24 ก.ค. 2023 เวลา 03:57 • การเมือง

แก้ ม.112 = ยกเลิกรึเปล่า?

ความเห็นส่วนตัว บางทีเราก็แค่อยากพูดในสิ่งที่คิดแบบกลางๆ ไม่ได้ว่าร้ายใคร
พอดีผมถกเรื่องนี้กับเพื่อนคนนึง ที่รับฟังกันอย่างสุภาพ สุดท้ายค้นพบว่าตัวเองเขียนยาว เสียดาย เลยเอามาโพสต์หน้า Wall ดีกว่า
TLDR; ขอหน่วยงานเฉพาะที่ทำเรื่องนี้ และขอให้กัดไม่ปล่อยด้วย แฟร์ๆกันทุกฝ่าย
ตรงนี้มีส่วนที่ผมรู้สึกว่าเห็นด้วยแล้วก็ไม่เห็นด้วยในเวลาเดียวกัน ถามว่าเท่ากับยกเลิกไหม ก็ไม่ขนาดนั้น แต่ต้องบอกว่าทีมงานของก้าวไกลไม่รัดกุม และมีคนที่คิดจะยกเลิกอยู่ในนั้นจริงๆ แต่ไม่เป็นไรเราไม่พูดเรื่องความรู้สึก เอาเรื่องหลักฐานมาคุยกัน
สิ่งที่แก้ได้มีอยู่ไม่กี่ข้อ เช่น หน่วยงานที่ฟ้องร้องต้องเป็นหน่วยงานเฉพาะ ไม่ใช่ใครก็ได้ และโทษที่เหมาะสม ตรงนี้ถือว่าเราอาจพอจะเห็นตรงกัน
ขอยกตัวอย่างเคสที่เกิดขึ้นกับประธานาธิบดี Barack Obama คนก่อเหตุคือ Brandon Correa เขาโดนจำคุก 18 เดือน แล้วก็คุมประพฤติอีก 3 ปี เพราะโพสต์ twitter คุกคาม ปธน. ฟ้องโดยอัยการ ทำงานร่วมกับหน่วยงาน US Secret Service
จะเห็นได้ว่าโทษค่อนข้างรุนแรง เพราะประมุขของประเทศไม่ว่าจะเป็นประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี หรือพระมหากษัตริย์ ถือเป็นบุคคลสำคัญที่ให้ผลดี-ผลเสียในวงกว้าง ไม่ว่าจะอยู่ในระบอบการปกครองแบบไหน ผู้นำทั้ง 3 ประเภทต้องได้ความคุ้มครองในระดับที่สูงกว่าคนทั่วไป ยกตัวอย่างง่ายๆ มีหมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่ง ผู้ใหญ่บ้านโดนกล่าวหาว่าค้ายา (ไม่ว่าจะทำจริงหรือไม่ก็ตาม) หมู่บ้านนี้ก็จะมีตราบาปติดตัวไประยะหนึ่งว่าเป็นหมู่บ้านค้ายา ส่งผลถึงการค้า ส่งผลถึงการติดต่ออะไรมากมายกับภายนอก
หรือแม้แต่ผู้นำคริสตจักรที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม นั่นก็จะเป็นตราบาปของคริสตจักรนั้นไปเหมือนกัน โดยสรุปหมายถึงผู้นำของชุมชนจะแบกภาพลักษณ์ของชุมชนนั้นไว้ เพราะฉะนั้นขอบเขตของการปกป้องจะต้องสูงกว่าคนปกติ เพราะเมื่อมีข่าวเสียหายเกิดขึ้น ผลเสียไม่ได้ตกอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ตกอยู่กับสังคมทั้งหมด ซ้ำร้ายกว่านั้น หากมีการขู่เอาชีวิต นั่นก็ถือเป็นปัญหาความมั่นคงของชาติ ไม่ว่าจะเกิดการคุกคามขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม ย่อมส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ
ที่นี้มาพูดถึงโทษที่ทางพรรคก้าวไกลเสนอ โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท (เชื้อพระวงศ์เหลือจำคุก 6 เดือน) โทษตรงนี้ต่ำกว่าโทษของคนทั่วไปด้วยซ้ำ โทษหมิ่นประมาทสำหรับคนทั่วไป ณ ปัจจุบันอยู่ที่จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท แต่ส่วนใหญ่แล้วความผิดในการหมิ่นพระมหากษัตริย์และราชวงศ์จะเกิดขึ้นด้วยการโฆษณาผ่านสื่อ ซึ่งโทษที่ใช้กับคนทั่วไปในปัจจุบันคือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท
ข้อเสนอแก้ไขมาตรา 112 จากเว็ปไซต์พรรคก้าวไกล
ดังนั้นเมื่อลองมองดูหลักฐานดีๆ จะเห็นว่าโทษที่มีต่อพระมหากษัตริย์ต่ำกว่าโทษบุคคลธรรมดา ตรงนี้ผมไม่เห็นด้วย และในส่วนของการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดากันแบบซึ่งหน้าที่พรรคเสนอ โทษจำคุกหายไปเลย เหลือแค่โทษปรับ ตรงนี้จะเปิดช่องให้บุคคลไม่สำนึกผิด พูดจาด่าทอใครก็ได้ แล้วจ่ายเงินแก้ปัญหา ผมก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
กฏหมายหมิ่นฯ บุคคลธรรมดา ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
สรุปก็คือถ้าคิดจะปรับเรื่องโทษ ทำไมโทษถึงน้อยกว่าโทษที่เกิดขึ้นกับหมิ่นประมาทคนทั่วไป การจะปรับจาก 3 ถึง 15 ปี อาจจะลงมาเหลือไม่เกิน 3 ปีหรือ 2 ปีไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาถึงพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ โทษใหม่ที่เสนอมาต่ำกว่าบุคคลธรรมดาทำกันเอง ตรงนี้ไม่ถูกต้อง นี่เรื่องหนึ่ง
อีกเรื่องหนึ่งก็คือ การให้หน่วยงานเฉพาะเป็นผู้ฟ้องร้องได้แต่เพียงผู้เดียว อันนี้เห็นด้วย แต่ไม่แนะนำให้เป็นสำนักพระราชวัง เพราะแม้แต่ของอเมริกาก็มีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ นั่นคือ US Secret Service ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้ Department of Homeland Security ที่ดูแลเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง และก็เป็นคนส่งเรื่องนาย Correa ให้อัยการสั่งฟ้อง
ในด้านสำนักพระราชวังของเรามีกำลังคนไม่พอ มีเรื่องต้องทำอย่างอื่นมากมาย เขาจะไม่มีเวลาโฟกัสเรื่องนี้ ในอเมริกามีหน่วยงาน USSS หน่วยงานนี้กัดไม่ปล่อยไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน คนใน หรือคนนอก เขาเล่นหมด เพราะนั่นคืองานของเขา การโยนภาระนี้ให้สำนักพระราชวัง เหมือนการบอกแม่บ้านให้ทำหน้าที่เป็นยามด้วย เขาทำหน้าที่นี้ไม่ได้ ต้องมีการตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมาตรงๆ จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ต้องมี
และการมีหน่วยงานฉพาะที่ไม่ใช่คนธรรมดาฟ้องร้องกันเอง จะเพิ่มคุณภาพของคดีความ ป้องกันไม่ให้คนหัวหมอเอากฎหมายเป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง คดีที่เกิดขึ้นจะเต็มไปด้วยพยานหลักฐานที่รัดกุมและมีคุณภาพ ไม่ใช่การกล่าวโทษแบบคิดเองเออเองที่ลดความศักดิ์สิทธิ์ของกฏหมายลง ซึ่งเป็นผลดีต่อทุกฝ่าย (จะเอาแบบ US Secret Service ก็ได้ ดูแลหมดตั้งแต่ จนท. ปธน. อดีต ปธน. ลูก-เมีย บุคคลสำคัญ พูดง่ายๆคือดูแลแบบไม่เลือก ขอให้เป็นคนของรัฐ ดูแลหมด)
ที่ผ่านมาเราเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าไม่ใช่ทั้งหมด บางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่ชอบ เพราะฉะนั้นพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ต้องปกป้องตัวเอง พวกเขาจะต้องมีหน่วยงานที่เอาไว้ปกป้องตัวเองและทำหน้าที่นั้น 24 ชั่วโมง ก้าวไกลไม่มีคำตอบตรงนี้ อย่างที่บอกว่าเหมือนให้แม่บ้านไปทำหน้าที่ยาม ถ้าเพิ่มข้อนี้เข้าไปในข้อเสนอแก้ไขมาตรา 112 ผมว่าโอเค
