Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
SPOTLIGHT
•
ติดตาม
18 ก.ค. 2023 เวลา 04:37 • การเมือง
19 ก.ค. คนไทยจะได้ใครเป็นนายก? เทียบนโยบายเศรษฐกิจเด่น เพื่อไทย-ก้าวไกล
ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วสำหรับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยรอบที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค. หลังจาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ในการเลือกตั้ง ไม่ผ่านการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา เพราะคะแนนเสียงไม่ถึง 375 เสียง เนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา
จนถึงตอนนี้ หนทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของพิธาก็ยังไม่แน่นอน เพราะนอกจากจะมีปัญหาเรื่องคะแนนเสียงในสภาแล้ว ยังเสี่ยงถูกตัดสิทธิ์หากมีคำวินิจฉัยจากศาสรัฐธรรมนูญ ทั้งกรณีสถานะ ส.ส. ของพิธา และ กรณีการใช้นโยบายการแก้ไข ม.112 ในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเสี่ยงทั้งตัวคุณพิธา และ พรรคก้าวไกลด้วย
นี่จึงทำให้ มีการคาดการณ์ว่า สุดท้ายแล้วหนึ่งในแคนดิเดตจากพรรค “เพื่อไทย” พรรคที่ได้คะแนนเสียงสูงสุดเป็นอันดับ 2 คือ “เศรษฐา ทวีสิน” และ “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” อาจจะเป็นผู้ที่ได้ตำแหน่งนี้ไปก็เป็นได้ เพราะมีข้อได้เปรียบสำคัญคือ “ไม่มีการเสนอแก้มาตรา 112” ซึ่งเป็นประเด็นที่ ส.ส. พรรคตรงข้ามและ ส.ว. หลายท่านนำมาอภิปรายโจมตีหัวหน้าพรรคก้าวไกลอย่างหนัก และใช้เป็นข้ออ้างหลักเพื่อไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกลในวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวานนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ได้ออกมาแถลงหลังมีการประชุมหารือแล้วว่าในวันที่ 19 ก.ค. นี้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังคงเสนอชื่อของตนเป็นนายกรัฐมนตรี แต่หากโหวตรอบนี้คะแนนไม่ได้เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ หรือเพิ่มร้อยละ 10 คือ 344 เสียง ก็พร้อมที่จะถอยให้พรรคอันดับ 2 ที่อยู่ใน MOU ขึ้นมาเป็นผู้นำ
ก่อนที่จะถึงการโหวตนายกฯ ครั้งประวัติศาสตร์ในวันพรุ่งนี้ ทีม SPOTLIGHT จึงอยากชวนทุกคนมาดูกันชัดๆ อีกครั้ง ว่าหากเราได้แคนดิเดตจากพรรคใดพรรคหนึ่งเป็นนายกรัฐมนตรี เราประชาชนคนไทยจะคาดหวังนโยบายแบบไหนจากทั้ง 2 พรรคได้บ้าง
📌พรรคเพื่อไทย “ทุนนิยมที่มีหัวใจ” เน้นเพิ่มรายได้ทั่วถึง ไม่ชนทุนใหญ่
มาเริ่มกันที่พรรคพรรคอันดับ 2 “เพื่อไทย” จากแถลงนโยบายด้านเศรษฐกิจในเว็บไซต์ของพรรค หลักการที่เป็นหัวใจในการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย คือ “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส” โดยมีเป้าหมายจะทำให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ GDP เติบโตเฉลี่ยอย่างต่ำปีละ 5% ผ่านนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจในระดับมหภาคหลักๆ หลายนโยบายด้วยกัน เช่น
➡ นโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ภายในปี พ.ศ. 2570 โดยจะพิจารณาจาก 1) การเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) 2) ผลิตภาพแรงงาน (Productivity) และ 3) อัตราเงินเฟ้อ (Inflation)
➡ นโยบายเพิ่มให้เงินเดือนคนจบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อเดือน ภายในปี พ.ศ. 2570 รวมทั้งข้าราชการ และทำให้ทุกครอบครัว มีรายได้ ไม่น้อยกว่า 20,000 บาท / เดือน
➡ นโยบายสร้าง “เขตธุรกิจใหม่” (New Business Zone – NBZ) 4 แห่งเป็นพื้นที่นำร่อง ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ พร้อมโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบิน รวมไปถึงโครงสร้างด้านการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย เพื่อผลิตกำลังคน เพื่อขับเคลื่อน Start-ups และ SMEs ในแต่ละพื้นที่
➡ นโยบายสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลให้กับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป พร้อมเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาทให้ทุกคน ใช้จ่ายใกล้บ้านภายใน 4 กิโลเมตร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรอบ
➡ นโยบาย One Family One Soft Power เพื่อส่งเสริมผลักดันซอฟท์พาวเวอร์ไทยโดยเริ่มต้นจากการ “พัฒนาคน” โดยการเลือกคนอย่างน้อยครอบครัวละ 1 คน เพื่อนำมาส่งเสริมบ่มเพาะศักยภาพ ผ่าน “ศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์” ที่จะมีในทุกระดับตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ไปจนถึงระดับประเทศ และจัดตั้ง Thailand Creative Content Agency (THACCA) ขึ้นมาดูแลด้านการบริหารดูแลซอฟต์พาวเวอร์ของไทยอย่างเป็นระบบ ครบวงจร
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในด้านอื่นๆ อีก เช่น
➡ ด้านสาธารณสุข ที่เพื่อไทยมีนโยบายต่อยอดจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคด้วยการยกระดับโครงสร้างทั้งระบบ ให้ใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย สามารถนัดคิว รักษา และจ่ายยาออนไลน์ได้ รวมไปถึงระดมฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกฟรีให้เด็กหญิงอายุตั้งแต่ 9-11 ปีทุกคน และผู้หญิงที่ยังไม่เคยรับเชื้อ HPV
➡ ด้านคมนาคม เช่น นโยบาย “รถไฟฟ้า กทม.” 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้โดยสาร และนโยบายยกระดับรถไฟโดยสารทั่วประเทศให้สามารถเป็นการเดินทางแบบไปกลับประจำ (Commute) ได้อย่างแท้จริง
➡ ด้านการท่องเที่ยว เช่น นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวทางด้านการแพทย์และสุขภาพมุ่งทำให้ประเทศไทยเป็น “Wellness Destination” ของเอเชีย และนโยบายดันไทยให้เป็น “Festival Hub of Asia” โดยการผลักดันเทศกาลไทยให้มีชื่อเสียงระดับโลก และดึงเทศกาลระดับโลกมาจัดในประเทศไทย เช่น เทศกาลดนตรี เทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงต่างๆ
📌พรรคก้าวไกล “ทลายทุนผูกขาด” เน้นการพัฒนาอย่างเสมอภาค และเป็นธรรม
หันมามองด้านพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 อย่างพรรค “ก้าวไกล” ถึงแม้ทั้ง 2 พรรคมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกระดับเหมือนกัน พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกว่าในเรื่อง “ความเป็นธรรม” และการ “ทำลายทุนผูกขาด” เพื่อทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างเท่าถึงเท่าเทียมในทุกระดับ เพราะมองว่าปัญหานี้เป็นปัญหาหลักที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ และรายได้กระจายไปไม่ถึงผู้ผลิตและผู้ดำเนินธุรกิจรายเล็ก
นี่ทำให้ยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลเน้นไปที่การเติบโตอย่างเป็นธรรม (Inclusive Growth) โดยชูนโยบาย “เศรษฐกิจโตเพื่อทุกคน” ด้วยการทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างทั่วถึง โดยมี 3 เป้าหมายหลักคือ
➡ การสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้มั่นคง (Firm Ground)
➡ การสร้างกลไกภาครัฐและกติกาการแข่งขันที่เป็นธรรม (Fair Game)
➡ การผลักดันเครื่องจักรเศรษฐกิจตัวใหม่ๆ ที่เติบโตไปพร้อมกับซัพพลายเชนโลก (Fast Forward Growth)
นโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยแบ่งเป็น 11 ด้าน รวม 71 นโยบาย และมีนโยบายที่โดดเด่นดังนี้
➡ นโยบายทลายทุนผูกขาด เช่น ปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้า ทลายทุนผูกขาด และการผลักดัน พ.ร.บ. สุราก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสุรารายเล็กเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดจากนายทุน
➡ นโยบายส่งเสริม SMEs ด้วยการ ‘ลดรายจ่าย’ ผ่านมาตรการด้านภาษีต่างๆ เช่น การลดภาษีนิติบุคคล SME ให้เหลือ 0-15% ‘สนับสนุนให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย’ ด้วย “หวยใบเสร็จ” ให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ดำเนินธุรกิจใช้ใบเสร็จซื้อของร้านค้าลุ้นหวยได้ รวมไปถึงการ ‘ขยายตลาด’ ให้ ผ่านการเพิ่มโควตาชั้นวางสำหรับสินค้า SME ในห้างใหญ่ และ ‘ให้ทุน’ ด้วยการให้ทุนแสนตั้งตัว 2 แสนราย/ปี และ ทุนล้านตั้งตัว 2.5 หมื่นราย/ปี ไม่ต้องวางหลักประกัน
➡ นโยบายเศรษฐกิจโปร่งใส ที่จะทำให้อาชีพให้บริการทางเพศ (sex worker) และคาสิโนถูกกฎหมาย ปลดล็อกเซ็กซ์ทอย (sex toy) และหนังผู้ใหญ่ เพื่อเพิ่มการคุ้มครองทางกฎหมายให้ผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้ รวมไปถึงเปิดช่องทางให้รัฐเก็บภาษีจากธุรกิจเหล่านี้ได้
➡ นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ผ่านการเน้นคุ้มครองเสรีภาพทางศิลปะ ยกเลิกการเซนเซอร์ เพิ่มความหลากหลายทางศิลปะ ห้ามไม่ให้รัฐแทรกแซง และเพิ่มงบสนับสนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 10 เท่า
โดยจะเห็นได้ว่า ในขณะที่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายในการขยายเศรษฐกิจอย่างเต็มสูบ และเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประชาชนอย่างทั่วถึงเพื่อเข้าไปแข่งขันในตลาดเสรี โดยไม่เข้าไปแทรกแซงกับการทำธุรกิจของกลุ่มทุนใหญ่หรือทุนผูกขาด พรรคก้าวไกลมุ่งเน้นช่วยเหลือรายเล็กและจำกัดอำนาจของกลุ่มทุนใหญ่เป็นสำคัญ
แต่ถึงแม้แคนดิเดตจากพรรคใดจะได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ตาม เป้าหมายร่วมกันของทั้งสองพรรคก็คือการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทยอย่างทั่งถึง และเมื่อร่วมรัฐบาลกันแล้วก็จะมีการพูดคุยเพื่อนำนโยบายเหล่านี้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศในขณะนั้นอีก
นี่ทำให้สิ่งสำคัญในขณะนี้อาจจะไม่ใช่ว่าใครจะได้เป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่เป็นการทำอย่างไรจึงจะสามารถตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้โดยเร็ว เพราะสิ่งหนึ่งที่ทำร้ายโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยก็คือความล่าช้า และความไม่มีเสถียรภาพของการเมือง ที่จะทำให้เกิด gridlock ที่ทำให้ประเทศไทยไม่สามารถก้าวไปทางไหนได้เลย
อ่านบทความในเว็บไซต์ได้ที่
https://www.amarintv.com/spotlight/economy/detail/48997
ติดตามข้อมูล ด้านเศรษฐกิจ ธุรกิจการเงิน ของ #SPOTLIGHT เพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ :
https://www.amarintv.com/spotlight
เฟซบุ๊ก :
https://www.facebook.com/spotlightbizth
ยูทูป :
https://bit.ly/SPOTLIGHTTHYOUTUBE
อินสตาแกรม :
https://www.instagram.com/spotlightbizth
TikTok :
https://www.tiktok.com/@spotlightbizth
Blockdit :
https://www.blockdit.com/spotlightbiz
เศรษฐกิจ
การเมือง
ธุรกิจ
2 บันทึก
6
1
4
2
6
1
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย