17 ก.ค. 2023 เวลา 02:56 • ประวัติศาสตร์

เมื่อโสเครตีสตอบเพลโตเรื่องความต่างระหว่าง “รัก” กับ “แต่งงาน”

“โสเครตีส (Socrates)” และ “เพลโต (Plato)” ต่างก็เป็นปราชญ์คนสำคัญแห่งยุคโบราณ
โสเครตีสนั้นเป็นบิดาแห่งปรัชญาตะวันตก โดยเขามักจะตั้งคำถามแก่ทุกเรื่องและทุกคนรวมถึงตนเองด้วย
2
คำพูดที่โด่งดังของโสเครตีสคือ
“ข้ารู้ว่าข้าไม่รู้อะไรเลย”
2
คำพูดนี้คือจะสื่อว่ายิ่งรู้เยอะเท่าไร ก็ยิ่งตระหนักถึงสิ่งอีกมากที่ยังไม่รู้
โสเครตีส (Socrates)
โสเครตีสเชื่อว่าแรงจูงใจขั้นต้นของผู้คนก็คือความสุข และความรอบรู้ที่สุดก็มาจากการที่รู้จักตนเองอย่างดี ซึ่งแนวคิดนี้ก็ยังนำมาใช้ได้จนถึงปัจจุบัน
4
โสเครตีสถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นพระเจ้าและล้างสมองเยาวชนเอเธนส์ ซึ่งโสเครตีสก็พยายามจะแก้ต่างหากก็ไม่เป็นผล
อันที่จริง โสเครตีสจะลี้ภัย หนีออกนอกเมืองก็ได้ หากแต่ก็เลือกที่จะตายโดยการดื่มยาพิษ
2
สำหรับศิษย์ที่โด่งดังที่สุดของโสเครตีสก็คือ “เพลโต (Plato)” นักปรัชญาผู้โด่งดัง
เพลโต (Plato)
เพลโตเป็นผู้ก่อตั้งสำนักวิชาในเอเธนส์ และหนึ่งในศิษย์ของเพลโตก็คือ “อริสโตเติล (Aristotle)” ผู้ซึ่งต่อมาได้เป็นพระอาจารย์ของ “พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)”
1
เพลโตเชื่อว่าคุณธรรมประจำตนนั้นคือสิ่งจำเป็นที่จะทำให้จิตวิญญาณได้รับการเติมเต็ม และในเมื่อนักปรัชญาคือผู้ที่มีปัญญามากที่สุด เพลโตจึงเชื่อว่านักปรัชญาควรขึ้นเป็นกษัตริย์เพื่อปกครองดินแดนและปกป้องสังคมจากความชั่วร้าย
3
ต่อมา เราลองมาดูถึงตำนานเรื่องเล่าการพูดคุยเรื่องความรักและการแต่งงานระหว่างโสเครตีสและเพลโต
อริสโตเติล (Aristotle)
ตามตำนานนั้น เล่าว่าในวันหนึ่ง เพลโตได้ถามโสเครตีสซึ่งเป็นอาจารย์ของตน โดยถามว่า
“ความรักคืออะไร? ข้าจะหามันเจอได้อย่างไร?”
