Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
InvestWay
•
ติดตาม
26 ส.ค. 2023 เวลา 23:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ทำไมนักลงทุนถึงยินดีจ่าย สำหรับหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าอัตราส่วน PE จะสูง
โลกของการลงทุนเป็นอาณาจักรที่กว้างใหญ่ ซึ่งนักลงทุนมุ่งมั่นที่จะแสวงหาโอกาสอย่างขยันขันแข็งเพื่อเพิ่ม "ผลตอบแทน" สูงสุด
ในขณะเดียวกันก็พยายาม "ลดความเสี่ยง" ให้เหลือน้อยที่สุด
ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้ใครหลายคนตั้งคำถาม
คือ "ความเต็มใจ" ของนักลงทุนที่จะจ่ายเพื่อซื้อหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไร (PE) ของบริษัทเหล่านั้นจะสูงก็ตาม
“PE Ratio” หรือ Price to Earnings Ratio อธิบายง่ายๆ คือ เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง “ราคาหุ้นต่อหุ้น (Price)” เทียบกับ “กำไรต่อหุ้น (EPS)”
บริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงมักมีอัตราส่วน P/E ที่สูงกว่าบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตลดลง
ในบทความนี้ เราจะสำรวจปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ที่น่าสนใจนี้ และอธิบายว่าเหตุใดหุ้นสหรัฐฯ จึงยังคงดึงดูดนักลงทุน แม้ว่าจะมีการประเมินมูลค่าที่สูงลิ่วก็ตาม
●
ศักยภาพในการเติบโต
สาเหตุหลักที่ปฎิเสธไม่ได้เลย สิ่งที่อยู่เบื้องหลังการรับรู้ถึงการประเมินมูลค่าของบริษัทในสหรัฐฯ
นั้นมาจากความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศและแนวโน้มการเติบโต
สหรัฐฯ ได้รับการพิจารณาว่าเป็นตลาดที่เหมาะสำหรับการลงทุนมาช้านาน
เนื่องจากมีรากฐานทางเศรษฐกิจที่ดี ตลาดการเงินที่ก้าวหน้า กรอบกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่แข็งแกร่ง ความมั่นคงนี้แปลงเป็นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่สูงขึ้นตามไปด้วย
- ตัวอย่าง
ในช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกไม่แน่นอน นักลงทุนอาจแห่กันไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ซึ่งถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยกว่า ทำให้ผลักดันราคาหุ้นให้ขึ้นไปสูงกว่าที่ควรจะเป็น
●
ความหลากหลายและสภาพคล่องของหุ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก เข้าถึงง่ายเนื่องจากเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก
ที่ทุกประเทศสามารถเข้าถึงได้ มีตัวเลือกการลงทุนมากมายและกิจกรรมการซื้อขายจำนวนมาก และยังเป็นผู้นำในหลายอุตสาหกรรม
ความหลากหลายและสภาพคล่องนี้ดึงดูดนักลงทุนมากหน้าหลายตา นำไปสู่ความคาดหวังในตัวบริษัทที่เพิ่มขึ้นและมีส่วนทำให้บริษัทในสหรัฐฯ มีมูลค่าที่สูงขึ้น
ในทางกลับกัน ตลาดที่เล็กกว่าในประเทศอื่นๆ พวกเขาอาจจะมีสภาพคล่องน้อยกว่า ไม่ค่อยมีความหลากหลายของอุตสาหกรรม และด้วยความเข้าถึงได้ยากกว่า จึงดึงดูดนักลงทุนได้น้อยกว่าตลาดหุ้นของสหรัฐ
- ตัวอย่าง
หากพิจารณาบริษัทในสหรัฐฯ เปรียบเทียบกับบริษัทขนาดใกล้เคียงกันจากประเทศตลาดเกิดใหม่
สมมุติให้สองบริษัทนี้มี PE อยู่ที่ 10 เท่ากัน
แต่ด้วยความคาดหวังและสภาพคล่องของหุ้นในตลาดสหรัฐฯ อาจส่งผลให้นักลงทุนรู้สึกว่า แม้ PE จะเท่ากัน แต่บริษัทในสหรัฐฯ ก็ยังมีความน่าสนใจกว่าอยู่ดี
●
นอกจากที่กล่าวมานี้ ก็ยังมีอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ค่อยผลักดัน ปัจจัยสองประการที่กล่าวมานี้
สิ่งนั้น คือ "การเพิ่มสภาพคล่องในระบบ" นั่นเอง
