27 ก.ค. 2023 เวลา 05:37 • นิยาย เรื่องสั้น

รีวิวหนังสือน่าอ่าน อนุสาวรีย์บันทึกผมกับแขมร์/ละเว้

🌻เรื่อง อนุสาวรีย์บันทึกผมกับแขมร์
🌻ผู้เขียน นามปากกา ละเว้
เปิดให้อ่านฟรี
🌻เรื่องนี้เริ่มต้นจากอ่านคร่าวๆ แล้วชอบ ก็เลยอ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง เป็นนิยายชีวิตอีกเรื่องหนึ่งที่ดี และน่าอ่าน
อย่างไรหรือ? นั่นก็เพราะถ้อยคำและภาษาสละสลวย ถึงอารมณ์มาก เหมือนได้พาเราไปเยือนแดน กัมปุเจีย หรือกำพูชา อย่างกับตาเห็น
🌻เริ่มแรกจากปรากฏการ 'ตื่นพลอย' พาเข้าสู่ดินแดนที่ 'กฎกมายไปไม่ถึง' ผ่านดงระเบิด ผ่านชีวิตที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เข้าไปเสาะแสวงหาพลอยแดงอันล้ำค่า
🌻บนเส้นทางดินที่จะต้องเดินตามรอยเท้าคนข้างหน้าเพราะเต็มไปด้วยระเบิด ชนิดห้ามออกนอกเส้นทาง ห้ามไปจับจำพวกเถาวัลย์ใดๆ อาจแขนขาขาดได้
🌻เข้าไปแล้วจะเจออะไรก็ต้องทำใจ เขาจะขอสิ่งของอะไรก็ต้องส่งให้ เพราะในนั้นเป็นถิ่นของพวกเขา ต้องระมัดระวังตัวเราเอาเอง เส้นทางชีวิตที่เดินทางผ่านเส้นทางวิบาก ทั้งมาลาเรีย และดงระเบิด ผู้เขียนหนังสือสรุปไว้ประโยคหนึ่ง ซึ่งจับใจมากไป
🌻"ศพตลอดสองข้างทางเหล่านั้น บ้างฝังดี บ้างฝังตามมีตามเกิด เห็นแล้วเอาไว้เตือนใจเหล่านักแสวงโชคของดินแดนแห่งความหายนะประดับอัญมณี
🌻ซึ่งความอันตรายของที่นี่ก็ไม่ได้หยุดยั้งการเดินทางหลั่งไหลเข้ามาของผู้คนได้เลย"
🌻ผู้เขียนหนังสือเข้าไปทำงานหามไม้ และครั้งที่สองไปเป็นเด็กปัดขี้เลื้อย ฟังดูน่าสนุกนะคะ แต่พอมาอ่ายรายละเอียดจริงๆ ก็ไม่นึกสนุกเท่าไร เพราะเสี่ยงอันตรายเหลือเกิน ผู้เขียนหนังสือตรวจเจอเชื่อมาลาเรียลงกระเพาะ และหลังจากนั้นมาก็ใช้ชีวิตอยู่กับมันร่วมสิบปี
🌻ผู้เขียนหนังสือพรรณาถึงเส้นทางทางเรือและทางน้ำที่ข้ามไป 'จังหวะเกาะกงแต่ในอดีต'
เลือกใช้เส้นทางเรือเพราะความอยากรู้อยากลอง ซึ่งก็สนุกมากจริงๆ อะไรที่มันสุดเหวี่ยงขอให้ได้ลอง เหมือนหนังชีวิตลูกผู้ชายม้วนหนึ่ง
เขายังเป็นคนช่างจดจำช่างเอามากๆ มีเกร็ดสาระดีๆ ให้เราเรียนรู้ตลอดเส้นทาง เช่น ไม้เมืองเขมรไม่มีรากแก้ว เป็นความรู้ที่เราไม่ได้หาอ่านได้ง่ายๆ
🌻ผู้เขียนเป็นมาลาเรีย (กลับมาอีกครั้ง) ครั้งที่สอง แต่ก็ยังไม่เข็ดขยาด (นับถือหัวใจเขาจริงๆ) นอนสั่นครวญครางกันเลยทีเดียว
🌻ขำที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องราวบนเส้นทางการไปส่งคุณยาย
ขึ้นชื่อว่าไปส่งยาย เรานึกถึงเหมือนเดินเท้าไปหน้าปากซอย แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะเขาไปไกลถึงพระตะบอง หรือ 'บัตด็อมบอง' เลยทีเดียว
ไปแบบงงๆ แต่สนุก ขอชมผู้เขียนว่าเล่าเรื่องได้สนุกสุดเหวี่ยงจริงๆ ลุ้นระทึกตลอดเส้นทางแต่ละย่างก้าว
🌻เส้นทางนี้ทรหดเพราะมาลาเรียมันแสดงอาการ โรคนี้ฉวยโอกาสในช่วงที่ผู้เขียนหนังสือใช้กำลังเดินเท้าขึ้นเขา (ร่างกายถึงจุดเหนื่อย)
🌻จากแปดเบ็ยเป็นต้นไปจึงต้องหอบมาลาเรียเพื่อนรัก หอบหิ้วเดินไปด้วยกันตลอดเส้นทาง
🌻สิ่งที่ประทับใจที่สุดจากการอ่าน เห็นจะเป็นความรู้สึกของคนเคยรับจ้างตัดไม้ เมื่อเดินมาเห็นสภาพที่ดินที่ชาวบ้านถางป่าใหม่โล่งเตียน
🌻ผู้เขียนหนังสือเล่าว่า สภาพหมู่บ้านแห่งนั้นยังคงความเป็นชนบท เดินไปแต่ละย่างก้าวชวนให้นึกถึงช่วงเวลาวัยเด็ก ลืมสิ้นอาการของโรคมาลาเรีย
🌻อ่านแล้วความรู้สึกของคนที่คิดถึงความหลัง มันแล่นพล่านเข้าตรงสู่หัวใจ สายตาที่ทอดมองแล้วคิดถึงบ้านเป็นเช่นไร เชื่อว่าหลายๆ ท่านก็เคยผ่านและเข้าใจความรู้สึกนี้
🌻ผู้อ่านลองนึกตามดูนะคะ เขาเป็นคนเคยตัดไม้ใหญ่ในป่ามาก่อน แต่พอได้เห็นป่าโล่งเตียนเป็นพื้นที่ทำไร่แล้ว มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
🌻อ่านไปช่วงหลัง ท้ายๆ เล่มหนังสือ เห็นภาพช่วงเวลาสมัยหลังสงครามที่ป่าไม้ยังอุดมสมบูรณ์ แค่วลีนี้คงเพียงพอที่จะอธิบายคร่าวๆ
🌻"มอเตอร์ไซค์ยังเป็นของที่มีแต่บ้านคนรวย รถยนต์เป็นสิ่งหายาก แม้แต่จักรยานยังเป็นสิ่งที่ยากจะยืมกันใช้"
🌻มีอีกหลายสิ่งที่เราได้เรียนจากหนังสือชีวิตเล่มนี้ เช่น "จีบแม่ค้า บ้ารำวง" แหม ไม่ได้ยินเรื่องสาวรำวงมาเสียนาน รู้เลยว่าผู้เขียนรุ่นไหน (555)
🌻เรื่องมาลาเรียเหมือนจะเครียด แต่ผู้เขียนเล่าราวกับว่าเขาเป็นเพื่อนซี้กับมัน (ก็ตัวติดกันจริงๆ ไม่ยอมห่างเลย) มาหายในตอนท้ายเล่มหนังสือ เพราะได้พบแพทย์และเปลี่ยนเป็นยาที่แรงขึ้น
พูดถึงยาแล้วอยากนำมุกนี้มาเล่า พยาบาลให้กินแต่ปลาร้า เป็นไข้ก็ปลาร้า ไม่สบายก็ปลาร้า อ้อ ปารา มันคือยาพาราเซตามอล (Ba rea se ta mou l)
🌻มีเรื่องขำขันมาตลอดทาง เรื่องสุดท้ายเห็นจะเป็นคราวไปงานแต่งงานที่กัมปุเจีย หยิบเงาะที่จะเอาไปฝากเขามากิน กินไปกินมาเมายากันยุง อ่านแล้วยิ้มเลยค่ะ
หนังสือเรื่องนี้ โดยสรุปเป็นเรื่องราวการเดินทางข้ามผ่านชายแดนไทย-กัมพูชาสองสามครั้ง โดยแต่ละครั้งนั้นมีเรื่องราวให้เล่ามากมาย และดูเหมือนผู้เขียนหนังสือจะรักการเดินทางมาก และเล่ามันออกมาได้ราวทุกเม็ดทุกรายละเอียด มันยังคงอยู่อย่างนั้น
🌻ไปตามอ่านกันค่ะ เรื่องนี้สนุกมาก เขียนดีจริงๆ ค่ะ
Yawg Laus
ลิ้งค์อ่านหนังสือ 👇
โฆษณา