1
โสเครตีสได้ตอบว่า
“เบื้องหน้าเจ้าคือนาข้าวผืนใหญ่ จงเดินไปข้างหน้าและอย่าหันกลับมา ให้เลือกต้นข้าวเพียงต้นเดียว และหากเจ้าพบต้นข้าวที่สวยที่สุด เจ้าก็จะพบกับความรัก”
เพลโตได้เดินลงไปในนาข้าว และในเวลาไม่นานก็เดินกลับมามือเปล่า ไม่มีต้นข้าวที่เลือกเลย โสเครตีสจึงถามเพลโต
“เหตุใดเจ้าจึงไม่เลือกต้นข้าวซักต้น”
เพลโตได้ตอบว่า
“เพราะข้าได้รับอนุญาตให้เลือกเพียงครั้งเดียวและจะหันหลังกลับก็ไม่ได้ ข้าพบต้นข้าวที่สวยที่สุดแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่าเบื้องหน้าจะมีต้นข้าวที่สวยกว่าหรือไม่ และขณะที่ข้าเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ข้าก็ตระหนักว่าต้นข้าวที่ข้าพบนั้นไม่ได้สวยเท่าต้นข้าวที่ผ่านมา สุดท้ายแล้ว ข้าจึงไม่ได้เลือกอะไรเลย”
คำตอบของโสเครตีสคือ
“นั่นแหละความรัก”
3
หลังจากเวลาผ่านไป เพลโตก็ได้มาหาโสเครตีสอีกครั้งพร้อมคำถาม
“อะไรคือการแต่งงาน? ข้าจะพบเจอมันได้อย่างไร?”
โสเครตีสได้ตอบว่า
“เบื้องหน้าเจ้าคือผืนป่าที่เขียวชอุ่ม จงเดินเข้าไปในป่าและอย่าหันหลังกลับ ให้เจ้าตัดต้นไม้เพียงหนึ่งต้น หากเจ้าพบต้นไม้ที่สูงที่สุด เจ้าก็จะได้พบการแต่งงาน”
เพลโตได้ปฏิบัติตามคำของโสเครตีส และในเวลาไม่นานก็ได้กลับมาพร้อมต้นไม้ที่ตัด ต้นไม้ต้นนั้นไม่ได้ดูเขียวชอุ่มหรือสูงมากนัก เป็นเพียงต้นไม้ธรรมดา
โสเครตีสได้ถามเพลโต
“เหตุใดเจ้าจึงเลือกตัดต้นไม้ที่ดูธรรมดาเช่นนี้?”
เพลโตได้ตอบว่า
“เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ข้าเดินเข้ามาถึงครึ่งค่อนป่า ครั้งนี้ข้าพบเจอต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งดูไม่แย่นัก ข้าจึงตัดและนำมันกลับมา ข้าไม่อยากจะพลาดโอกาส”
โสเครตีสได้ตอบว่า
“นั่นแหละคือการแต่งงาน”
สำหรับตำนานนี้ ก็เป็นเพียงเรื่องเล่าที่อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง และเป็นตำนานที่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว
1
เนื้อความของตำนานนี้ หากให้สรุป สำหรับความรักนั้น หากเราเคยพบเจอและเลือกที่จะไม่รักษาไว้เพราะต้องการจะพบเจอสิ่งที่ดีกว่า ก็จะพบว่าเป็นการยากที่จะเลือกต้นข้าวได้ซักต้นเหมือนเพลโต
เราอาจจะต้องมานั่งเสียใจทีหลังว่าทำไมจึงไม่เลือกต้นข้าวต้นนั้น หากแต่ก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้
ส่วนการแต่งงานนั้น เป็นคอนเซปท์ที่ต่างออกไป
เราจะต้องหาคนที่แมทช์กับเรา และยิ่งเราเข้าไปในป่าแห่งประสบการณ์ลึกเท่าไร เราก็จะยิ่งตระหนักว่าไม่ต้องการจะพลาดโอกาส เราจะไม่ต้องการหาต้นไม้ที่สมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับการตามหารักที่สมบูรณ์แบบ
เราจะเจอกับต้นไม้ที่ดูแข็งแรงมั่นคง และเลือกต้นไม้นั้น ซึ่งสำหรับคนทั่วๆ ไป ต้นไม้ต้นนั้นอาจจะดูธรรมดา แต่สำหรับคุณ ต้นไม้นั้นก็อาจจะเปรียบเสมือนผู้ที่คุณจะฝากชีวิตไว้ได้
แต่ก็อย่างที่บอก นี่ก็เป็นเพียงตำนานหนึ่งที่ไม่น่าจะใช่เรื่องจริง หากแต่ก็ช่วยสอนใจได้อย่างดีทีเดียว
1
โฆษณา