Blockdit Logo (Mobile)
Side Stories
•
27 ก.ค. 2023 เวลา 05:01 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Insidious The RedDoor: ประตู วิญญาณ ภวังค์

ถ้าเราต้องใช้ชีวิตอยู่กับ
ปมปริศนาบางอย่างในอดีต
ที่เลือนหายไปในความทรงจำ
แต่แล้วมันกลับไม่เคยหายไปจริง
จะรู้สึกยังไง?
อดีตที่ทิ้งร่องรอยอันมืดดำไว้
คอยเฝ้ามองอยู่ใกล้ๆ
พร้อมจะคร่าชีวิต
กระชากจิตวิญญาณไปทุกเมื่อ
เพียงหลับตา ปล่อยใจอยู่ในภวังค์
ก็เหมือนแง้มประตูเงี่ยหูฟัง
เสียงเพรียกจากเหล่าภูติ ผี ปีศาจ
วิญญาณเดนตายแห่งนรกภูมิ
ที่ต้องทรมาทรกรรมมานาน
ในการกลับมาของ #Insidious
อีกหนึ่งแฟรนไชส์หนังสยองขวัญ
ที่ครั้งนี้เดินทางมาถึงภาค 5
“The Red Door: วิญญาณตามติด ประตูผีผ่าน”
โดยเป็นไทม์ไลน์ 10 ปีให้หลัง
จากเหตุการณ์ในภาค 2
กับบทสรุปแห่งเรื่องราวสุดสยอง
ของตระกูลแลมเบิร์ตที่
ส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
กลายเป็นตราบาปที่ทำให้
“จอช” และ “ดัลตัน”
สองพ่อลูกผู้มีเซนส์
ในการหยั่งถึงยมโลกได้
แม้จะผนึกความจำนั้นไป
ก็ยังมีเหตุให้แง้มประตูนรก
พาแขกที่ไม่ได้รับเชิญจากมิติคู่ขนาน
เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวใดๆ
ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง
จอชและลูกชายวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ
เพิ่งเข้ามหาลัยใหม่ๆ
ก็เหมือนมีแผลเป็นบางอย่าง
ที่ไม่อาจลบเลือนได้
หนังใช้เวลาในการปูเรื่องประมาณหนึ่ง
เพื่อค่อยๆ ฉายภาพอารมณ์ตึงเครียดของพ่อลูก
พร้อมหยอดความหลอนมาเป็นระยะ
ก่อนจะเริ่มปล่อยของ
พุ่งเข้าสู่โสตประสาท
บดขยี้ความรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ
จนมือเท้าแอบเกร็งตามไป
ป๊อบคอร์นต้องวางไว้
เพราะกลัวตกใจแล้วติดคอ
รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงลมหายใจ
ของสื่อที่บังเอิญได้ที่นั่งข้างกัน
แลดูติดขัด เสมือนมีวิญญาณ
แทรกซึมเข้าไปในปอด
พาเราดิ่งเข้าสู่เรื่องราวลึกลงเรื่อยๆ
ในบรรยากาศที่ผสมผสานกลิ่นอาย
ของความเป็น Horror + Fantasy
และมีความสืบสวนหน่อยๆ
ค่อยๆ วาดภาพ เกลี่ยสี วางแสงเงา
พาเราสำรวจมุมมองตัวละคร
ที่ปมในอดีตนำพาให้
ต้องอยู่อย่างเจ็บปวดในปัจจุบัน
กับบททดสอบครั้งใหญ่ที่จะพิสูจน์ว่า
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับวิกฤต
ครอบครัวที่แตกหักจะหาทาง
ฝ่าฟันไปด้วยกันได้ยังไงได้บ้าง
ขณะที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นแบ่ง
ระหว่างความเป็นความตาย
ซึ่งห่างกันเพียงเอื้อมขณะจิต
เสิร์ฟความหลอนกันจุกๆ
ใครที่ชอบหนังผีแนวตุ้งแช่
ได้เสพความสะพรึงเต็มที่
หนังเรื่องนี้นับว่าตอบโจทย์มากๆ
โดยเฉพาะแฟนๆ จักรวาลเรื่องนี้
ยิ่งไม่ควรพลาดบทสรุปจากครั้งก่อน
เหมือนเอาภาพวาดที่ยังไม่เสร็จ
มาประกอบกันให้เห็นรายละเอียดยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังสะท้อนคุณค่าแห่ง
คำว่าครอบครัวได้ชัดขึ้นด้วย
ขณะเดียวกันผมมองว่าเรื่องนี้
ยังยึด “ท่าเก่าๆ” มากไปหน่อย
ฟีลหนังผีคลาสสิคที่ต้องมืดจัดๆ
ไฟต้องหรี่และดับลง
พร้อมมุมกล้องที่เปลี่ยนตาม
เพื่อเป็นสัญญาณว่า
มันกำลังจะมาแล้วนะ เอายัง?
หนึ่ง สอง สาม ต๊ะเอ๋!!
ซึ่งผมมองว่าความสยอง
มันสามารถพลิกเล่าได้หลายแบบ
ยิ่งถ้าใครที่เป็นคอหนังผีเข้าเส้น
ดูมาเน้นๆ หลายเรื่อง
อยากได้ความแปลกใหม่หน่อย
น่าจะยังไม่ตรงจริตเท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียง
มุมมองจากผมเท่านั้น
เพราะเชื่อว่าหนังทุกเรื่อง
ก็เปรียบได้กับภาพวาดศิลปะ
ที่ร้อยคนมองก็รู้สึกต่างกันไป
สัมผัสด้วยตัวเองย่อมดีที่สุด
อ้อ! ดูจบอย่าเพิ่งลุกไปก่อนนะครับ
มีฉากหลัง End Credit 1 ฉากล่ะ
🚪ดูตัวอย่างหนังได้ที่ >> คลิก
เตรียมเปิดประตูรับความหลอน
ทุกโรงภาพยนตร์ 27 ก.ค. (พรุ่งนี้แล้ววว)
ขอบคุณเพจ Filmment
เช่นเคยนะครับ
ที่นึกถึงกันเสมอ
โฆษณา