ที่นี้มาสรุปว่าทำไมบางคนถึงบอกว่าการแก้ 112 คือการยกเลิก เพราะโดยรายละเอียดแล้วเมื่ออ่านข้อความมันดีๆ มันไม่รัดกุมพอ (แม้จะชอบอ้างว่าเขียนใหม่เพื่อให้รัดกุมมากขึ้นก็ตาม) เพราะสำหรับชาวบ้านทั่วไป จำนวนคนที่จะหมิ่นประมาทหรืออาฆาตมาดร้ายอาจมีในหลักสิบ แต่พอเป็นคนที่อยู่ในสื่อ หรือเป็นคนสำคัญของประเทศ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม เขาจะเป็นเป้าของคนหลักร้อย หลักพัน หากจะให้เขาป้องกันตัวเองต้องมีเครื่องมือที่เหมาะสม
อันนี้พูดรวมถึงนักการเมืองเองด้วย เพราะเขาก็ศัตรูเยอะ เขาก็ต้องมีกฎหมายที่จะคุ้มครองตัวเองได้เหมือนกันและอยู่ใน Level เดียวกับภัยคุกคามที่ตามมา
ผมไม่มีปัญหาถ้านายกรัฐมนตรีจะมีกฎหมายคุ้มครองตัวเองที่ลงโทษคนแรงกว่ากฎหมายสำหรับคนปกติ เพราะภัยที่เขาต้องเจอมันมากกว่าคนปกติ แล้วผมก็หวังว่าพระมหากษัตริย์จะได้เครื่องมือป้องกันตัวเองในระดับเดียวกัน
คนเรามีคุณค่าความเป็นคนเท่ากัน แต่ความสำคัญต่อสังคมไม่เท่ากัน มากน้อยตามความรับผิดชอบ เพราะถ้าคุณพิธาได้เป็นนายกฯ แล้วเสนอให้มี Special Service Agency ที่ดูเเลนายกและคณะโดยเฉพาะ ผมก็โอเค แต่ขอให้ทางฝั่งเชื้อพระวงศ์ด้วย
แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่แต่งตั้งเอง เพราะพระมหากษัตริย์ตรากฎหมายตั้งหน่วยงานขึ้นมาเองไม่ได้ (ทำได้แค่ลงชื่อ) ถ้าตั้งขึ้นมาเองจะกลายเป็นหน่วยงานที่ไม่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย และสำนักพระราชวังไม่น่าจะมีหน่วยงานที่ทำตรงนี้ และประมุขของประเทศไม่ว่าจะเป็น ปธน. นายกฯ หรือกษัตริย์ ไม่ควรเป็นคู่ความกับคนในประเทศตัวเอง แต่ควรมีหน่วยงานที่เป็นกลางค้าความให้
ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มีการใช้วาทกรรม "แก้ไข = ยกเลิก" มันมีคนที่พวกมากลากไปตามกันทั้งสองฝ่าย แต่หากอ่านรายละเอียดรอบด้าน จะเห็นว่ามันไม่รัดกุม ไม่เหมือนกับที่โฆษณาไว้เลย ไม่ต่างอะไรกับการเลิกจ้างยามเฝ้าบ้าน แล้วเอาปืนให้แม่บ้านถือ
ในกรณีหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่โทษเบากว่าคนปกติ มันยิ่งเหมือนเอาไม้หน้าสามให้แม่บ้านด้วยซ้ำ (ที่เป็นแบบการหมิ่นโดยโฆษณา เพราะคงไม่มีใครหมิ่นกษัตริย์ต่อหน้า) เพราะฉะนั้นเมื่อลงรายละเอียด มันมีช่องโหว่เยอะ หลายคนไม่ได้ค้าน (หรืออาจไม่สนใจด้วยซ้ำ) แต่มันต้องสรุปลงรายละเอียดยาวๆ คนที่ไม่เห็นด้วยเขาก็ขี้เกียจอธิบาย เลยสรุปสั้นๆ ว่ามันไม่ต่างกับการยกเลิก แต่หากรายละเอียดรัดกุมกว่านี้ก็จะพอคุยกันได้
นั่นเลยเป็นที่มาว่า "การแก้เท่ากับการยกเลิก" เพราะพิจารณาจากข้อเสนอ พิจารณาจากสิ่งที่โดนลดทอน พิจารณาจากสิ่งที่จะใส่เข้าไปแทน และประวัติของทีมงานที่จะเข้าไปแก้ไขหลายคน มันแสดงถึงเจตนาว่าไม่บริสุทธิ์
สรุปว่าแก้ = ยกเลิกรึเปล่า ไม่ขนาดนั้น แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
หลักฐานที่ผมแนบมาก็มีประมวลกฎหมายเกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไปที่หาได้ตามวิกิพีเดีย และก็ข้อเสนอการแก้ 112 จากเว็บไซต์ของก้าวไกลเอง และหน้าเพจ Link ของหน่วยงาน US Secret Service
ถ้าจะมีการ Update Firmware 112 นี่คือสิ่งที่ผมรับได้ เพราะยังไงสถาบันกษัตริย์ก็ยังเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักของบ้าน ที่ชื่อว่าประเทศไทยอยู่ดี
โฆษณา