ลองเปรียบเทียบระหว่างกราฟ S&P500 และ Nesdaq100 กับ งบดุลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed balance sheet) ย้อนหลังประมาณ 15 ปี
- S&P500
S&P500
- Nesdaq100
Nesdaq100
- Fed Balance Sheet
Fed balance sheet
หากสังเกตุช่วงปี 2008, 2014, 2020 และ 2023
จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้นของสหรัฐฯ อย่าง S&P500 และ Nesdaq100
มีการ "ปรับฐานขึ้น" ตอบสนองตามการเพิ่มขึ้นของ Fed balance sheet "อย่างชัดเจน"
เราไม่สามารถปฎิเสธได้ว่า "การเพิ่มสภาพคล่องในระบบ" นั้นมีผลกับทั้งในตลาดหุ้น ตลาดทุน และเศรษฐกิจอย่างมาก
การมีสภาพคล่องสูงขึ้น มักทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนในทางเศรษฐกิจ เกิดการกู้หนี้ยืมสิน เกิดการลงทุนใหม่ๆ มีขยายการดำเนินงาน มีการแข่งขันกันสร้าง Productivity และมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
ลองเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่าง S&P500 Earning กับ US M2 Money Supply ในช่วงวิกฤตโรคระบาด Covid-19
- S&P500 Earning
S&P500 Earning
- US M2 Money Supply
US M2 Money Supply
ในช่วงเกิดวิกฤตโรคระบาด Covid-19 สหรัฐฯ ได้มีการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ และออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือประชาชน
ทำให้ปริมาณเงิน M2 ในมือประชาชนเพิ่มขึ้น เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทใน S&P500 เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
การเพิ่มสภาพคล่องในระบบ จึงกลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นของบริษัทสหรัฐฯ น่าดึงดูดมากกว่าที่อื่น
ทุกอย่างที่กล่าวมานี้เป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้หุ้นของบริษัทในสหรัฐฯ
มีศักยภาพในการเติบโต และดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก
บวกกับการที่เป็นตลาดหุ้นที่เข้าถึงง่าย แทบจะทุกสถาบันการเงินทั่วโลก
หากคุณอายุถึงเกณฑ์ คุณสามารถไปที่ธนาคารหรือเปิดแอปพลิเคชั่นธนาคาร
เพื่อเปิดบัญชีลงทุนได้เลย
ทำให้นักลงทุนจึงเลือกที่จะยอมจ่าย เพื่อให้พวกเขาสามารถที่จะถือครองสินทรัพย์ที่มีศักยภาพและความน่าเชื่อถือตามความคิดของพวกเขา แม้ว่าอัตราส่วน PE จะสูงก็ตาม
จริงๆ แล้วสาเหตุและปัจจัยที่จะส่งผลต่อ PE และตลาดหุ้นนั้นมีมากมาย
เพื่อนๆ หรือนักลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมโดยละเอียด ได้ด้วยตัวเอง
และโปรดทราบว่าแม้เหตุผลเหล่านี้ อาจส่งผลให้นักลงทุนหลายคนเต็มใจที่จะจ่ายในราคาที่สูงขึ้นสำหรับหุ้นสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีอัตราส่วน PE ที่สูง
แต่การตัดสินใจลงทุนควรอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์และการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน
References:
https://www.federalreserve.gov/monetarypolicy/bst_recenttrends.htm
https://www.setinvestnow.com/th/knowledge/article/223-investhow-pe
https://tradingeconomics.com/united-states/money-supply-m2
https://www.macrotrends.net/
https://www.gurufocus.com/economic_indicators/58/sp-500-earnings-per-share
การลงทุน
การเงิน
ธุรกิจ
6 บันทึก
4
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
INVESTING NEWS AND ECONOMY SERIES by InvestWay
6
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย