Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
One To Many - A Brief Science
•
ติดตาม
17 ก.ค. 2023 เวลา 09:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
Oppenheimer ก่อนโครงการแมนแฮตตัน
ออพเพนไฮเมอร์ (Oppenheimer) เป็นผู้อำนวยการ (director) ของ Los Alamos Laboratory ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และมักได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งระเบิดปรมาณู" จากบทบาทของเขาในโครงการแมนฮัตตัน จากการวิจัยและพัฒนาที่สร้างอาวุธนิวเคลียร์ลูกแรก
แต่เรื่องราวก่อนที่ออพเพนไฮเมอร์รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการมีการกล่าวถึงน้อยมาก เขานั้นมีความเชี่ยวชาญด้านใดมาก่อนในทางฟิสิกส์จึงสามารถนำไปสู่การสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้
-ออพเพนไฮเมอร์ เกิดวันที่ 22 เมษายน ปี 1904
ออพเพนไฮเมอร์ได้รับการศึกษาขั้นต้นที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาอัลคูอิน
ในปี 1911 เขาเข้าเรียนที่โรงเรียน Ethical Culture Society ในนิวยอร์ก
ออพเพนไฮเมอร์เป็นนักวิชาการที่รอบรู้ สนใจในวรรณคดีอังกฤษและฝรั่งเศส และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแร่วิทยา เขาสำเร็จการศึกษาในปี 1921 และเข้าเรียนที่วิทยาลัยฮาร์วาร์ดในอีกหนึ่งปีต่อมา
ขณะอายุ 18 ปี เพราะเขามีอาการลำไส้ใหญ่อักเสบขณะตรวจหาแร่ใน Joachimstal ระหว่างช่วงวันหยุดฤดูร้อนของครอบครัวในยุโรป เพื่อช่วยให้เขาหายจากอาการป่วย พ่อของเขาขอความช่วยเหลือจากเฮอร์เบิร์ต สมิธ ครูสอนภาษาอังกฤษของเขา ซึ่งพาเขาไปที่นิวเม็กซิโก ที่ซึ่งออพเพนไฮเมอร์ตกหลุมรักการขี่ม้าและดินแดนทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา
*อาจเพราะด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ออพเพนไฮเมอร์จึงเลือกนิวเม็กซิโก เป็นพื้นที่ Los Alamos Laboratory ในโครงการแมนฮัตตัน*
ออพเพนไฮเมอร์เรียนวิชาเอกเคมี แต่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกำหนดให้นักศึกษาวิทยาศาสตร์ต้องเรียนประวัติศาสตร์ วรรณคดี ปรัชญาหรือคณิตศาสตร์ด้วย เขาชดเชยการเริ่มต้นสายไป 1 ปี (หลังจากลาป่วย) ด้วยการลงเรียน 6 วิชาในแต่ละเทอมและได้เข้าเรียนในระดับปริญญาตรี จากนั้นเรียนจบในปี 1925
ในช่วงที่ ออพเพนไฮเมอร์ กำลังศึกษาต่อที่เคมบริคจ์โดยได้ยอมรับเงื่อนไขของ เจ เจ ทอมสัน (J. J. Thomson) ผู้ค้นพบอิเล็กตรอน ซึ่งออพเพนไฮเมอร์ต้องทำงานเกี่ยวกับการทดลองซึ่งเขาไม่ชอบเป็นอย่างมาก แต่ออพเพนไฮเมอร์ได้รู้จักกับ Patrick Blackett ผู้ศึกษารังสีคอสมิกและผู้สร้าง cloud chamber
ออพเพนไฮเมอร์เป็นนักสูบบุหรี่รูปร่างผอมสูง ซึ่งมักละเลยการรับประทานอาหารในช่วงใช้ความคิดและสมาธิเป็นอย่างมาก เพื่อนของเขาหลายคนบอกว่า เขามีแนวโน้มที่จะทำลายตัวเอง ตลอดชีวิตของเขา ออพเพนไฮเมอร์ประสบกับภาวะซึมเศร้าหลายครั้ง และครั้งหนึ่งเขาเคยบอกพี่ชายว่า "ฉันต้องการฟิสิกส์มากกว่าเพื่อน"
ในปี 1926 ออพเพนไฮเมอร์ได้ออกจากเคมบริคจ์ย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเกิททิงเงิน (University of Göttingen) โดยมีแมกซ์ บอร์น (Max Born) เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา โดยแมกซ์ บอร์น (Max Born) เคยมีลูกศิษย์ชื่อดังก่อนหน้านี้ คือ
แอร์วิน ชโรดิงเจอร์ (Erwin Schrödinger) ผู้คิดสมการชโรดิงเจอร์ (Schrödinger equation) ในกลศาสตร์ควอนตัม แต่ผู้ตีความหมายกับเป็นแมกซ์ บอร์น โดยอธิบายผลเฉลยฟังก์ชันคลื่นในสมการเป็นความน่าจะเป็น
รูปที่ 2 Oppenheimer อยู่แถวสองด้านซ้ายคนที่สองถัดจาก Dirac
ในช่วงเวลานั้น ออพเพนไฮเมอร์ ได้พบนักฟิสิกส์มากมาย Werner Heisenberg, Pascual Jordan, Wolfgang Pauli, Paul Dirac, Enrico Fermi และ Edward Teller จากภาพถ่ายในรูปที่ 2
ในปี 1927 ออพเพนไฮเมอร์ จบปริญญาเอก (Ph.D) ด้วยวัย 23 ปี โดยตีพิมพ์หลายชุดที่รู้จักกันในชื่อ การประมาณแบบ บอร์น-ออนเพนไฮเมอร์ (Born–Oppenheimer approximation) ในสมการชโรดิงเจอร์ ซึ่งเป็นการประมาณทางคณิตศาสตร์แยกการเคลื่อนที่ของนิวเคลียสออกจากการเคลื่อนที่ทางอิเล็กตรอนของโมเลกุล เพื่อทำให้การคำนวณง่ายขึ้น
รูปที่ 3 การประมาณแบบ บอร์น-ออนเพนไฮเมอร์ (Born–Oppenheimer approximation) ในสมการชโรดิงเจอร์
ในปี 1928-1929 ออพเพนไฮเมอร์ ได้ไปทำงานที่ University of California, Berkeley ได้พบกับ เออร์เนส ลอว์เรนซ์ (Ernest Lawrence) งานของในช่วงเวลานั้น ออพเพนไฮเมอร์เน้นในทางทฤษฎีทางควอนตัมและทฤษฎีสัมพัทธภาพ โดยผลงานโดดเด่นได้แก่
1. ออพเพนไฮเมอร์กับลูกศิษย์นักศึกษาปริญญาเอก Melba Phillips เกี่ยวกับการคำนวณกัมมันตภาพรังสีเทียมโดยดิวเทอเรียม (Deuterium) จึงมีชื่อ กระบวนการ ออพเพนไฮเมอร์-ฟิลลิป (Oppenheimer–Phillips process) ซึ่งในปัจจุบันยังใช้ได้อยู่
2. ในปี 1938 ออพเพนไฮเมอร์ได้อ่านงานของ เลฟ แลนเดา (Lev Landau) เกี่ยวกับการกำเนิดดาวนิวตรอน จากพิจารณาด้วยกลศาสตร์สถิติ โดยอนุภาคเฟอร์มิออน (fermions) ออพเพนไฮเมอร์, ริชาร์ด โทลแมน (Richard C. Tolman) และ จอร์จ วอร์คอฟฟ์ (George Volkoff) ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นก่อนการยุบตัวของดาวนิวตรอน ทำให้ได้ Tolman–Oppenheimer–Volkoff limit คือ ขอบเขตของมวลดาวนิวตรอน เช่นเดียวกับ Chandrasekhar limit คือ ขอบเขตของมวลดาวแคระขาว
3. หลังจากดาวนิวตรอนก็ต่อยอดไปสู่การเกิดหลุมดำ ในปี 1939 ออพเพนไฮเมอร์, ฮาร์ทแลนด์ สไนเดอร์ (Hartland Snyder) ได้ตีพิมพ์งานวิจัย "On Continued Gravitational Contraction" ซึ่งทำนายการมีอยู่ของสิ่งที่เรียกว่า หลุมดำในปัจจุบัน
ท่านผู้อ่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ link ด้านล่างนะครับ
https://journals.aps.org/pr/pdf/10.1103/PhysRev.56.455
รูปที่ 4 การวิจัยฝ่ายนาซี
ในช่วงปี 1939 นาซี เยอรมนี ได้มีโครงการคิดค้นระเบิดนิวเคลียร์ (German nuclear weapons program) โดยมี Otto Hahn, Lise Meitner, Fritz Strassmann ค้นพบปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน (Fisstion) แวร์เนอร์ ไฮเซินเบิร์ก (Werner Heisenberg) และนักฟิสิกส์ชั้นนำมากมาย ด้วยความที่นาซีทำการวิจัยนำหน้าไปก่อน
ออพเพนไฮเมอร์ซึ่งมาเป็นผู้อำนวยการนำทีมวิจัยโครงการ แมนฮัตตัน ในการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ให้อเมริกาก่อนนาซีได้อย่างไร ติดตามกันได้ในภาพยนตร์ Oppenheimer
.
บทความโดย
One To Many - A Brief Science
ภาพยนตร์
วิทยาศาสตร์
ความรู้รอบตัว
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย