4 ส.ค. 2023 เวลา 09:35 • กีฬา

จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : จากนักเตะ "อาแปะ" สู่ตำนานกัปตันลิเวอร์พูล

492 นัด จากระยะเวลา 12 ปี ในสีเสื้อลิเวอร์พูล จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้จารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์ของสโมสรเป็นที่เรียบร้อย ไม่ว่าจะในฐานะกัปตันทีมผู้พาหงส์แดงคว้าแชมป์มาได้แทบทุกรายการ หรือมิดฟิลด์ผู้ทุ่มเทให้กับสโมสรทั้งในและนอกสนาม
1
แต่เส้นทางของเฮนเดอร์สันนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งการต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริง ลบคำสบประมาทจากแฟนบอล ขึ้นมารับบทบาทกัปตันทีมต่อจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด งานที่แม้แต่ เยอร์เกน คล็อปป์ ยังบอกว่า "ยากที่สุดในรอบ 500 ปีของวงการฟุตบอล"
นี่คือเรื่องราวของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เด็กหนุ่มจากซันเดอร์แลนด์ ผู้เติบโตมาเป็นตำนานของลิเวอร์พูล และ "จะเป็นหงส์แดงไปจนวันตาย" แม้ในวันที่ชุดแข่งของเขาไม่ได้ถูกแขวนไว้ในห้องแต่งตัวที่แอนฟิลด์แล้วก็ตาม
[เด็กหนุ่มจากซันเดอร์แลนด์]
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เกิดที่ซันเดอร์แลนด์ เขาเติบโตขึ้นมาและเล่นฟุตบอลให้กับทีมบ้านเกิดตั้งแต่อายุได้เพียง 8 ขวบ ในยุคที่ฟุตบอลระดับอคาเดมีของซันเดอร์แลนด์ยังต้องฝึกซ้อมในโรงเรียนประถมใกล้เคียง เด็ก ๆ เหล่านี้ยังเล่าเรียนแบบเต็มเวลาเหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ก่อนเดินทางมาซ้อมช่วงเย็น
เก็ด แมคเนมี หัวหน้าฝ่ายพัฒนานักเตะเยาวชน ระลึกถึงอดีตดาวเตะจากอคาเดมีว่า "เมื่ออายุได้ 12 ปี จอร์แดน เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของอคาเดมี แต่เขาก็พบกับความยากลำบากในช่วงวัย 14-16 ปี เขาไม่สามารถมีส่วนกับเกมได้เหมือนก่อน แม้จะมีเทคนิคการเล่นที่ดีแต่ความแข็งแกร่งของร่างกายยังตามหลังเพื่อนอยู่อีกเยอะ"
"เราพยายามปรับตำแหน่งเขาไปทั่วสนาม เพราะเราชอบเขามาก ๆ เราลองให้เขาเล่นปีก แต่เขาไม่มีความคล่องตัวมากพอจะเอาชนะแบ็กของคู่แข่งได้ เราลองให้เล่นมิดฟิลด์ แต่นักเตะคนอื่นตัวใหญ่กว่าเขา และเราลองให้เขาเล่นเป็นหน้าต่ำ แต่นั่นก็ยังไม่ได้ผลเลย" นั่นทำให้เฮนเดอร์สันมักใช้เวลาหลังซ้อมกับทีมมาลงซ้อมเดี่ยวโดยไม่สนว่าลมและอากาศในละแวกฟูวล์เวลล์บ้านของเขาจะเย็นยะเยือกแค่ไหน
แจ็ค โคลแบ็ค, คอเนอร์ ฮูริเฮน, และ จอร์แดน คุ้ก เป็นบางส่วนของผลผลิตจากอคาเดมีซันเดอร์แลนด์ที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกันกับเฮนเดอร์สัน ทั้งสามต่างได้รับทุนการศึกษาจากสโมสรไปแล้ว เหลือเพียงเฮนเดอร์สันที่ต้องรอการอนุมัติจากแมคเนมี ผู้ต้องการรอดูพัฒนาการของเด็กหนุ่มวัยนี้จนถึงช่วงสุดท้าย เนื่องจากเขาแบกอายุขึ้นมาจากทีม U-15 และมีเวลาเหลือเฟือสำหรับการได้รับทุน
ท้ายที่สุดแล้ว เฮนเดอร์สันก็ได้รับทุนการศึกษา 2 ปี แม้จะเป็นการมอบทุนแบบมาตรฐานโดยไม่ได้ต่ออายุหรือการันตีการได้รับสัญญาอาชีพแบบโคลแบ็ค แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางอาชีพที่กำลังตามมา
