18 ก.ค. 2023 เวลา 04:29

“อนิจัง ของสภาพบ้านเมือง”

ธรรมดาของสรรพสิ่งในใต้หล้า เมื่อแยกกันนานย่อมรวม เมื่อรวมกันนานย่อมแยก
อนิจจัง เพราะ หมาเคยอ้วน vs หมาผอม แย่งอาหารสลับไป-สลับมา ระหว่างความเป็นเอกภาพกับความแตกแยก เป็นวัฏจักรแม่ในสรรพสิ่งอื่นๆ ด้วย
ยิ่งได้ศึกษาประวัติศาสตร์ การเมือง จะพบว่าสำนวนนี้ไม่ได้สะท้อนแค่ยุคสามก๊กแค่ยุคเดียว แต่ได้ถึงแก่นสำคัญของประวัติศาสตร์ การเมือง โดยตลอดสมัยประวัติศาสตร์ ทีมีมา วนเวียนอยู่กับช่วงเวลาที่รวมเป็นรัฐ และแตกเป็นฝ่ายค้าน ซ้ำรอยปลุก มวลประชาชน มาเป็นเครื่องมือสร้างความขัดแย้ง และยังเป็นฐานเสียงให้แก่ฝ่ายตัวเอง ผ่านวาทะกรรมต่าง เช่น
เชื้อพระวงษ์,ข้าราชการตงฉิน,ข้าราชการกังฉิน”
วัฎจักรแห่งอำนาจ
ประศาสน์แต่ล่ะที่ ก่อนเริ่มต้นยุคต่างๆของแต่ล่ะที เริ่มมีการปกครอง ระบบต่างออกมา ตามแต่ยุคสมัย ที่แตกต่างออกไป ทำให้ขาดความเป็นเอกภาพ และสูญญากาศ
เกิดวาทะคำ รุ่นเก่า ,รุ่นใหม่ สุดท้ายแตกแยกไม่สุดสิ้น ทำความขัดแย้งห้ำหันกัน จนแผ่นดินห่างไกลความเป็นเอกภาพ กระทั้งยังดึงคนนอกเข้ามาเพื่อเสริมแกร่งให้ฝ่ายตัวเอง
กระทั่งแหม้นจะเคยรวมอำนาจ แบบเบ็ดเสร็จ แต่การปกครองแบบที่เอื้อประโยชน์แก่ฝ่ายสนับสนุน ตัวเองแบบบสุดลิ่ม ทำให้ก่อให้เกิดกบฏที่ลุกลามไปทั่ว ไม่นานกลุ่มกบฏก็คิดการใหญ่ต่อต้านราชวงศ์
แล้วคิดว่า ตัวเองจะเปลี่ยนทุกอย่าง ดั่งใจหวัง พยายามจะสร้างสิ่งใหม่ๆ จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข สภาวะเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ประเพณี รุ่งเรื่อง ให้ได้ชื่อว่า “ยุคทอง”
แต่ผืนแผ่นดินประกอบด้วยชาติพันธ์ุมากมาย มีรักมีเกลียด มีเก่ามีใหม่
สุดท้ายแล้วเราอาจจะพบว่าภายใต้เรื่องราวของสามก๊กมีข้อความหนึ่งที่จริงแท้แน่นอนที่สุด คือ”ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน”
บางคนพูด
- พอได้เป็นผู้นำแล้วก็เหมือนรถป้ายแดง ราคาก็ตก ความนิยมก็ตกไปเรื่อยๆ
แต่ก็ยังอยาก”เป็นผู้นำ” เพื่อ…..
โฆษณา