8 ส.ค. 2023 เวลา 19:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Ep. 5 | 11 บุคลิกภาพมืดของผู้นำ

👉
ในบทความก่อนหน้า (Eps. 3, 4) เราได้พูดถึงบุคลิกภาพด้านมืด (dark personality) หรือบุคลิกภาพที่ไม่น่าพึงประสงค์ทางสังคม และอิทธิพลของลักษณะเหล่านี้ในบริบทต่าง ๆ โดยยกตัวอย่างจากที่ Dark Triad (Machiavellianism หรือ Mach, narcissism, และ psychopathy; Paulhus & Williams, 2002) ซึ่งเป็นบุคลิกภาพด้านมืด 3 อย่างที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากนักจิตวิทยา
แต่ในการศึกษาบุคลิกภาพด้านมืด ยังมีอีกกรอบแนวคิดที่ได้รับความสนใจทั้งในงานวิจัยและการพัฒนาศักยภาพผู้นำในองค์กร
กรอบแนวคิดนี้ คือ Axis II approach
📖 1. Axis II Approach
Axis II approach มีความน่าสนใจ เพราะเป็นการศึกษาบุคลิกภาพด้านมืดที่อ้างอิงกรอบแนวคิดของความผิดปกติทางบุคลิกภาพ (personality disorder) ตาม Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders (DSM) ซึ่งเป็นคู่มือการวินิจฉัยความผิดปกติทางจิตของนักจิตวิทยา
นักจิตวิทยาที่มักได้รับการกล่าวถึงเมื่อพูดถึง Axis II approach คือ Robert Hogan และ Joyce Hogan ผู้เชี่ยวชาญบุคลิกภาพในที่ทำงาน เจ้าของบริษัท Hogan Assessments (www.hoganassessments.com) และผู้พัฒนา Hogan Development Survey (HDS) ซึ่งเป็นแบบประเมินบุคลิกภาพด้านมืด 11 ด้านของ Axis II approach ซึ่งใช้การคัดเลือกและพัฒนาบุคลากรและผู้นำ
Hogan และ Hogan (2001, 2009; Hogan et al., 2011) ให้ความสนใจบุคลิกภาพด้านมืดจากการศึกษาเพื่อค้นหาสาเหตุของความล้มเหลวของการเป็นผู้นำ (leadership failure หรือ leadership derailment) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับ 50 ถึง 75% ของผู้นำทั้งหมด (Hogan et al., 2011)
Hogan และ Hogan เชื่อว่า ผู้นำที่ขาดประสิทธิภาพเกิดจากการมีลักษณะที่ไม่ดี (บุคลิกภาพด้านมืด) มากกว่าขาดลักษณะที่ดี (บุคลิกภาพด้านสว่าง) ซึ่งจากการทบทวนวรรณกรรม พบว่า บุคลิกภาพด้านมืดที่เกี่ยวข้องกับการขาดประสิทธิภาพของผู้นำมีความคล้ายคลึงกับความผิดปกติทางบุคลิกภาพของ DSM*
จากความคล้ายคลึงนี้ Hogan และ Hogan จึงใช้ความผิดปกติทางบุคลิกภาพของ DSM (ซึ่งจัดอยู่ใน Axis II ของคู่มือ) ในการนิยามบุคลิกภาพด้านมืด 11 ด้าน โดย
(1) เน้นไปที่ลักษณะเฉพาะของความผิดปกติทางบุคลิกภาพแต่ละตัว และตัดลักษณะที่ซ้ำซ้อนกันออก
เช่น ในการนิยามบุคลิกภาพด้านมืดจาก narcissistic personality disorder หรือความหลงตัวเอง ก็เลือกเฉพาะความหลงตัวเองมา และตัดความไม่ใส่ใจคนอื่น (lack of empathy) ซึ่งเป็นลักษณะร่วมกับความผิดปกติทางบุคลิกภาพอื่น ๆ ออก
