14 ก.ค. 2023 เวลา 05:54 • ประวัติศาสตร์

หากญี่ปุ่นไม่โจมตี "เพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor)"

เช้าวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ได้เกิดเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์โลกไปตลอดกาล
2
วันนั้นคือวันที่กองทัพญี่ปุ่นได้ทำการโจมตี “เพิร์ล ฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor)" ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานทัพอเมริกัน
ในวันนั้น เครื่องบินรบญี่ปุ่นกว่า 300 ลำได้บินออกจากเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวนหกลำ และเครื่องบินทั้ง 300 ลำนี้ก็ได้ทำการโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์เป็นเวลานานกว่าสองชั่วโมง คร่าชีวิตทหารอเมริกันกว่า 2,400 นาย
นอกจากชีวิตทหารที่สูญเสีย เรือรบอีกหลายลำก็อับปาง และการโจมตีนี้เองทำให้สหรัฐอเมริกาตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2
ชาวอเมริกันต่างตกตะลึง และหลังจากนั้น ประธานาธิบดี “แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt)” ก็ได้กล่าวสปีชสำคัญ โดยกล่าวว่าวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) คือ “วันที่อัปยศที่สุดตลอดกาล”
หลังจากนั้น สภาก็ได้แถลงว่าสหรัฐอเมริกาได้ประกาศสงครามต่อญี่ปุ่น และนี่นับเป็นจุดเริ่มต้นของการที่สหรัฐอเมริกาก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจ
แต่ลองคิดดูว่าหากการโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ไม่เคยเกิดขึ้นล่ะ? หากเป็นเช่นนั้น สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเปลี่ยนไปหรือไม่? และประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนไปในทิศทางไหน?
ก่อนจะเกิดเหตุการณ์โจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ สหรัฐอเมริกาไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตรง
แฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt)
ชาวอเมริกันไม่ต้องการเข้าร่วมกับสงคราม หากแต่รัฐบาลอเมริกันก็ให้การช่วยเหลือประเทศอย่างอังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งกำลังต่อสู้กับเยอรมนีและญี่ปุ่น
1
รัฐบาลของรูสเวลต์ได้ส่งเรือรบ เครื่องบิน และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ไปยังประเทศที่สู้รบกับเยอรมนีและญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาก็คงจะไม่ได้เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 2 นานออกไปอีกหากไม่เกิดเหตุการณ์เพิร์ล ฮาร์เบอร์
ด้วยความที่สงครามนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนโดยตรง ประชาชนจึงไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมในสงคราม และสหรัฐอเมริกาก็สามารถคอยอยู่เบื้องหลัง ช่วยเหลือประเทศเหล่านี้สู้รบโดยที่ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมสงครามเอง
2
หากสหรัฐอเมริกาไม่เข้าร่วมสงครามเนื่องจากไม่เกิดเหตุการณ์เพิร์ล ฮาร์เบอร์ อังกฤษและจีนก็คงต้องเผชิญกับความท้าทายในสงครามมากขึ้นโดยไม่มีความช่วยเหลือโดยตรงจากสหรัฐอเมริกา
นั่นก็หมายความว่าเยอรมนีและญี่ปุ่นก็มีโอกาสที่จะยึดครองดินแดนได้มากขึ้น แข็งแกร่งมากขึ้น
แต่ก็เป็นไปได้ว่าเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง สหรัฐอเมริกาก็คงเข้าร่วมสงครามในที่สุด แต่การเข้าร่วมสงครามอย่างล่าช้าก็อาจจะทำให้ผลกระทบและความรุนแรงลดลงไปด้วย ซึ่งนั่นก็อาจทำให้จุดจบของสงครามนั้นต่างออกไป รวมทั้งภาพของโลกหลังสงคราม
หากญี่ปุ่นไม่โจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ ญี่ปุ่นก็อาจจะโฟกัสที่เอเชียมากขึ้น โฟกัสที่ทรัพยากรต่างๆ ในเอเชีย เช่น น้ำมัน ยาง หรือเหล็ก ซึ่งต่างก็เป็นทรัพยากรที่จำเป็นในการสร้างกองทัพที่เกรียงไกรและเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
มีหลายชาติในเอเชียที่มีทรัพยากรเหล่านี้ และญี่ปุ่นก็น่าจะโฟกัสในการขยายอำนาจในเอเชียแทนที่จะโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ ซึ่งก็มีชาติใหญ่ๆ เช่น จีน รวมทั้งชาติอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และญี่ปุ่นก็จะสามารถเข้าถึงทรัพยากรในประเทศเหล่านี้ได้
2
นอกจากนั้น การโฟกัสที่เอเชีย อาจจะทำให้ญี่ปุ่นสามารถหลีกเลี่ยงปัญหากับชาติมหาอำนาจอื่นๆ เช่น อังกฤษและฝรั่งเศส ซึ่งประเทศเหล่านี้ล้วนแต่มีอาณานิคมในเอเชีย หากแต่ก็กำลังวุ่นอยู่กับการสู้รบกับเยอรมนีในยุโรป และคงไม่มึเวลามาป้องกันอาณานิคมของตน
1
ชาติเหล่านี้อาจจะไม่สามารถหยุดกองทัพญี่ปุ่นที่เข้ามายึดครองอาณานิคมของตนในเอเชีย ซึ่งก็หมายความว่าญี่ปุ่นก็สามารถที่จะเข้มแข็งขึ้นไปอีกโดยไม่ต้องกังวลถึงชาติมหาอำนาจในยุโรป
ผู้นำญี่ปุ่นทราบดีว่าสหรัฐอเมริกาคือชาติที่ทรงอำนาจ และการโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ก็จะทำให้สหรัฐอเมริกาเคียดแค้นและเข้าร่วมสงคราม
ในเวลานั้น สหรัฐอเมริกามีอำนาจควบคุมจุดยุทธศาสตร์หลายๆ จุดในมหาสมุทรแปซิฟิก เช่น ฟิลิปปินส์และเกาะกวม ซึ่งล้วนแต่อยู่ไกลจากสหรัฐอเมริกาหากแต่เป็นจุดที่จำเป็นในการควบคุมแปซิฟิก
ชาติเหล่านี้ยินยอมให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพได้ ซึ่งญี่ปุ่นเองก็อาจจะสนใจที่จะโจมตีบริเวณนี้แทนที่จะเป็นเพิร์ล ฮาร์เบอร์ก็เป็นได้
1
กองทัพญี่ปุ่นอาจจะเข้าโจมตีจุดสำคัญเหล่านี้ ซึ่งก็จะทำให้กองทัพอเมริกันป้องกันการแผ่อำนาจเข้ามาในเอเชียของญี่ปุ่นได้ยาก และทำให้ญี่ปุ่นมีอิทธิพลในแถบแปซิฟิกมากขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้ญี่ปุ่นป้องกันดินแดนของตนและขยายอำนาจไปยังดินแดนใหม่ๆ ในเอเชียได้
3
แต่แผนการนี้ก็ถือว่าเสี่ยง สภาอเมริกันอาจจะยังคงตัดสินใจเข้าร่วมสงครามเพื่อปกป้องเขตอำนาจของตนและป้องกันไม่ให้ญี่ปุ่นมีอิทธิพลมากเกินไป
หากญี่ปุ่นโจมตีดินแดนที่เป็นของสหรัฐอเมริกา ก็มีโอกาสที่สภาอเมริกันจะประกาศให้สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงคราม เนื่องจากดินแดนเหล่านี้เป็นเขตอำนาจของสหรัฐอเมริกาในแปซิฟิก และคงไม่ยอมให้ญี่ปุ่นเข้าโจมตีโดยที่ไม่โต้ตอบอะไรเลย
