23 ก.ค. 2023 เวลา 08:00 • ประวัติศาสตร์

'กบฏผู้มีบุญ' ฉบับข้อเท็จจริง หลอกประชาชน เพื่อสบช่องโกยประโยชน์ส่วนตัว

ช่วงปี พ.ศ. 2440 ได้มีผู้พบลายแทงทางภาคอีสานซึ่งระบุไว้ว่า “จะเกิดเภทภัยใหญ่หลวง เงินทองทั้งปวงจะกลายเป็นกรวดทรายไปหมด ก้อนกรวดในหินแลงจะกลับเป็นเงินทอง หมูก็จะกลายเป็นยักษ์ขึ้นกินคน แล้วท้าวธัมมิกราชผีบุญ (คือผู้มีบุญ) จะมาเป็นใหญ่ในโลกนี้ ใครอยากจะพ้นภัยก็ให้คัดลอดหรือบอกความลายแทงให้รู้กันต่อๆ ไป ใครอยากจะมั่งมีก็ให้เก็บกรวดหินแลงรวบรวมไว้ให้ท้าวธัมมิกราชชุบเป็นเงินทอง ถ้ากลัวตายก็ให้ฆ่าหมูเสีย... อย่าให้ทันมันกลายเป็นยักษ์”
2
คำจากลายแทงด้านบนได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์สำคัญในช่วงการปฏิรูปบ้านเมืองสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นยุคเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นสมัยใหม่ของสยาม เป็นช่วงที่ภูมิภาคต่างๆ เกิดการพัฒนาและยกระดับการใช้ชีวิตของประชาชนให้พ้นจากความลำบากยากแค้น ทว่าในช่วงของการเกิด “กบฎผู้มีบุญ” นั้น เป็นช่วงที่มีความน่าศึกษาในแง่ที่ว่า นอกจากมีต้นสายปลายเหตุอย่างไรแล้ว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตยังสามารถถูกนำมาใช้ในปัจจุบันเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่างได้ด้วย
กบฎผู้มีบุญเกิดขึ้นในช่วง พ.ศ. 2444 ไปจนถึง พ.ศ. 2445 โดยเกิดขึ้นหลายแห่งในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกันในมณฑลอีสาน ก่อนจะขยายไปสู่มณฑลอุดร และมณฑลนครราชสีมา (มณฑลอีสานประกอบไปด้วย อุบลราชธานี จำปาศักดิ์ ขุขันธ์ สุรินทร์ และร้อยเอ็ด) ซึ่งการเกิดขึ้นของผู้มีบุญนี้ ในภายหลังปรากฏว่ามีการเกิดขึ้นนับร้อยคน
โดยในช่วงแรกๆ ที่เกิดข่าวลือเรื่องภัยพิบัติใหญ่และจะมีผู้มีบุญเข้ามาช่วยราษฎรนั้น กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลอีสานทรงทราบลายแทงนี้แล้ว แต่ทรงไม่ได้ให้น้ำหนักอะไรมากนัก เพราะทรงคาดว่าเป็นวิธีการหากินด้วยการหลอกลวงราษฎร
อย่างไรก็ดี เมื่อไม่สามารถจับผู้มีบุญคนหนึ่งได้สำเร็จ ทำให้ผู้มีบุญคนอื่นๆ เกิดกำเริบและสั่งให้รวบรวมผู้คนรวมถึงอาวุธเตรียมยกเข้าตีเมืองอุบล หากใครไม่ยอมร่วมด้วยก็ให้ฆ่าทิ้ง ดังนั้นความรุนแรงและการมีกองกำลังนี้จึงทำให้ผู้มีบุญได้ยกระดับขึ้นไปเป็นกบฏ เพราะเป้าประสงค์ในตอนนั้นคือการบุกเข้าไป “ตีเมือง” ดังจะเห็นได้ว่าอ้ายมั่นองค์สาตรทองซึ่งอ้างว่าเป็นผู้มีบุญผู้หนึ่งได้นำพรรคพวกรวม 1,000 คนจากโขงเจียมเข้าปล้นและเผาเมืองเขมราฐในอุบลราชธานี
ความรุนแรงที่ขยายไปไกลนี้ หากจะกล่าวว่าราษฎรเขลาแต่เพียงปัจจัยเดียวคงไม่เพียงพอในการอธิบายเหตุการณ์ได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน และเราคงไม่อาจกล่าวได้ว่า ผู้มีบุญไม่ได้มีการกระทำที่เป็นอันตรายหรือเป็นการกระทำที่ไม่ได้ต้องการมีอำนาจ เพราะเมื่อมีนักวิชาการกล่าวว่า ผู้มีบุญต้องการปลดแอกทั้งจากไทย ลาว และฝรั่งเศสเพื่อ “ตั้งการปกครองที่เป็นอิสระ” ก็หนีไม่พ้นที่ผู้มีบุญ (อย่างน้อยบางส่วน) ย่อมมีจุดประสงค์หรือเป้าหมายในทางการเมืองด้วยเช่นกัน
เรื่องราวของผู้มีบุญอีสาน ที่มีคนบางกลุ่มในปัจจุบันนำมาบิดเบือนแล้วสร้างความเข้าใจผิดๆ ว่ารัฐบาลกรุงเทพฯ ในสมัยนั้นกดขี่ประชาชนท้องถิ่น ทั้งหมดนี้มีข้อเท็จจริงอย่างไร พบคำตอบได้ที่นี่ https://www.luehistory.com/?p=20350
เลือกติดตามช่องทางอื่น ๆ ของ Lue History ได้ที่นี่
#LueHistory #ผู้มีบุญอีสาน
โฆษณา