เฮนเดอร์สันขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ของซันเดอร์แลนด์ ในฤดูกาล 2009-10 ได้โอกาสโชว์ผลงานบนเวทีพรีเมียร์ลีกและยึดตำแหน่งตัวจริงทั้งในฐานะปีกขวาและมิดฟิลด์ตัวกลาง จนได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรในฤดูกาลดังกล่าว และได้ต่อสัญญาอยู่กับทีมไปอีก 5 ปี
ฤดูกาลถัดมา เขายังคงเป็นตัวหลักของสโมสรเหมือนเคย และได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองของ FIFA ในปี 2011 เคียงคู่กับ ดาบิด เด เคอา, ชินจิ คากาวะ, โรเมลู ลูกากู และอนาคตเพื่อนร่วมทีมอย่าง เซอร์ดาน ชากีรี่ จนทำให้ลิเวอร์พูลตัดสินใจเซ็นสัญญามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นการลงทุนไม่น้อยกับดาวรุ่งอายุเพียง 20 ปีในตอนนั้น
1
[พิสูจน์ตัวเอง]
"ดาวรุ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเอง" พาดหัวหลักของ Bleacher Report จากข่าวการย้ายทีมของ เฮนเดอร์สัน ไป ลิเวอร์พูล และ ฟิล โจนส์ ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พวกเขาเป็นสองดาวรุ่งที่มีค่าตัวรวมตัว 37 ล้านปอนด์ แต่มีอายุรวมกันเพียง 39 ปีเท่านั้น
บทความดังกล่าวเทียบดีลของ เฮนเดอร์สัน กับ แอนดี้ คาร์โรลล์ ว่าแม้จะมีข้อครหาในดีลกองหน้ามูลค่า 35 ล้านปอนด์ แต่คาร์โรลล์ก็พิสูจน์ตัวเองกับ นิวคาสเซิล ด้วยการยิงประตูได้ 19 ประตูให้กับต้นสังกัดเดิม และอีก 11 ประตูกับหงส์แดงในครึ่งฤดูกาลแรกบนเวทีพรีเมียร์ลีก แต่เฮนเดอร์สันยังไม่มีอะไรที่บ่งชี้เลยว่าเขาจะเป็นนักเตะระดับโลกในอนาคตที่ควรค่ากับการทุ่มงบมากขนาดนั้น
1
แม้จะประเดิมฤดูกาลแรกด้วยการลงเล่นรวมถึง 48 นัดในทุกรายการ และเป็นหนึ่งในขุนพลของ เคนนี่ ดัลกลิช ชุดคว้าแชมป์ลีกคัพ แต่เฮนเดอร์สันก็เกือบถูกขายไปให้กับ ฟูแล่ม หลังการเข้ามาคุมทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส โดยเจ้าของหมายเลข 14 เปิดเผยกับเว็บไซต์ทางการของลิเวอร์พูลไว้ว่า "นั่นเป็นจุดสำคัญมากในอดีตของผม มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก"
"แต่เมื่อมองกลับไปมันก็เป็นจุดที่ช่วยผมได้เหมือนกัน ผมไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมา มันยากลำบาก แต่ก็โชคดีที่ทุกอย่างจบลงได้สวยในท้ายที่สุด"
เฮนเดอร์สันผ่านช่วงที่เกือบพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก จนมารับช่วงต่อในฐานะรองกัปตัน ตามด้วยการเป็นกัปตันทีมหลังจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด อำลาสโมสรไป นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ง่ายดายของเขาเลย ทั้งการต้องขึ้นมารับตำแหน่งนี้ต่อจากหนึ่งในตำนานของสโมสร และอาการบาดเจ็บที่เข้ามารบกวนก็ทำให้สิ่งต่าง ๆ ยากขึ้นไปอีก
1
ในฤดูกาล 2016-17 เฮนเดอร์สันเปลี่ยนจากการเล่นปีกขวาถอยลงมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรับของทีม เพื่อรับกับแผนการเล่นของ เยอร์เกน คล็อปป์ และอาการบาดเจ็บที่คอยรบกวนเขา แต่ก็ไม่วายที่การปรับบทบาทดังกล่าวจะตามมาด้วยคำวิจารณ์ว่าเขาคือ "อาแปะ" เมื่อเขาส่งบอลคืนหลังอยู่บ่อย ๆ แต่นั่นคือบทบาทที่กุนซือชาวเยอรมันมอบให้กับเขา และเฮนเดอร์สันก็เป็นตัวคุมจังหวะที่เชื่อถือได้ ก่อนส่งไม้ต่อตำแหน่งดังกล่าวให้กับ ฟาบินโญ่ ในฤดูกาล 2018-19 และเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการไล่ล่าแชมป์ของสโมสรขึ้นอีกครั้ง
[กัปตัน 7 แชมป์]
ความผิดหวังจากนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เคียฟ เมื่อปี 2018 เป็นแรงผลักดันให้ลิเวอร์พูลผลักตัวเองจนได้เข้าชิงอีกครั้งในปี 2019 โดยในรอบนี้เฮนเดอร์สันได้โอกาสชูถ้วยบิ๊กเอียร์ขึ้นเหนือหัวเป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปีของสโมสร และเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี หากนับจากถ้วยแชมป์ล่าสุดที่หงส์แดงเคยได้รับ
แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, สโมสรโลก, ลีกคัพ, เอฟเอคัพ, คอมมูนิตี้ชิลด์, และพรีเมียร์ลีกครั้งประวัติศาสตร์ ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นระหว่างฤดูกาล 2018-19 ถึง 2021-22 หรือสามารถบอกได้ว่า ลิเวอร์พูล สามารถคว้าแชมป์มาได้ครบทุกรายการแข่งขันอย่างเป็นทางการแล้ว และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ไม่ได้มีบทบาทแค่เป็นกัปตันที่เดินขึ้นไปชูถ้วยเพียงอย่างเดียว
นับตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นนักเตะที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมากที่สุด ด้วยจำนวน 430 นัด พร้อมกับผ่านบอลสำเร็จมากสุดที่ 19,643 ครั้ง และเปลี่ยนการครองบอลได้สำเร็จมากสุดถึง 2,428 ครั้ง โดยเขายังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA ในฤดูกาล 2019/20 หรือปีประวัติศาสตร์ที่หงส์แดงทำได้ 99 แต้ม จนคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 19 ได้สำเร็จ
นอกจากนั้น เขายังเป็นผู้นำในห้องแต่งตัวที่คอยนำน้อง ๆ ในทีมและช่วยปกป้องผลประโยชน์ในสนามอยู่บ่อยครั้ง โดย เฮนโด้ ได้รับการยอมรับทั้งจากเพื่อนร่วมทีมและผู้จัดการอย่าง เยอร์เกน คล็อปป์ ผู้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ถ้าผมจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับเขา มันต้องยาวกว่า 500 หน้าแน่ ๆ"
จนถึงวันที่เขาย้ายไปร่วมทัพ อัล อิตติฟาค คล็อปป์ยอมรับว่า "เราจะคิดถึงเขา" ส่วนผู้เล่นรายอื่นก็ออกมากล่าวถึงผ่านโลกออนไลน์ เช่น เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ รองกัปตันคนใหม่ของทีม ที่ออกมาทวีตว่า "ผมขอบคุณในทุกแรงสนับสนุนที่ทำให้ผมเป็นนักเตะและคนที่ดีกว่าเดิม เราเคยแบ่งปันช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตมาด้วยกัน และทำสิ่งที่เราเคยได้แต่ฝันถึงในวัยเด็กได้สำเร็จ ขอบคุณกัปตันของผมสำหรับทุกอย่าง"
สถานีต่อไปของเฮนเดอร์สันก็คือการกลับไปร่วมงานกับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกครั้ง และเตรียมความพร้อมประเดิมสนามในลีกซาอุดีอาระเบียเกมแรกในวันที่ 14 สิงหาคม ที่ต้นสังกัดใหม่จะได้พบกับ อัล นาสเซอร์ ที่มีทั้งเพื่อนร่วมทีมเก่าอย่าง ซาดิโอ มาเน่ และดาวเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในทีม
มันอาจไม่ใช่บทสุดท้ายในหน้าชีวประวัติที่สวยงามนัก แต่นี่คือวัฏจักรฟุตบอล และชีวิตที่ไม่มีอะไรแน่นอนบนดาวเคราะห์สีครามดวงนี้
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา