ้าได้ลองให้ใจใครขึ้นมา
เขาคนนั้นจะให้เธอไปทั้งใจ
ยอมทำทุกอย่างได้
แบบที่ไม่หวังอะไรเลย
พลิกชีวิตอาคาเนะ
จากปากเหวแห่งความตาย
ยอมอดตาหลับขับตานอน
นั่งตัดต่อคลิปในมุมดีๆ
กู้ชื่อเสียง ชุบชีวิตการทำงานเธอ
ให้กลับมามีสดใสอีกครั้ง
ประทับจุมพิตอันดูดดื่ม
เพื่อภาพอันสมบูรณ์ของรายการ
พยายามถนอมน้ำใจอีกฝ่าย
ว่าถึงจะคบกันแบบคู่จิ้นในจอ
นอกจอเขาก็นับถือฝีมือเธอจริงๆ
รักรูบี้จนยอมคุกเข่าขอคานะ
ให้มาช่วยเป็นไอดอลดูแลน้องสาว
คอยเฝ้ามองเอาใจช่วย
อดีตเด็กแสบผู้เลียเบ็คกิ้งโซดาอยู่ห่างๆ
เธอซ้อมเหนื่อยก็หาน้ำให้
ยังน่ารักกับเธอ แม้ในวันที่
เธอไม่น่ารักด้วย (นายนั่นแหละเริ่มก่อน)
ยอมลงทุนปลอมตัวเป็นปิเอยอน
Youtuber หัวเป็ดกล้ามระเบิดชื่อดัง
ยอมทำเสียงแหลมๆ เป็ดๆ มาวิ่งซ้อมด้วย
มาพูดคุยให้กำลังใจในวันที่อ่อนไหว โรยแรง
สะกิดเธอว่าตัวเองมีความยอดเยี่ยมแค่ไหน
ไม่ว่าจะมองมุมไหน
หัวใจรักของอควาก็ไม่เคยเลือนหาย
แค่เพียงอยู่ลึกก็ยังรู้สึกได้
แอบแสดงออกมาอยู่เสมอ,,,
ถึงจะปรากฏตัวเต็มๆ แค่ตอนเดียว
แต่ต้องบอกจากใจว่าตัวละคร
ที่ตราตรึงสุดคือโฮชิโนะ ไอ
อย่างไร้ข้อกังขา
ผู้หญิงสวยที่มีรอยยิ้มเหมือนแสงตะวัน
ฝีมือการแสดงสุดยอด
กริยาและการพูดจาไม่มีใครเทียบได้
สายตาสะกดคนได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ทุกครั้งที่ภาพ Flash Back
เป็นหน้าเธอออกมาก็ชวนให้
นึกถึงจนอยากจะเขียนบทใหม่
ในมุม What if…ถ้าไอยังไม่ตาย
แล้วมาแฉความจริงกลับ
หรือไม่ป่านนี้เธอคงได้เฉิดฉาย
ขึ้นเวทีไอดอลร่วมกับรูบี้ ลูกสาว
โดยมีอควาเป็นคนถ่ายภาพ
ทำการตัดต่อ สร้างคลิปปังๆ
ลงให้กระหึ่มทั้งโซเชียล
จนวันหนึ่งอาจสวมแว่น
ในฟีลผู้ใหญ่วัยกลางคน
เข้ามาดูลูกๆ กำลังออกกล้อง
คนหนึ่งได้เป็นไอดอลตัวท็อปประดับฟ้า
อีกคนได้เป็นนักแสดงเก่งกาจน่าค้นหา
พร้อมน้ำใสๆ จากตาที่ไหลริน
ไปด้วยความภาคภูมิใจ
คนบางคนอาจไม่เคยหายไปไหน
แค่ย้ายจากหัวใจ ไปอยู่ในความทรงจำ
บางทีอาจกลายเป็น
ดวงดาวอยู่บนฟากฟ้าไกล
เฝ้ามองดูกลุ่มดาวดวงน้อยสองดวง
ด้วยความรักและหวังดีเสมอมา
เลือดเนื้อและจิตวิญญาณของหม่าม้า
ยังคงไหลเวียนอยู่ในตัวพวกเธอ,,,
บทที่ 4
ว่าด้วยเรื่องของวง “B-Komachi” ยุคใหม่
ใครหลายคนมักจะมีความฝัน
แต่จะมีสักกี่คนกันที่ฝันแล้ว
ยังคงมุ่งมั่นตั้งใจจะไปให้ถึง?
จุดนี้ “เมมโจ” คือหนึ่งในนั้น
อย่างไม่ต้องสงสัย
กับการเป็นตัวอย่าง
ของคนล่าฝันยอดนักสู้ชีวิต
ที่พยายามจนสุดหัวใจ
ด้วยกระแสของวงบี โคมาชิตอนนั้น
ย่อมเป็นที่เฝ้าใฝ่ฝันของเด็กสาวทั่วประเทศ
แต่ด้วยความที่เมมเป็นพี่สาวคนโตของบ้าน
ในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวและน้องชายอีกสองคน
ฐานะทางบ้านแลดูจะไม่ค่อยเอื้อเท่าไหร่
แม่เลยบอกว่าไม่ต้องห่วง
ทำตามความฝันเถอะ
แม่จะช่วยลูกเอง
ก่อนจะเริ่มสมัครออดิชั่น
ถึงขนาดเข้ารอบสุดท้ายของเอเจนซี่ใหญ่ได้
ทว่าโชคชะตาก็พลิกอีกครั้ง
ตอนอยู่ ม.ปลายปี 3
เมื่อแม่เธอทำงานหนักเกินจนเข้า รพ.
เมมที่ต้องการเงิน เลยพักการเรียน
และออกไปทำงานสารพัดอย่าง
จนสามารถส่งน้องๆ เข้ามหาลัยได้
ส่วนแม่ก็อาการดีขึ้นด้วย
แต่ถึงตอนนั้นเธอก็อายุ 23 แล้ว
เมื่อมองในวงการไอดอลที่พออายุ 20
ก็โดนหาว่าเป็นป้ากันได้ง่ายๆ
และในใบสมัครออดิชั่นทุกที่ก็เขียนว่า
รับผู้หญิงอายุไม่เกิน 20 ปีชัดเจน
เมื่อถึงตอนที่พร้อม
จะไล่ตามความฝันได้
อายุก็เกินเสียแล้ว
ซึ่งเมมเองก็แสดง
ความเป็นนักสู้อยู่ไม่เปลี่ยน
เมื่อเป้าหมายอันดับหนึ่งดับลง
เธอก็ไปหาแนวทางใหม่ๆ ที่ใกล้เคียง
และดูจะเข้ากับความเป็นตัวเองที่สุด
เลยหันมาเริ่มสตรีมมิ่ง
ที่ตอนนั้นยังอยู่ในช่วงพักการเรียน
เลยพูดเล่นไปว่ากำลังเรียน ม.ปลาย
แต่แล้วจู่ๆ ก็ดังขึ้นมาเฉย ยอดซับพุ่งพรวด
จนถอยไม่ได้แล้ววว
ทำมานั้นต่ออีกสองปีจนมาถึงทุกวันนี้ ><
เธอเองก็รู้ดีว่าแบบนี้ไม่โอเค
โกงอายุไปตั้ง 7 ปี
ถ้ามีคนรู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่
เป็นไอดอลอายุ 25 ปี
คงไม่มีวันจะ...
จากมุมนี้คงเห็นได้เช่นกันครับว่า
เมมเองก็จำต้องโกหกแบบไม่มีทางเลือก
เป็นคำโกหกสีขาวที่สุขปนเศร้า
พลาดจากฝันแรกไปแล้ว
พอมีโอกาสได้ทำช่อง Youtube
ก็อยากจะลองคว้ามันสักตั้ง
ยิ่งพอดังแล้วก็ยิ่งหันหลังกลับไม่ได้
ความจริงบางอย่าง สู้เก็บไว้อย่างนั้นต่อ
เพื่อความฝันอันบริสุทธิ์ของเธอ
และความสุขของคนดู
ซึ่งแบบนี้มีแต่วินวินทุกฝ่าย
แบบที่ไอมอบพลังบวกให้แฟนคลับ
การโกหกนี้มันก็ยอมรับได้
เป็น Innocent Lie ที่จำต้องเลือก
จนกระทั่งเมื่ออาคุตัน(อควา)
เสนอโอกาสที่สองในชีวิตให้
แม้จะรู้ทั้งใจว่าอายุตัวเองไม่ได้
ก็ขอลองเนียนดูอีกสักตั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้เธอโชคดีที่ได้
บอกความจริงไปตรงๆ
แล้วทุกคนพร้อมอ้าแขนรับ
เพราะเห็นอกเห็นใจ
และประทับใจในความเป็นเธอ
“อายุไม่สำคัญกับการเป็นไอดอลหรอก
เพราะความฝันมันห้ามกันไม่ได้
ยินดีต้อนรับสู่บีโคมาชิค่ะ!”
รูบี้
ก่อนจะตบเท้าสานฝันเข้าเป็นไอดอล
ฟิตซ้อมกลมกลืนไปกับน้องๆ
พร้อมกับใช้ทั้งประสบการณ์
และฐานแฟนในช่อง
มาช่วยสร้างวงให้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
สื่อให้เห็นว่าความฝัน
ไม่มีวันหมดอายุ
ขอเพียงเราทำตัวให้พร้อม
วันหนึ่งก็อาจมีทางตรงหรือทางอ้อม
ที่จะหยิบยื่นโอกาสแห่งฝันนั้นให้,,,
จริงอยู่ที่ชีวิตคนเรา
มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
ว่าทำแบบนั้นแบบนี้แล้วจะดีสุด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำมาทุกยุคได้ตลอด
นั่นคือหากเราอยากจะเป็นอะไรสักอย่าง
การฟิตซ้อมให้ถึง ทำมันให้สุด
ก็นับได้ว่าสำเร็จเกินครึ่ง
ยิ่งถ้าใครทำได้ไม่มีหมด
ก็ยิ่งมีแต่ได้ผลดีกับตัว
อย่างวงบีโคมาชิยุคใหม่
ที่ฟอร์มวงขึ้นมาก็ต้องเริ่มตั้งไข่
จาก 0 ขึ้นมาหมด
อิจิโก โปรดักชั่นก็ไม่ได้เฟื่องฟู
เฉกเช่นความสำเร็จในอดีต
ที่มิยาโกะยังบอกว่าเหมือนถูกหวย
เพราะการมีไออยู่ในตอนนั้น
แน่ล่ะเมื่อเริ่มจาก 0 งานยังไม่มี
ทุกอย่างยังว่างโล่งไปหมด
รูบี้เองที่ยังไม่มีประสบการณ์
ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนบ้าง
คานะที่มีแต่ไม่ได้อินกับไอดอล
ก็มีเพียงเมมที่ปลุกไฟตรงนั้น
ให้ลุกโชนขึ้นมาได้
ชวนทุกคนมาซ้อม
เพลย์ลิสต์เก่าๆ ของรุ่นแม่
งานจะมาเมื่อไหร่ไม่รู้
แต่ทำตัวให้พร้อมไว้ย่อมดีที่สุด
(ซึ่งคานะเองก็รู้ แค่ยังไม่อยากทำ55+)
อารมณ์เหมือนเรากำลังสอบเข้ามหาลัย
เราไม่รู้หรอกว่าปีนี้จะออกไรบ้าง
ก็ต้องเอาข้อสอบเก่าๆ มาติว
เก็งเอาไว้ให้กว้างๆ ยังไงมันต้องโดนสักจุด
โดยมีปิเอยอนที่เคย
มาเทรนด์พวกเธอแล้ว
ตอนถ่ายทำคลิป Challenge กัน
มาช่วยพาวิ่งกระตุกความฟิตอีกแรง
ตรงนี้ต้องชมหัวจิตหัวใจของอควาด้วย
ที่ลงทุนสวมชุดนี้ เพื่อเรียกขวัญทุกคน
และเพื่อให้คานะยอมคุยด้วย
เมื่อเป็นคนนอกคุย บางทีมันก็เปิดใจง่ายกว่า
ก่อนจะซ้อม ซ้อม ซ้อมกันต่อเนื่อง
ให้หัวใจและร่างกายเริ่มชินไปกับ
ท่วงทำนอง คำร้องและจังหวะเพลง
เริ่มฉายแววกันมากขึ้นเรื่อยๆ
พอถึงเวลาก็ทำได้สมความตั้งใจ
นี่แหละความเป็นไอดอลที่แท้จริง!
“นานมาแล้วฉันเคยต้อง
ใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องตลอดเวลา
ไม่มีความหวังในอนาคต
คิดว่าตัวเองจะตายไปเงียบๆ ทั้งแบบนั้น
โดยไม่ได้รู้จักความตื่นเต้น สนุกสนาน
แต่แล้วเมื่อได้เป็นโอตะ ชีวิตฉันก็สนุกมาก
หัวใจฉันเต็มไปด้วยความรัก
ชีวิตของแฟนคลับนี่ดีจริงๆ
ถ้ารุ่นพี่(คานะ)ไม่เคยชอบไอดอลสักคน
ก็พลาดอะไรดีๆ ไปแล้วล่ะ
แล้วตอนนั้นฉันก็ได้พบคนๆ หนึ่ง
รักแรกของฉันเอง
คนๆ นั้นบอกฉันว่าถ้าฉันได้เป็นไอดอล
เขาจะเป็นแฟนคลับฉัน
ตั้งแต่นั้นมา ฉันก็ฝันอยากเป็นไอดอลมาตลอด
ไม่รู้ป่านนี้คุณหมอเป็นยังไงบ้าง?
ที่แน่ๆ น่าจะยังเป็นโอตะอยู่
ดังนั้นถ้าฉันเป็นไอดอลที่มีชื่อเสียง
สักวันหนึ่ง…”
รูบี้
เธอจะได้รู้มั้ยน้าา
ว่าพี่หมอคนนั้นไม่เคยหายไปไหน
แต่ยังอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างเธอเสมอ
ภายใต้ลุคที่เคร่งขรึมและเย็นชา
ข้างในกลับเต็มไป
ด้วยความรักความห่วงใย
ไม่ว่าจะทำอะไร อควาจะคิดถึงน้องเสมอ
ยอมมาเรียนที่เดียวกัน
ในโรงเรียนสายบันเทิง
เพื่อคอยดูแลไม่ใกล้ไม่ไกล
ลงทุนปลอมตัวเป็นเอเจนซี่นิรนาม
ไปล้วงความลับจากเอเจนซี่ใต้ดิน
เพราะไม่อยากให้น้องตกอยู่ในอันตราย
ไม่รู้ว่าในนั้นมีเสือสิงกระทิงแรดแค่ไหน
สู้รีบูทอิจิโก โปรดักชั่นขึ้นมาใหม่
ให้อยู่ในสายตาครอบครัวดีกว่า
คุกเข่าขอคานะทั้งใจ
หวังให้ประสบการณ์และ
ความทันคนของเธอ
มาช่วยแนะนำ สั่งสอนรูบี้
ที่สดใส ไร้เดียงสา ไม่ค่อยรู้อะไร
ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ
ซึ่งการเลือกเมมโจเข้ามาก็เช่นกัน
อควาเองก็มองออกว่าถ้าน้อง
ได้อยู่กับซีเนียร์สองคนนี้
จะสบายหายห่วงขึ้นมาอีกเป็นกอง
ทุกอย่างที่เขาทำ
ก็ผ่านความคิดอ่านมาเพื่อ
น้องสาวสุดที่รักเพียงคนเดียว
ไม่อยากให้น้องต้องเจอแบบไอ
ไม่รู้หรอกว่าชาติก่อนน้องเป็นใคร
แค่อยากจะดูแลให้ถึงที่สุด
ด้วยกำลังและหัวใจที่มี,,,
สิ่งที่ผมหลงรักมากที่สุดในตัวรูบี้
ไม่ใช่แค่หน้าตาน่ารักสุดแสนคาวาอี้
และคาแรกเตอร์สไตล์ไอดอลลุเท่านั้น
เพราะเนื้อแท้แล้วตัวตนเธอนี่แหละ
ที่มีความเป็นไอดอลเต็มตัว
เป็นคนที่คิดบวก
พร้อมให้พลังบวก
กับคนรอบข้างเสมอ
ไม่ว่าจะเคยเจอกันมามากน้อย
เป็นคนพูดต้อนรับ
ให้โอกาสเมมโจได้เข้าวง
แม้แต่กับคานะที่ไม่ได้ชอบหน้ากันมาก่อน
ลึกๆ แล้วก็ยอมรับในตัวรุ่นพี่
ว่าดูแลตัวเองดีจนน่ามอง
อยากจะชวนมาร่วมวง
พอได้มาอยู่ด้วยกัน
ก็จับมือพากันฝ่าอุปสรรคต่างๆ
ตอนถ่ายคลิปเต้นกับปิเอยอน
คานะที่ฝึกร่างกายมาดีกว่าเลยพอไหว
ส่วนรูบี้ที่เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
แทบจะไร้แรงเหลือก็กัดฟันสู้
จนทำ Challenge สำเร็จ
ถอดหน้ากากออกมายิ้มสู้ได้อีก
และเมื่อถึงบททดสอบครั้งใหญ่
เมื่อบีโคมาชิกำลังจะได้ขึ้นโชว์
ในงาน “Japan Idol Fest”
ระหว่างที่เซ็นเตอร์อย่างคานะ
กำลังอกสั่นขวัญผวา
ยิ่งมีประสบการณ์มามาก
เจ็บปวดมาหลายรอบก็ยิ่งคิดเยอะ
แต่แล้วก็ได้รูบี้มาช่วย
ด้วยรอยยิ้มและคำพูดที่พาใจ
ให้ผ่อนคลายลงแล้วอยู่กับปัจจุบันตรงหน้า
“พวกเราก็ไอดอลหน้าใหม่
ผิดพลาดก็มีถมไป
มาสนุกกันดีกว่ารุ่นพี่!”
รูบี้
เมื่อถึงเวลาก็ระเบิดความสดใหม่
สวยซาบซ่านออกมาเต็มพิกัด
จนแม้แต่แฟนคลับที่เคยตามวงสมัยรุ่นแม่
ที่กำลังสบประมาทว่าแค่วงชื่อเดิม
แล้วเอามือสมัครเล่น 3 คนมารวมกัน
ถึงกับต้องสะดุดไปกับสายตาสีแดงชมพู
ส่องประกายระเรื่อเหมือนดวงดาว
จากเด็กสาวขี้โรคผู้อยู่แต่ รพ.
มาวันนี้เธอพิสูจน์ให้เห็นแล้ว
ว่าพลังแห่งความฝันความมุ่งมั่น
จะส่งเราไปได้สุดเสมอ
ไอมาเห็นเธอในวันนี้คงภูมิใจมากแน่ๆ,,,
“อดีตดาราเด็กอัจฉริยะ”
“ดาราเด็กตกอับ”
“อ้าว ไม่ได้เจอกันนานเลย”
“เธอยังมีชื่อในวงการอยู่อีกเหรอ?”
.
.
.
หากเราเป็นใครสักคนที่เคย
ทำพลาดมาในอดีต
แล้วถูกตัดสินไปหมดทุกอย่าง
ว่าคงไม่มีทางกลับมาสำเร็จ
เชื่อว่าก็ต้องมีใจฝ่อ ท้อกันไปบ้าง
ไม่มากก็น้อยเลยล่ะ
ซึ่งสำหรับคานะแล้ว
ชีวิตที่สวยงามของเธอ
เหมือนหายไปพร้อมกับวัยเด็ก
จากที่เคยทำตัวงี่เง่า เอาแต่ใจ
ไร้สัมมาคารวะในกองถ่าย
พอได้งานมาก็ทำผู้จัด
ขาดทุนจนพูดไม่ออก
ในงานออกซิงเกิ้ลใหม่
ก็ไม่มีใครเข้ามาซื้อซีดี
ทำเอาทีมงานต้องแฝงตัว
มานั่งเป็นหน้าม้าในงาน
เพื่อถมที่ให้พอดูมีคนมา
ท่ามกลางบรรยากาศอันเปลี่ยวเหงา
และสายตาแห่งความผิดหวังที่มองเธอ
จากนั้นไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนยังไง
ชื่อของเธอก็กลายเป็นชื่อในบัญชีดำ
ไม่มีใครกล้าป้อนงานหรือให้โอกาสอีกเลย
หม่าม้าก็อ้างว่าต้องไปเลี้ยงคุณตาที่ ตจว.
จนต้องอยู่หอคนเดียว
เรียกได้ว่าค่อนชีวิตต้องอยู่กับ
ความรู้สึก “ไม่เป็นที่ต้องการ” มาตลอด
จนต้องทำตัวให้ดูแข็งกร้าว เฟียสตัวมัมตัวแม่
เพื่อกลบปมความเจ็บปวด เปราะบางในใจไว้
ฝืนยิ้ม ทำสดใส ไม่ให้ใครได้รู้
ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปคงท้อ ล้มเลิกไปแล้ว
แต่กับคานะ เธอเป็นนักสู้มากกว่าที่ใครคิด
พยายามทำตัวเองให้พร้อมรับกับโอกาสอยู่เสมอ
เสื้อผ้า หน้าผม ผิวพรรณ ต้องดี
ร่างกายต้องแข็งแรง ตื่นไปวิ่ง
และวอร์มเสียงร้องเพลงยามเช้า
จะงานแบบไหนมาก็ได้หมด
อีกทั้งยังพยายามติดตามข่าวสาร
ในวงการบันเทิงอยู่ตลอด
รู้ทันเทรนด์ข้อมูลต่างๆ
คิด วิเคราะห์ มองขาด
ว่าสื่อและผู้บริโภคยุคใหม่
เขาต้องการอะไร ทำอะไรอยู่
แล้วคนบันเทิงต้องปรับตัวยังไงต่อ
เพื่อให้ใช้ชีวิตสบายในระยะยาว
การได้เจออควาตั้งแต่เด็ก
ไม่เพียงจะทำให้คานะ
ได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
เพื่อกลับมาพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
แต่เธอยังได้รู้ว่าการยอมรับนับถือคนอื่น
และเป็นมืออาชีพผู้อ่อนน้อมถ่อมตน
ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดัน
ให้เธอได้มีโอกาสครั้งใหม่ๆ
แน่ล่ะว่าการเป็นไอดอล
ไม่ได้อยู่ในหมุดหมายชีวิตเธอหรอก
แต่เมื่อความเป็นคนใจอ่อน
ชอบแคร์คนอื่นอยู่ลึกๆ
มันพาจับปากกาเซ็นสัญญามาแล้ว
เธอก็พร้อมจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด
คอยดูแลรูบี้และเมม
ให้ความร่วมมือในการซ้อมเสมอ
แม้จะไม่มีอินเนอร์ในสายงานนี้เลย
จนทุกคนได้รู้ในความสามารถ
ด้านการร้องเพลงที่ซุกซ่อนอยู่
รวมถึงตัวตนมืออาชีพ
ที่มีความรับผิดชอบสุดๆ
ก็ยิ่งทำให้เธอฉายแววความเป็นเซ็นเตอร์
อย่างที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน
พร้อมยอมรับในตัวตนใหม่
สวมเครื่องแบบ แววตาเปล่งประกาย
แล้วออกไปโชว์ให้โลกเห็นให้สุด
กระนั้นพอถึงเวทีจริง
มันย่อมเป็นธรรมดาที่คานะ
จะตื่นสนามใหม่ ซึ่งเธอเอง
ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
บวกกับปมเก่าๆ ในอดีตตามหลอกหลอน
ยิ่งทำให้ไม่แน่ใจอยู่ดี แม้จะออกมาโลดแล่น
อยู่หน้าเวทีแล้วก็ยังเต้นไป ถามตัวเองไป
จะมีใครมั้ยที่มองเห็นเธอ เมื่อมองซ้ายขวา
ทั้งรูบี้และเมมก็กำลังเฉิดฉาย
มีแต่แฟนๆ ชูแท่งไฟสีแดง-เหลือง
ร้องเล่นกับแฟนคลับได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ทั้งคู่ดูเป็นที่ต้องการของทุกคน
เมมอยากมาทำอาชีพนี้แต่แรก
แถมมีฐานแฟนเดิมมาเชียร์
ส่วนรูบี้ก็คลั่งไอดอลเข้าเส้น
และร่าเริงตลอดเวลา
เหมือนเกิดมาเพื่อเป็นไอดอลจริงๆ
แม้แต่วินาทีนี้ยังกุมหัวใจคนไว้ได้
มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
นี่แหละคือสาวๆ ที่จะก้าวสู่แถวหน้า
ยังไงก็น่าจะเหมาะกับเซ็นเตอร์มากกว่าเธอ
ยิ่งคิดก็ยิ่งอิจฉา เศร้าลึกๆ ว่าทำไม
ไม่มีใครต้องการอย่างคนอื่นเขาบ้าง
แม่กับ ผจก. ก็ทิ้งไป แฟนคลับก็เห็น
แต่ภาพความเป็นดาราเด็ก
ใครก็ได้ ช่วยมามองที่ฉันที
โปรดบอกทีว่าต้องการฉัน
ช่วยบอกแบบนั้น
แล้วฉันจะพยายามจนสุดความสามารถ
ช่วยบอกทีว่าเอาฉันไปใช้งานได้
แล้วฉันจะทุ่มเทถวายหัวให้
ช่วยบอกทีว่าฉันทำได้ดีแล้ว
แล้วฉันจะขยันให้ยิ่งกว่าเดิม
ใครก็ได้ ใครก็ได้ บอกทีว่าฉันเหมาะกับที่นี่”
เสียงเล็กๆ ของเด็กหญิงคานะคนนั้น
ได้แต่คอยกรีดร้องมาตลอด 12 ปีที่ผ่านมา
ต้องพยายามทำเป็นเข้มแข็ง
ทั้งที่ข้างในเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน
คานะ
แต่แล้ว ณ วินาทีนั้นก็เหมือนมีอัศวิน
ชูแท่งไฟสีขาวขึ้นมาพร้อมอีกสองสี
โชว์สเต็ปแดนซ์หน้านิ่งจนทุกคนตะลึง
เป็นการบอกกลายๆ ว่าฉันยังอยู่ตรงนี้
คอยซัพพอร์ตเธออยู่นะอาริมะ
ความเชื่อมั่นของอควา
ได้ส่องสว่างมาถึงความมืดเทาในใจคานะ
ให้ลุกโชนไปด้วยความเชื่อมั่นสุดขีดอีกครั้ง
ฉันตัดสินใจแล้ว ตราบใดที่ยังเป็นไอดอล
สาบานเลยว่าฉันจะเปลี่ยนแท่งไฟนาย
ให้กลายเป็นสีขาวทั้งหมด
ฉันจะทำให้นายรักฉันให้ได้
ฉันจะเป็นคนโปรดของนาย!
คานะ
ข้ามผ่านเงาแห่งอดีตได้จริงๆ แล้ว
ยินดีด้วยจริงๆ น้า คานะ,,,
ไม่ว่าจะอยู่วงอะไร
สเกลเล็กหรือใหญ่
ยุคสมัยไหนก็ตาม
จิตวิญญาณความเป็นไอดอล
คือสิ่งที่ส่งต่อกันได้เสมอจากรุ่นสู่รุ่น
การที่ชีวิตได้มีบุคคลตัวอย่าง
มาเติมไฟแห่งความฝัน
นั่นก็เป็นชีวิตที่มีความหมาย
ไม่ว่าจะสุข เศร้า เหงา ท้อ หรือเหนื่อยแค่ไหน
ก็ได้รู้ว่าเราอยู่ไปเพื่ออะไร
โดยมีเขาเป็นจุดหมายปลายฝัน
อย่างที่รูบี้มีหม่าม้าไอเป็นต้นแบบ
ซึ่งในชีวิตจริง “ไอดอล” ไม่จำเป็น
ต้องเป็นไปตามอาชีพนั้นจริงๆ อย่างเดียว
อาจเป็นคนในครอบครัว คู่รัก
หรือแฟนคลับด้วยกัน
ก็อาจเป็นตัวอย่าง เป็นไอดอล
ที่ให้พลังบวกซึ่งกันและกันได้
นี่แหละคืออีกหนึ่งแก่นของเรื่อง,,,
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้
คุณคือแฟนตัวยง
ของ “Oshi no Ko” เลยครับ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงบทสรุป
แล้วพบกันใหม่ซีซั่น 2 สำหรับ
ภาคละครเวที “Tokyo Blade”
งานนี้มีขับเคี่ยวกันเข้มข้น
จนโรงละครลาลาไลลุกเป็นไฟแน่!! 🔥🔥
โฆษณา