(2) ปรับนิยามให้เข้ากับบริบทของการทำงาน (ระบุลักษณะที่ไม่ดีของผู้นำ) แทนบริบทของจิตวิทยาคลินิก (การวินิจฉัยความผิดปกติทางจิต)
(3) ปรับนิยามให้เข้ากับประชากรทั่วไป (พฤติกรรมด้านลบของคนทั่วไป) แทนคนที่มีความผิดปกติทางจิต (พฤติกรรมที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต สังคม และการทำงานในระดับที่เข้าข่ายความผิดปกติทางจิต)
(4) ปรับให้เป็นนิยามแบบมิติ (dimension) แทนกลุ่ม (category) ซึ่งหมายถึง ทุกคนหนึ่งสามารถมีบุคลิกภาพด้านมืดได้มากกว่า 1 ด้าน (ตรงข้ามกับการวินิจฉัยความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ 1 คนจะมีได้ 1 ลักษณะหลัก)
ตามมุมมของ Hogan และ Hogan บุคลิกภาพด้านมืดมีในตัวทุกคน และคนส่วนใหญ่สามารถควบคุมด้านมืดของตัวเองไว้ได้ แต่บางครั้ง ในสถานการณ์ที่เหนื่อย เบื่อ เครียด หรือมีความคลุมเครือไม่ชัดเจน (เช่น มี process การทำงานที่ไม่ชัดเจน หรือการทำงานมี visibility ต่ำ) บุคลิกภาพด้านมืดเหล่านี้มีโอกาสที่จะแสดงตัวออกมาและสร้างความเสียหายได้ (ซึ่งอาจอธิบายได้ว่า ทำไม CEO หลายคนถึงหลุดจากตำแหน่งเวลาเจอกับวิกฤตต่าง ๆ)
บุคลิกภาพด้านมืดทั้ง 11 ด้าน จับกันได้เป็น 3 กลุ่ม ซึ่งคล้ายกับแนวคิดความโน้มเอียงทางสังคมที่ไม่มีประสิทธิภาพ (flawed interpersonal tendencies) ของนักจิตวิเคราะห์ (psychoanalyst) ชาวเยอรมัน Horney (1950) ซึ่งทั้ง 3 กลุ่ม 11 บุคลิกภาพมีลักษณะดังนี้ (Hogan & Hogan, 2001, 2009; Hogan et al., 2011)
⬆️ 2. กลุ่มที่ 1: Move Away
ลักษณะของบุคลิกภาพในกลุ่มนี้ คือ พฤติกรรมที่ตีตัวออกห่างจากคนอื่น (move away) ซึ่งประกอบด้วย 5 บุคลิกภาพ
.
🤬 2.1. Excitable
(เทียบได้กับ borderline personality disorder ของ DSM ซึ่งเป็นบุคลิกภาพที่ไม่มีความมั่นคงทางอารมณ์และพฤติกรรม เวลาหนึ่งรักใคร่คนอื่นดี อีกเวลาด้อยค่า ขับไล่ไสส่งคนอื่น)
บุคลิกภาพนี้มีความเชื่อลึก ๆ ที่ว่า ตัวเองจะต้องผิดหวังในความสัมพันธ์กับคนอื่น จึงมักตีความพฤติกรรมของคนอื่นไปในทางลบ (เช่น เชื่อว่าคนอื่นปฏิเสธหรือปฏิบัติกับตัวเองไม่ดี) และเมื่อ “คิด” ว่าถูกปฏิเสธ ก็มักจะตอบสนองอย่างรุนแรง (เช่น ตะโกนขับไล่)
ข้อดีของบุคลิกภาพนี้ คือ เข้าใจคนอื่นเพราะเป็นคนที่รู้ว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม แต่ข้อเสีย คือ เป็นคนเอาใจยาก อารมณ์เสียง่าย อ่อนไหวต่อคำวิจารณ์ และสนใจใครหรืองานไม่ได้นาน
(ถ้านึกภาพบุคลิกภาพนี้ ก็คงเป็นหัวหน้าที่ชอบใช้อารมณ์และด่าทอลูกน้องบ่อย ๆ)
.
🤔 2.2. Skeptical
(เทียบได้กับ paranoid personality disorder ของ DSM ซึ่งมีลักษณะเด่น คือ ความหวาดระแวงที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง)
บุคลิกภาพนี้คิดว่า ตัวเองจะถูกทรยศหลอกหรือทรยศหักหลังได้ตลอดเวลา จึงมักไว้ใจคนอื่นยาก แต่เมื่อไว้ใจแล้วก็มักจะมีความซื่อสัตย์สูง
คนเหล่านี้มักอ่านคนเก่งและรู้ลึกในเรื่องการเมืองขององค์กร แต่ข้อเสีย คือ อ่อนไหวต่อการถูกหักหลัง แค่เมื่อ “รู้สึก” ว่ากำลังโดนคนอื่นทรยศ ก็จะตีตัวออกห่างและโจมตีคนอื่น (เช่น ต่อว่าหรือกล่าวหาคนอื่น)
(เทียบแล้วก็คือ หัวหน้าที่มักระแวงตลอดเวลาว่า ลูกน้องจะเลื่อยขาเก้าอี้ หัวหน้าฝ่ายอื่นจะกลั่นแกล้ง และผู้บริหารจะบีบให้ลาออก)
.
🤨 2.3. Cautious
(เทียบได้กับ avoidant personality disorder ของ DSM ที่มีลักษณะเด่น คือ พฤติกรรมหลีกเลี่ยงสังคม เพราะกลัวว่าจะทำอะไรผิดและทำให้ตัวเองขายหน้าหรือถูกต่อว่า)
บุคลิกภาพนี้มีความกลัวที่จะถูกคนอื่นวิจารณ์หรือต่อว่า จึงมักเลี่ยงความเสี่ยงต่าง ๆ และทำงานอย่างละเอียดและรอบคอบตามกฎเกณฑ์หรือขั้นตอนที่เคยเห็นมาแล้วว่าดี จนทำให้เสียโอกาสในการสร้างนวัตกรรมหรือการทำสิ่งใหม่ ๆ
(เทียบได้กับหัวหน้าที่ไม่กล้าทำอะไรใหม่ ๆ ยึดแต่วิธีการทำงานเดิม ๆ แม้ว่าจะเห็นอยู่ว่า การทำงานจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงก็ตาม)
.
🤫 2.4. Reserved
(เทียบได้กับ schizoid personality disorder ของ DSM ซึ่งจุดเด่น คือ ความไร้อารมณ์)
บุคลิกภาพนี้เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง และไม่ไวต่อความคิด ความรู้สึก หรือกระแสสังคมรอบข้าง
ข้อดี คือ ทนต่อการเมืองในองค์กร สามารถรับคำวิจารณ์ คำด่าทอจากคนอื่นได้โดยไม่หวั่นไหว แต่ข้อเสีย คือ ไม่ไวต่อความต้องการของคนอื่น ซึ่งเป็นลักษณะที่สำคัญของผู้นำ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ผู้ตามต้องการที่พึงทางจิตใจ
(หัวหน้าที่มีบุคลิกภาพนี้น่าจะเป็นคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสภาพการณ์รอบข้าง ไม่ว่าลูกน้องจะเครียดจากงานขนาดไหน ไม่ว่าการเมืองในองค์กรจะเป็นยังไง ไม่ว่าใครจะไม่ถูกกับใคร หัวหน้าคนนี้ก็ไม่รับรู้ หรือรับรู้แต่ไม่สนใจ)
.
