25 ก.ค. 2023 เวลา 17:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Ep. 2 | บุคลิกภาพด้านมืด: ทำไมต้องด้านมืด?

👉
บุคลิกภาพ เช่นเดียวกับหยินหยาง มีทั้งด้านสว่างและด้านมืด
บุคลิกภาพด้านมืด (dark personality) คือ ลักษณะที่ไม่น่าพึงประสงค์ทางสังคม (socially undesirable) เช่น ความก้าวร้าว (trait aggression) ซึ่งตรงข้ามกับบุคลิกภาพด้านสว่าง (bright personality) ที่เป็นลักษณะที่พึงประสงค์ทางสังคม (socially desirable) เช่น การเข้าหาสังคม (extraversion) เป็นต้น (Smith et al., 2018)
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนักจิตวิทยาบุคลิกภาพ (personality psychologist) และนักจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร (industrial and organisational psychologist หรือ I/O psychologist) หันมาให้ความสนใจกับบุคลิกภาพด้านมืดมากขึ้น (LeBreton et al., 2018)
แต่อะไรที่ทำให้นักจิตวิทยาหันมาสนใจบุคลิกภาพด้านมืด? บุคลิกภาพด้านมืดมีประโยชน์อะไรที่ทำให้ต้องมีการศึกษาค้นคว้ากัน?
🤔 1. บุคลิกภาพด้านมืดไม่มีความจำเป็น?
ในการศึกษาบุคลิกภาพ กรอบแนวคิดที่นักจิตวิทยามักใช้กัน คือ Five-Factor Model (FFM) ซึ่งระบุว่า บุคลิกภาพของมนุษย์สามารถอธิบายได้ภายใต้ลักษณะ 5 อย่าง คือ extraversion (การเข้าหาสิ่งแวดล้อมภาพนอก), agreeableneess (ความเอื้อเฟื้อ), conscientiousness (ความเพียร), emotional stability (ความมั่นคงทางอารมณ์), และ openness/intellect (การเปิดรับสิ่งใหม่/ไหวพริบ) (John et al., 2008)
และบุคลิกภาพต่าง ๆ สามารถถูกจัดเรียงตามด้านทั้ง 5 ได้ เช่น การชอบคุยจัดอยู่ใน extraversion ความมีระเบียบจัดอยู่ใน conscientiousness และความชอบคิดวิเคราะห์ จัดอยู่ใน openness/intellect เป็นต้น
FFM ได้รับความนิยมจากนักวิชาการ เพราะเป็นกรอบแนวคิดที่สามารถทำซ้ำได้ (replicate; Digman, 1990) ซึ่งทำให้นักจิตวิทยาเชื่อว่า FFM เป็นกรอบแนวคิดที่มีความครอบคลุมบุคลิกภาพของมนุษย์ได้ครบถ้วน (robustness)
(เปรียบได้เหมือนกับการบอกว่า สิ่งมีชีวิตในโลกสามารถจัดอยู่ได้ใน 6 kingdoms บุคลิกภาพของมนุษย์ก็สามารถจัดอยู่ใน 5 ด้านเช่นกัน)
แม้ว่า FFM จะจัดว่าเป็นบุคลิกภาพด้านสว่าง (Smith et al., 2018) แต่ในเมื่อมีความครอบคลุมแล้ว การทำนายพฤติกรรมก็ไม่จำเป็นต้องดึงบุคลิกภาพด้านมืดเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะข้อมูลที่ได้จากบุคลิกภาพด้านมืดจะไม่เพิ่มเติมอะไรจาก FFM เลย (ตามรูปที่ 1)
รูปที่ 1 ถ้า FFM มีความครบอคลุมแล้ว บุคลิกภาพด้านมืด (Dark) จะไม่เพิ่มความเข้าใจในพฤติกรรม (ฺBehaviour) ได้เลย
แล้วทำไมนักจิตวิทยาถึงสนใจบุคลิกภาพด้านมืด?
🌓 2. ด้านมืด vs ด้านสว่าง
คำตอบ คือ ความสามารถของบุคลิกภาพด้านมืดในการอธิบายและทำนายพฤติกรรมที่มากกว่า FFM (ด้านสว่าง)
แต่ถ้า FFM ครอบคลุมบุคลิกภาพทั้งหมดแล้ว บุคลิกภาพด้านมืดจะสามารถเพิ่มเติมอะไรได้อีก?
การตอบคำถามนี้ต้องย้อนกลับไปที่ ที่มาของ FFM
FFM เกิดขึ้นจากการศึกษาบุคลิกภาพแบบ lexical approach ซึ่งเชื่อว่า บุคลิกภาพของมนุษย์สะท้อนอยู่ในภาษาที่ใช้กัน (Allport & Odbert, 1936)
นักจิตวิทยาที่ใช้ lexical approach เริ่มศึกษาบุคลิกภาพด้วยการคัดเลือกคำที่อธิบายลักษณะทางบุคคลจากพจนานุกรม เช่น “เป็นมิตร” “ขยัน” “เป็นระเบียบ” (โดยคัดคำอธิบายลักษณะทางกาย เช่น “สูง” “สวย” หรือ ลักษณะชั่วคราว “โกรธ” “ดีใจ” ออก) และให้กลุ่มตัวอย่างประเมินตัวเองและคนอื่นตามคำที่คัดมา จากนั้น นำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ทางสถิติ
ผลที่ได้ คือ การจับกลุ่มกันของคะแนนที่แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ซึ่งสะท้อนลักษณะ 5 อย่างตามที่ระบุใน FFM (Norman, 1963; Tupes & Christal, 1992)
จุดอ่อนของ FFM ก็อยู่ที่ตรงนี้ คือ (1) พจนานุกรมที่ใช้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งอาจทำให้ FFM มีความลำเอียงตามลักษณะของภาษา ซึ่งงานวิจัยที่ใช้ lexical approach ในประเทศอื่น เช่น เนเธอร์แลนด์และเกาหลี แสดงให้เห็นว่า ข้อมูลจับกลุ่มเป็น 6 ไม่ใช่ 5 ด้าน ซึ่งด้านที่เพิ่มมา คือ honesty-humility (ความซื่อสัตย์-ความอ่อนน้อม) ซึ่งประกอบด้วยคำด้านลบ เช่น “โลภ (greedy)” “หยิ่ง (conceited)” และ “เสแสร้ง (pretentious)” (Ashton et al., 2004)
นอกจากนี้ (2) ในการศึกษาแรก ๆ มีการคัดคำที่เกี่ยวข้องกับด้านมืดของมนุษย์ออก เช่น “ชั่วร้าย (evil)” (Tellegen, 1993) ทำให้การวิเคราะห์ขาดข้อมูลด้านมืดไป ซึ่งต่อมา งานวิจัยซึ่งรวมคำเหล่านี้เข้าไปในการวิเคราะห์ทางสถิติแสดงให้เห็นเช่นเดียวกับการศึกษาในภาษาอื่น ว่า ข้อมูลจับกลุ่มกันมากกว่า 5 กลุ่ม ซึ่งหนึ่งในกลุ่มที่เพิ่มขึ้นมา คือ negative valence ซึ่งถูกจำกัดด้วยคำว่า “โหดร้าย (cruel)” “ใจร้าย (mean)” เป็นต้น (Waller & Zavala, 1993)
จะเห็นได้ว่า ทั้งการศึกษาในภาษาอื่นและการรวมคำด้านลบเข้าไป แสดงให้เห็นว่า FFM ไม่ได้มีความครอบคลุมอย่างที่เชื่อกัน เพราะมีลักษณะบางด้านที่ไม่ถูกรวมอยู่ใน FFM (เช่น honesty-humility และ negative valence) ซึ่งลักษณะเหล่านี้เป็นสิ่งไม่น่าพึงประสงค์ของมนุษย์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การจะทำความเข้าใจบุคลิกภาพและพฤติกรรมให้ครบถ้วน จึงควรจะต้องรวมบุคลิกภาพด้านมืดเข้ามาพิจารณาด้วย (ตามรูปที่ 2)
1
รูปที่ 2 เพราะบุคลิกภาพด้านมืด (Dark) ไม่ถูกจำกัดอยู่ใน FFM การศึกษาบุคลิกภาพด้านมืดจึงสามารถให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรม (Behaviour) ได้
⏭️ 3. ในตอนต่อไป …
ในครั้งหน้า เราจะมาแนะนำบุคลิกภาพด้านมืด 3 ด้านที่นักจิตวิทยาให้ความสนใจในการศึกษากัน
#psychology #individualdifferences #personality #darkpersonality #จิตวิทยา #บุคลิกภาพ #บุคลิกภาพด้วยมืด
📃 อ้างอิง
Allport, G. W., & Odbert, H. S. (1936). Trait-names: A psycho-lexical study. Psychological Monographs, 47(1), i–171.
Ashton, M. C., Lee, K., Perugini, M., Szarota, P., de Vries, R. E., Di Blas, L., Boies, K., & De Raad, B. (2004). A six-factor structure of personality-descriptive adjectives: Solutions from psycholexical studies in seven languages. Journal of Personality and Social Psychology, 86(2), 356–366.
Digman, J. M. (1990). Personality structure: Emergence of the five-factor model. Annual Review of Psychology, 41, 417–440.
John, O. P., Naumann, L. P., & Soto, C. J. (2008). Paradigm shift to the integrative Big Five trait taxonomy: History, measurement, and conceptual issues. In O. P. John, R. W. Robins, & L. A. Pervin (Eds.), Handbook of personality: Theory and research (pp. 114–158). The Guilford Press.
LeBreton, J. M., Shiverdecker, L. K., & Grimaldi, E. M. (2018). The dark triad and workplace behavior. Annual Review of Organizational Psychology and Organizational Behavior, 5, 387–414.
Norman, W. T. (1963). Toward an adequate taxonomy of personality attributes: Replicated factor structure in peer nomination personality ratings. The Journal of Abnormal and Social Psychology, 66(6), 574–583.
Smith, M. B., Hill, A. D., Wallace, J. C., Recendes, T., & Judge, T. A. (2018). Upsides to dark and downsides to bright personality: A multidomain review and future research agenda. Journal of Management, 44(1), 191–217.
Tellegen, A. (1993). Folk concepts and psychological concepts of personality and personality disorder. Psychological Inquiry, 4(2), 122–130.
Tupes, E. C., & Christal, R. E. (1992). Recurrent personality factors based on trait ratings. Journal of Personality, 60(2), 225–251.
Waller, N. G., & Zavala, J. D. (1993). Evaluating the Big Five. Psychological Inquiry, 4(2), 131–135.
ภาพปก: Photo by Alex Padurariu on Unsplash

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา