17 ก.ค. 2023 เวลา 18:26 • ปรัชญา
เรื่องที่ภูมิใจ ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่แม่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แล้วก็มีพระท่านบอกว่า ให้เอาสังขารแม่ ที่เราอาศัยมีธาตุนะโมอยู่ ..ให้เรานำกายพ่อแม่ที่จิตเราอาศัยอยู่ นำมาเดินปฏิบัติธรรม เดินจงกรม ในรอยขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ท่านประทานไว้ให้ ..โดยอธิษฐานขอรับเวทนาแม่ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์มากระทำ เราก็ได้กระทำขึ้น แล้วแม่ก็ได้ลุกเดินเหินเป็นปกติ เหมือนไม่เจ็บป่วยอะไร .แถมยังออกไปเดินจับจ่ายซื้อของที่ตลาดอีก
นั่นก็ทำให้เรารู้จักคำว่าพระคุณพ่อแม่มากขึ้น มีพระท่านบอกให้ขอรับเวทนาของแม่ตอนที่ท้องเรามา กระทำขึ้นเพื่อเป็นการศึกษาเรื่องราวที่แม่ท้อง ผู้หญิงท้องมีความรู้สึกเป็นอย่างไร ..เราก็ได้กระทำขึ้น.ก็ได้รับรู้เรื่องแม่ที่อุ้มท้องเรามา
ในช่วงปลายอายุขัย แม่บอกว่า ฉันกินข้าวได้แค่มื้อเดียว จะเป็นนางชีไปเสียแล้ว เราก็ต้องคอยดูแล เอากายของแม่ที่เราอาศัยมาปฏิบัติธรรม ระยะหลังๆ เป็นเหมือนคนนอนติดเตียง แต่ก็ไม่หิวกระหาย ..แม่ไม่มีกลิ่นของผู้ติดเตียง ไม่เป็นแผลกดทับ .. ถามแม่ว่า เจ็บอะไรบ้างมั้ย แม่ก็บอกว่า มันเฉยๆ นอนนิ่งๆ ไม่กระดุกกระดิก ..เหมือนคนไม่ทุกข์ร้อนอะไร
แม่มักจะมีเรื่องราวแปลกๆ พูดแปลกให้ฟัง ..ที่มิใช่มิติที่คนรับรู้ เรื่องคนโบราณบ้างที่เค้ายังอยู่กัน เรื่องคนนุ่งผ้าโบราณ หาบกระบุงใส่มะขามเทศ เรื่องเจ้าที่..ใครมาเป็นเจ้าที่..เรื่องราวแปลก.พี่ๆเค้าก็ไม่ใส่ใจ แต่เราใส่ใจในเรื่องที่แม่เล่า ก็ค่อยเอามาตรวจสอบ มันมาจากเรื่ิงราวอะไรบ้าง ..นั่นก็ทำให้เราได้เรียนรู้ในเรื่องที่เป็นนามธรรมบ้าง ..เรื่องราวของจิตที่ยังไม่เกิด..เป็นความภูมิใจที่ได้ตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่ให้กายเรามาอาศัย ด้วยคำว่า นำกายที่อาศัยมาสร้างบุญกุศลบารมี
โฆษณา