นอกจากนั้นยังมีเรื่องของสมดุลอำนาจ หากญี่ปุ่นมีอำนาจมากเกินไป ประเทศอื่นๆ ก็อาจจะรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งชาติเหล่านั้นนอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ก็ยังมีประเทศอย่างอังกฤษ สหภาพโซเวียต และฝรั่งเศส
1
ประเทศเหล่านี้คงไม่ต้องการให้ญี่ปุ่นมีอำนาจมากจนเกินไป และอาจจะตัดสินใจที่จะหยุดยั้งญี่ปุ่น ซึ่งอาจจะหมายถึงการทำสงคราม
1
อีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้นำญี่ปุ่นอาจจะตัดสินใจแทนที่จะโจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ก็คือ “การทูต”
ญี่ปุ่นอาจจะเจรจาทางการทูตกับประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการเจรจาการค้าและแบ่งปันทรัพยากรโดยไม่มีการรบ ซึ่งหากสำเร็จ ญี่ปุ่นก็จะได้ประโยขน์มากขึ้นโดยที่ไม่ต้องรบ
ในเวลานั้นญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีและอิตาลี เป็นกลุ่มที่เรียกว่า “ฝ่ายอักษะ (Axis Powers)”
แทนที่จะพุ่งไปที่การโจมตีสหรัฐอเมริกา ฝ่ายอักษะก็อาจจะพุ่งไปที่การทำให้ฝ่ายตนเข้มแข็งขึ้น อาจจะมีการแบ่งปันทรัพยากรและข้อมูลกันในกลุ่ม สนับสนุนอีกฝ่าย ซึ่งก็จะทำให้ฝ่ายอักษะเข้มแข็งยิ่งขึ้นและเอาชนะได้ยากขึ้น
และรัฐบาลญี่ปุ่นก็อาจจะทุ่มงบประมาณไปกับเทคโนโลยีทางการทหารมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้เกิดอาวุธใหม่ๆ หรือมีการปรับปรุงเครื่องบิน เรือรบ และรถถัง
ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำมากขึ้น ก็อาจจะทำให้ญี่ปุ่นได้เปรียบในการรบ ทำให้เอาชนะและได้ครอบครองดินแดนมากขึ้นโดยไม่ต้องโจมตีสหรัฐอเมริกา
หากเป็นไปตามนี้ ก็อาจจะทำให้การเข้าร่วมสงครามของสหรัฐอเมริกานั้นช้าลงกว่าเดิม ทำให้สงครามกินเวลายาวนานขึ้น และเยอรมนีและญี่ปุ่นก็น่าจะเข้มแข็งขึ้น ยึดครองดินแดนได้มากขึ้น
เมื่อเป็นเช่นนี้เขตแดนของหลายๆ ชาติก็อาจจะเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะยุโรปและเอเชีย บางประเทศอาจจะสูญเสียอิสรภาพหรือถูกแบ่งออกเป็นดินแดนเล็กๆ หลายแห่ง ในขณะที่บางประเทศก็อาจจะใหญ่ขึ้น
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตได้กลายเป็นมหาอำนาจโลก แต่ถ้าสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามช้ากว่านี้ เหตุการณ์อาจไม่เป็นเช่นนั้น สหรัฐอเมริกาอาจจะไม่ได้เป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งดังเช่นทุกวันนี้
ประเทศอื่นอาจจะกลายเป็นมหาอำนาจแทน ทำให้ขั้วอำนาจโลกเปลี่ยนไป ทำให้เกิดพันธมิตรและความขัดแย้งที่ต่างออกไปจากในประวัติศาสตร์ทุกวันนี้
สุดท้าย สงครามอาจจะยาวนานขึ้นและเปลี่ยนชีวิตประชาชนในหลายๆ ด้าน
ผู้คนอาจจะต้องสูญเสียชีวิตมากกว่านี้ ส่วนที่รอดชีวิตก็บ้านแตกสาแหรกขาด คงมีชีวิตที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ให้สรุปก็คือ หากญี่ปุ่นไม่โจมตีเพิร์ล ฮาร์เบอร์ ก็จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปยังเรื่องอื่นๆ และเปลี่ยนโฉมหน้าของสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปอย่างสิ้นเชิง และแผนที่โลก รวมทั้งขั้วอำนาจ ก็อาจจะไม่เป็นอย่างเช่นทุกวันนี้ก็เป็นได้
โฆษณา