🙃 2.5. Leisurely
(เทียบได้กับ passive-aggressive personality disorder ของ DSM ซึ่งจุดเด่น คือ การต่อต้านในทางอ้อม)
ลักษณะเด่นของบุคลิกภาพนี้ คือ เป็นคนที่มองดูเหมือนคนที่ให้ความร่วมมือกับคนอื่นดี แต่แท้จริงแล้วมักมองว่าคนอื่นมีหวังร้าย และเชื่อว่าตัวเองกำลังถูกคนอื่นกำลังเอาเปรียบอยู่
บุคลิกภาพนี้มักเป็นคนดื้อดัน ไม่ยอมทำตามคนอื่น ถ้าถูกขอหรือถูกกดดันให้ทำงานเพิ่มจากที่ทำอยู่ ก็มักจะเอาเท้าราน้ำ เช่น แกล้งทำงานช้าลง แกล้งทำงานพลาด หรือแกล้งทำเป็นลืม
(เทียบได้กับหัวหน้าที่เชื่อมั่นในแนวทางของตัวเอง และถ้าใครมองให้ทำอะไรหรือช่วยอะไร ก็จะไม่ทำ แกล้งทำเป็นลืม แกล้งให้อย่างช้า ๆ หรือแกล้งทำให้งานถอยหลังมากกว่าเดินหน้า)
↘️ 3. กลุ่มที่ 2: Move Against
บุคลิกภาพในกลุ่มนี้มีลักษณะร่วมกัน คือ พฤติกรรมต่อต้านคนอื่น (move against) ประกอบด้วย 4 บุคลิกภาพ
.
😎 3.1. Arrogant
(เทียบได้กับ narcissistic personality disorder ของ DSM หรือบุคลิกภาพหลงตัวเอง)
บุคลิกภาพนี้คาดหวังว่า ตัวเองจะเป็นที่ชื่นชอบและจะได้รับการปฏิบัติจากคนอื่นเป็นพิเศษ รวมทั้งมีความมั่นใจเกินตัว
ข้อดีของบุคลิกภาพนี้ คือ ดูมีความมั่นใจ ดูเป็นผู้นำ กล้าที่จะเสนอตัวเพื่อทำให้งานเดินหน้า แต่ข้อเสีย คือ เป็นคนหยิ่ง เห็นแก่ตัว และเรียกร้องความสนใจ
(เปรียบได้กับหัวหน้าที่ดีแต่พูด แต่ทำไม่ได้จริง และมักเรียกร้องความเคารพและการปฏิบัติที่ดีจากลูกน้องและคนรอบข้าง)
.
😈 3.2. Mischievous
(เทียบได้กับ antisocial personality disorder ของ DSM ซึ่งลักษณะเด่น คือ พฤติกรรมต่อต้านสังคม)
บุคลิกภาพนี้เชื่อว่า ตัวเองอยู่เหนือกฎระเบียบ และสนุกกับการหลอกใช้หรือเอาผลประโยชน์จากคนอื่น
ข้อดี คือ เป็นคนที่ดูมีความมั่นใจ ชอบความท้าทาย กล้าได้กล้าเสีย แต่ข้อเสีย คือ หุนหันพลันแล่น มักทำอะไรโดยไม่คิดให้ดีก่อน จอมบงการ มักใช้ประโยชน์จากคนอื่น
(บุคลิกภาพนี้อาจะเป็นหัวหน้าที่มีพูดจาดีน่าฟัง แต่เป็นคนที่รับมากกว่าให้ และมักทำอะไรตามอารมณ์)
.
🤩 3.3. Colorful
(เทียบได้กับ histrionic personality disorder ของ DSM ซึ่งลักษณะเด่น คือ พฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ)
บุคลิกภาพนี้คาดหวังว่า ตัวเองจะเป็นจุดสนใจของคนอื่น จึงมีพฤติกรรมที่หวือหวาเฮฮา ชอบดราม่า เล่นใหญ่ ชวนให้คนอื่นสนใจ
ข้อดี คือ เป็นคนที่สนุกสนาน เป็นสีสันให้กับที่ทำงาน แต่ข้อเสีย คือ มักพูดหรือทำอะไรเกินจริงและหยิบจับอะไรไม่ได้นาน
(อาจจะเทียบได้กับหัวหน้าที่เอาแต่เล่นใหญ่ เล่นตลก หรือทำเหมือนกำลังอยู่ในปาร์ตี้ทั้งวันจนไม่ได้งาน)
.
😶‍🌫️ 3.4. Imaginative
(เทียบได้กับ schizotypal personality disorder ของ DSM ซึ่งจุดเด่น คือ การมีพฤติกรรมและความเชื่อแปลก ๆ เช่น เชื่อว่าคลื่นทีวีล้างสมองคนได้)
บุคลิกภาพนี้มีความคิดความอ่านที่แปลกและไม่เหมือนใคร ซึ่งทำให้เป็นคนที่ดูมีความคิดสร้างสรรค์ มีนวัตกรรม มองการณ์ไกล แต่ข้อเสีย คือ มักจบอยู่กับความคิดของตัวเองจนลืมคนและสภาพความเป็นจริงรอบข้าง
(เทียบได้กับหัวหน้าที่ใช้เวลาส่วนใหญ่คิดเพ้อฝัน มีความคิดยิ่งใหญ่มากมายที่ทำไม่ได้จริง)
⬇️ 4. กลุ่มที่ 3: Move Toward
กลุ่มสุดท้ายเป็นบุคลิกภาพที่เข้าหาคนอื่น (move toward) ซึ่งถ้าดูผิวเผินอาจจะดูไม่เหมือนบุคลิกภาพด้านมืด แต่ทั้ง 2 บุคลิกภาพนี้ในกลุ่มนี้สามารถส่งผลด้านลบต่อการทำงานและคนรอบข้างได้เช่นเดียวกับ 2 กลุ่มที่ผ่านมา
.
😠 4.1. Diligent
(เทียบได้กับ obsessive-compulsive personality disorder ของ DSM หรือบุคลิกภาพย้ำคิดย้ำทำ)
บุคลิกภาพนี้คาดหวังว่า คนอื่นจะประเมินงานของตัวเองอย่างละเอียดทุกซอกมุม จึงเป็นคนที่มีวิธีการทำงานที่เคร่งคัดและมาตรฐานการทำงานที่สูงลิบ รวมทั้งคาดหวังให้คนอื่นมีวิธีการและมาตรฐานเดียวกับตัวเอง ซึ่งอาจทำให้คนอื่นอึดอัดและทำงานด้วยยาก
ข้อดี คือ ขยัน ละเอียด ทำงานถูกต้องเรียบร้อย แต่ข้อเสีย คือ มัก micro-manage คือ ติดตามการทำงานของคนอื่นทุกฝีก้าว ไม่ปล่อยให้ทำงานอย่างอิสระ จนอาจทำให้เสียความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้องได้
(เทียบได้กับหัวหน้าที่เป็น perfectionist ยึดมั่นในกฎระเบียบหรือวิธีจนเกินไป และคอยจี้ คอยเพ่งเล็งการทำงานของลูกน้องทุกลมหายใจ)
.
😅 4.2. Dutiful
(เทียบได้กับ dependent personality disorder ของ DSM ซึ่งเป็นบุคลิกภาพที่เชื่อว่า ตัวเองไม่สามารถเชื่อเหลือตัวเองได้ และจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่พึงพาคนอื่น)
บุคลิกภาพนี้มีความคาดหวังสูงกับการเป็นที่ยอมรับและเข้ากับคนอื่นได้ จึงมักมีพฤติกรรมที่คอยทำให้คนอื่นพอใจและหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง การเผชิญหน้า หรือตอบปฏิเสธคนอื่น
ข้อดี คือ ดูเป็นคนใจดี เพราะคอยทำตามความต้องการของคนอื่น แต่ข้อเสีย คือ ไม่สามารถตัดสินใจได้ ไม่มีความคิดริเริ่ม เพราะคอยดูว่าคนอื่นจะคิดยังไงและจะทำยังไงให้คนอื่นถูกใจที่สุด
(อาจเทียบได้กับหัวหน้าที่เป็นห่วงความรู้สึกของทุกคนไปหมด จนตัดสินใจหรือทำงานต่อไม่ได้ เพราะในความเป็นจริง ไม่มีทางที่ใครจะทำให้ทุกคนพอใจได้พร้อม ๆ กันหมด)
🎱 5. สรุป 11 ด้านมืดของผู้นำ
บุคลิกภาพด้านมืดของ Axis II approach เป็น 11 ลักษณะด้านมืด (3 กลุ่ม) ที่อ้างอิงมาจากความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ระบุใน DSM เพื่อใช้อธิบายพฤติกรรมด้านลบในที่ทำงาน โดยเฉพาะลักษณะของผู้นำที่ขาดประสิทธิภาพ
(1) Move away: กลุ่มตีตัวออกห่าง
- Excitable: หัวร้อน หงุดหงิดง่าย ชอบโวยวาย
- Skeptical: ขี้ระแวง ไม่เชื่อใจคนอื่น
- Cautious: กลัวผิดกลัวพลาด ขี้ระมัดระวัง
- Reserved: เงียบขรึม มีโลกส่วนตัวสูง
- Leisurely: ดื้อ ปากพูดดีแต่ตัวทำอีกอย่าง
(2) Move against: กลุ่มต่อต้านคนอื่น
- Bold: หลงตัวเอง เรียกร้องการปรนนิบัติจากคนอื่น
- Mischievous: ชอบเสี่ยง หลอกลวง เล่นกับกฎระเบียบ
- Colorful: หวือหวา เล่นใหญ่ ชอบดราม่า
- Imaginative: เพ้อฝัน คิดใหญ่
(3) Move toward: กลุ่มเข้าหาคนอื่น
- Diligent: perfectionist, micro-manager
- Dutiful: ใจดี ปฏิเสธไม่เป็น
⚡ หมายเหตุ
* DSM ในปัจจุบัน (ค.ศ. 2023) คือ DSM-V และฉบับที่ Hogan และ Hogan อ้างอิง คือ DSM-IV-TR ทั้งนี้ DSM-V และ DSM-IV-TR ระบุความผิดปกติทางบุคลิกภาพไว้ 10 ด้าน แต่ Hogan และ Hogan เลือกให้มีบุคลิกภาพด้านมืด 11 ด้าน โดยที่ด้านที่เพิ่มเข้ามายังมีความสำคัญในการที่ทำงาน (Leisurely) และเป็นบุคลิกภาพด้านมืดที่คล้ายคลึงกับความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่มีในฉบับก่อน ๆ แต่ไม่มีใน DSM-IV-TR และ DSM-V
#psychology #individualdifferences #personality #darkpersonality #axisiiapproach #axis2approach #dsm #hogandevelopmentsurvey #hds #hoganassessments #leadership #leadershipfailure #leadershipderailment #จิตวิทยา #บุคลิกภาพ #บุคลิกภาพด้วยมืด #ภาวะผู้นำ
📃 อ้างอิง
Hogan, J., Hogan, R., & Kaiser, R. B. (2011). Management derailment. In S. Zedeck (Ed.), APA handbook of industrial and organizational psychology, Vol. 3. Maintaining, expanding, and contracting the organization (pp. 555–575). American Psychological Association.
Hogan, R., & Hogan, J. (2001). Assessing leadership: A view from the dark side. International Journal of Selection and Assessment, 9(1-2), 40–51.
Hogan, R., & Hogan, J. (2009). Hogan Development Survey manual (2nd ed.). Hogan Assessment Systems.
Horney, K. (1950). Neurosis and human growth: The struggle toward self-realization. Norton.
ภาพปก: Image by Pexels from Pixabay

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา