2 ส.ค. 2023 เวลา 08:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Ep. 4 | บุคลิกภาพด้านมืด: ด้านมืด การเรียน การทำงาน และภาวะผู้นำ

👉
ในตอนที่แล้ว (Eps. 2, 3) เราพูดถึงความแตกต่างระหว่างบุคลิกภาพด้านมืดและด้านสว่าง และ Dark Triad ซึ่งประกอบด้วย Machiavellianism (Mach), narcissism, และ psychopathy ซึ่งเป็นบุคลิกภาพด้านมืด 3 อย่างที่นักจิตวิทยาให้ความสนใจ
ครั้งนี้ เราจะมาพูดถึงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับบุคลิกภาพด้านมืดกัน
🤕 1. พฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อคนอื่น
อย่างที่เล่าไปในตอนที่แล้ว (Ep. 3) ลักษณะที่เป็นแก่นหลักหนึ่งของ Dark Triad คือ ความไร้ความเห็นอกเห็นใจคนอื่น (callousness; Jones & Figueredo, 2013; Paulhus, 2014)
ความเห็นอกเห็นใจ (empathy) เป็นความสามารถในการรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนอื่น (เช่น ถ้าเพื่อนเศร้า เราสามารถตีความว่าเพื่อนเศร้า และรู้สึกเศร้าไปกับเพื่อนได้) ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้คนมีความรู้สึกเชื่อมโยง (connected) กับคนอื่น (Hoffman, 2001)
การที่ Dark Triad ขาดความเห็นอกเห็นใจ อาจทำให้คนที่มี Dark Triad สูงรู้สึกเชื่อมโยงกับคนอื่นได้ยาก แต่ทำให้คนเหล่านี้สามารถทำพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อคนอื่นได้ง่ายขึ้น เพราะคนที่มี Dark Triad จะไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความทุกข์หรือผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ต้องรับเคราะห์จากผลการกระทำของพวกเขา
จึงไม่น่าแปลกใจที่ Dark Triad มีความเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลด้านลบต่อสังคม เช่น
- ความก้าวร้าว (aggression; Jones & Neria, 2015)
- การกลั่นแกล้ง (bullying; van Geel et al., 2017)
- การหลอกลวง (Jones & Paulhus, 2017)
- การโกงข้อสอบ (cheating; Williams et al., 2010)
สมกับที่ Dark Triad ถูกจัดว่าเป็นบุคลิกภาพด้านมืด หรือบุคลิกภาพที่ไม่น่าพึงประสงค์ทางสังคม
🏫 2. การเรียน
แม้จะเป็นบุคลิกภาพที่ไม่น่าพึงประสงค์ แต่ Dark Triad สามารถทำนายพฤติกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากพฤติกรรมด้านมืดได้
ตัวอย่างที่สนใจมาจากงานวิจัยของ Vedel และ Thomsen (2017) ซึ่งพบว่า คะแนน Dark Triad ของนักศึกษาธุรกิจ/เศรษฐศาสตร์ (business/economics) มักสูงกว่านักศึกษาจิตวิทยา (psychology)
การค้นพบนี้สามารถตีความได้หลายแบบ
(1) การเรียนหรือสภาพแวดล้อมของสาขาธุรกิจ/เศรษฐศาสตร์ปลูกฝังให้คนมีบุคลิกภาพด้านมืดมากขึ้น (รูปที่ 1)
รูปที่ 1 การตีความว่า การเรียนธุรกิจ/เศรษฐศาสตร์ (Business/economics) ทำให้เกิดบุคลิกภาพด้านมืด (High dark)
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยชี้ว่า การตีความนี้มีความเป็นไปได้น้อย เพราะกลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาเข้าใหม่ ที่ยังไม่มีโอกาสได้คลุกคลีกับวิชาหรือสังคมของสาขาที่ตัวเองเรียน การปลูกฝังจึงน่าจะยังเป็นไปไม่ได้
(2) นักวิจัยเชื่อว่า การตีความที่เป็นไปได้มากกว่า คือ สาขาธุรกิจ/เศรษฐศาสตร์ดึงดูดคนที่มีบุคลิกภาพด้านมืดให้เลือกเรียนมากกว่าจิตวิทยา (รูปที่ 2)
รูปที่ 2 การตีความว่า บุคลิกภาพด้านมืดสูง (High dark) มักเลือกเรียนธุรกิจ/เศรษฐศาสตร์ (Business/economics) มากกว่าจิตวิทยา (Psychology)
การตีความนี้สอดคล้องกับงานวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องระหว่าง Dark Triad และการให้ความสำคัญต่ออำนาจและเงิน (Lee et al. 2013) นั่นคือ คนที่มี Dark Triad สูงมักมองเห็นอำนาจและเงินเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต และเพราะการเรียนธุรกิจ/เศรษฐศาสตร์สามารถพาไปสู่เส้นทางอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอำนาจและเงินได้ (เช่น ผู้บริหาร เจ้าของบริษัท) มากกว่าจิตวิทยา (นักจิตวิทยา) คนที่มี Dark Triad สูงจึงมักเลือกเรียนธุรกิจ/เศรษฐศาสตร์มากกว่าจิตวิทยา
เป็นเหตุให้นักศึกษาธุรกิจ/เศรษฐศาสตร์มีคะแนน Dark Triad สูงกว่านักศึกษาจิตวิทยานั่นเอง
💼 3. การทำงาน
ในบริบทการทำงาน ผลลัพธ์ที่หาย ๆ งานวิจัยเห็นตรงกัน 2 อย่าง คือ
(1) Dark Triad มีความเชื่อมโยงกับ counterproductive work behaviour (CWB) หรือพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อการทำงานหรือสมาชิกขององค์กร เช่น การขโมยของในที่ทำงาน การกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมงาน
(2) Dark Triad มีความเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพ (job performance) ในการทำงานที่ลดลง (O'Boyle et al., 2012)
แม้ว่า Dark Triad จะส่งกระทบเชิงลบต่อผลลัพธ์ในการทำงาน แต่ก็ไม่เสมอไป
งานวิจัยบางส่วนชี้ให้เห็นว่า อิทธิพลเชิงบวกของ Dark Triad ในที่ทำงาน เช่น คนที่มี Dark Triad สูงมักมี
- เงินเดือนที่สูงกว่า
- ระดับตำแหน่งงานที่สูงกว่า เช่น ระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร (Paleczek et al., 2018; Spurk et al., 2016)
ถ้าคนที่มี Dark Triad มักมีพฤติกรรมในการทำงานที่ไม่ดี แต่ทำไมถึงได้รับค่าตอบแทนและอยู่ในระดับงานที่ดีกว่า?
คำตอบมี 2 ส่วน
(1) คนที่มี Dark Triad มักให้ความสำคัญกับอำนาจและการประสบความสำเร็จ (Kajonius et al., 2015; Lee et al. 2013) ซึ่งอาจทำให้คนที่มีลักษณะมืดเหล่านี้มีแรงผลักดันที่จะได้ตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูง ๆ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นทั้งอำนาจและความสำเร็จ
(2) นอกจากนี้ คนที่มี Dark Triad ยังความโน้มเอียงและทักษะในการบงการ (manipulation) ที่ช่วยให้คนเหล่านี้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามสถานการณ์เพื่อได้ในสิ่งที่ต้องการอีกด้วย
เช่น คนที่มี narcissism สูง ซึ่งมักประเมินตัวเองเกินความเป็นจริง (Grijalva et al., 2016) และสามารถนำเสนอตัวเองให้ดูดีได้ (Campbell et al., 2011) อาจทำให้คนเหล่านี้ดูเหมือนคนที่มีทั้งความสามารถและความมั่นใจในตัวเองที่คู่ควรกับตำแหน่งงานในระดับสูง
คนที่มี Mach สูง ที่สามารถใช้การบงการได้ทั้งลูกหนัก (hard tactic เช่น การข่มขู่) และลูกเบา (soft tactic เช่น การเยินยอ; Jonason et al., 2012) พร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ได้หลายรูปแบบ
และคนที่มี psychopathy สูง ที่มีเสน่ห์ (charm) แต่ไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในการกระทำของตัวเอง (Hare & Neumann, 2008) ซึ่งทำให้คนเหล่านี้พร้อมจะใช้เสน่ห์เพื่อประโยชน์ส่วนตัวเสมอ
📝 4. โน้ตเกี่ยวกับบุคลิกภาพด้านมืดในการทำงาน: ความล้มเหลวของการเป็นผู้นำ
จะเห็นได้ว่า อิทธิพลของบุคลิกภาพด้านมืดในที่ทำงานไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างที่ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เสมอไป แต่กลับเป็นว่า คนที่มีลักษณะมืดมีโอกาสที่จะขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งงานที่จะส่งผลกระทบกับคนได้ในวงกว้างอย่างตำแหน่งบริหาร
ผลการวิจัยที่ประกอบรวมกันนี้อาจช่วยอธิบายการมีอยู่ของความล้มเหลวของการเป็นผู้นำ (leadership failure หรือ leadership derailment) ซึ่งจากการประเมินอาจสูงถึง 67% ของผู้นำทั้งหมด (Hogan et al., 2011)
ความล้มเหลวของผู้นำไม่ได้ส่งผลต่อการทำงานของอค์กรเท่านั้น (เช่น องค์กรที่มี CEO ที่มี narcissism สูงมักมีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องมากขึ้น; O'Reilly et al., 2018) แต่ยังส่งผลต่อความสำเร็จทางอาชีพและสุขภาวะของพนักงานอีกด้วย (Volmer et al., 2016)
ถ้าคนที่มี Dark Triad มักขึ้นมาเป็นผู้นำ แต่กลับเป็นผู้นำที่ไม่ดี เราจะทำยังไงได้บ้าง?
(1) อย่างแรก เราสามารถที่จะลดโอกาสที่คนเหล่านี้จะขึ้นมาเป็นผู้นำผ่านกระบวนกันคัดเลือกบุคลากร
แต่ถ้าคนที่มีลักษณะด้านมืดสามารถปรับตัวตามสถานการณ์ ซึ่งจะทำให้พวกเขามีพฤติกรรมที่แยกได้ยากจากคนที่มีความสามารถจริง ๆ เราจะทำยังไง?
Hogan และคณะ (2011) ผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลิกภาพในองค์กร เสนอว่า ให้ตรวจสอบลักษณะที่มักจะปรากฎในคนที่มีความสามารถ แต่ไม่มีในคนที่มีบุคลิกภาพด้านมืด เช่น
- ความตระหนักรู้ในตัวเอง (self-awareness)
- ความสามารถในการเรียนรู้จากความผิดพลาด และ
- สามารถควบคุมตัวเองได้ดี
นอกจากนี้ Hogan และคณะยังเสนอให้มีการประเมินบุคลิกภาพด้านมืดของผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำด้วย เพราะแม้ว่าในหลาย ๆ องค์กรจะมีการประเมินบุคลิกภาพ แต่เป็นการประเมินบุคลิกภาพด้านสว่าง ซึ่งไม่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของความล้มเหลวของผู้นำได้
(2) อย่างที่สอง ในกรณีที่เรามีผู้นำที่มีบุคลิกภาพด้านมืด เราสามารถที่จะออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อลดผลกระทบด้านลบและดึงศักยภาพของบุคลิกภาพด้านมืดมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับองค์กรได้
ลักษณะอย่างหนึ่งสภาพแวดล้อมที่สามารถช่วยลดอิทธิพลด้านลบของบุคลิกภาพด้านมืดได้ คือ ความชัดเจน (unambiguity) ทั้งนี้ เพราะผลกระทบด้านลบส่วนหนึ่งมาจากการบงการของคนที่มีบุคลิกภาพด้านมืด ซึ่งเมื่อสภาพแวดล้อมขาดความชัดเจน การบงการ (เช่น การบิดเบือนความจริง) สามารถทำได้ง่ายขึ้น
มีงานวิจัยที่สนับสนุนแนวคิดนี้ โดยแสดงให้เห็นว่า พนักงานที่มี Mach สูง มียอดขายที่น้อยในองค์กรที่มีโครงสร้างการทำงานที่ชัดเจน เมื่อเทียบกับองค์กรที่มีโครงสร้างการทำงานที่ไม่ชัดเจน เพราะเป็นไปได้ว่า พนักงานขายในองค์กรที่มีโครงสร้างชัดเจนไม่สามารถใช้ทักษะการบงการได้อย่างเต็มที่ (Gable et al., 1992; Shultz, 1993)
ในขณะเดียวกัน เราสามารถออกแบบสภาพแวดล้อม หรือมอบหมายให้ผู้นำอยู่ในสภาพแวดล้อมที่บุคลิกภาพด้านมืดจะส่งผลบวกต่อองค์กรได้
ตัวอย่างสภาพแวดล้อมที่บุคลิกภาพด้านมืดจะสามารถทำประโยชน์ให้ได้ คือ สภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งการทำงานในสภาพแวดล้อมนี้ต้องการการตัดสินใจจากผู้นำที่เด็ดขาด สามารถรับมือกับความกดดัน และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดี (Haar & de Jong, 2023) ซึ่งการให้ความสำคัญต่ออำนาจ (การได้มีอำนาจตัดสินใจเหนือคนอื่น) และทักษะการบงการทำให้คนที่มีบุคลิกภาพด้านมืดเหมาะกับการเป็นผู้นำในบริบทนี้
งานวิจัยของ Haar และ de Jong (2023) ให้การสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยแสดงให้เห็นว่า ในองค์กรที่มีการแข่งขันสูง CEO ที่มี Dark Triad สูง สามารถผลักดันให้ทีมสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้ดีกว่า CEO ที่อยู่ในองค์กรที่มีการแข่งขันต่ำ
ดังนั้น เพื่อทำใช้ประโยชน์จากบุคลิกภาพด้านมืด เราอาจปรับสภาพแวดล้อมให้มีการแข่งขันสูงขึ้น หรือจัดวางผู้นำที่มีบุคลิภาพด้านมืดให้อยู่ในฝ่ายงานที่มีการแข่งขันสูงได้
⬆️ 5. บทสรุปด้านมืด
บุคลิกภาพด้านมืดเป็นลักษณะทางบุคคลที่แยกออกจากบุคลิกภาพด้านสว่าง และสามารถช่วยเพิ่มความเข้าใจในพฤติกรรมมนุษย์ได้
Dark Triad เป็นบุคลิกภาพด้านมืดที่นักจิตวิทยาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
งานวิจัยต่าง ๆ ได้แสดงให้เห็นว่า Dark Triad ไม่ได้มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมด้านลบของมนุษย์ แต่ยังพฤติกรรมในด้านอื่น ๆ เช่น การเลือกสาขาการศึกษา และการขึ้นมาเป็นผู้นำ ด้วยเช่นกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ผลกระทบของบุคลิกภาพด้านมืดต่อพฤติกรรมมีความซับซ้อนและน่าค้นหา และการทำความเข้าใจบุคลิกภาพด้านมืดสามารถช่วยให้เราเข้าใจและปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้
#psychology #individualdifferences #personality #darkpersonality #darktriad #machiavellianism #mach #narcissism #subclinicalnarcissism #psychopathy #subclinicalpsychopathy #leadership #leadershipfailure #leadershipderailment #จิตวิทยา #บุคลิกภาพ #บุคลิกภาพด้วยมืด #ภาวะผู้นำ
📃 อ้างอิง
Campbell, W. K., Hoffman, B. J., Campbell, S. M., & Marchisio, G. (2011). Narcissism in organizational contexts. Human Resource Management Review, 21(4), 268–284.
Gable, M., Hollon, C., & Dangello, F. (1992). Managerial structuring of work as a moderator of the Machiavellianism and job performance relationship. The Journal of Psychology: Interdisciplinary and Applied, 126(3), 317–325.
Grijalva, E., & Zhang, L. (2016). Narcissism and self-insight: A review and meta-analysis of narcissists’ self-enhancement tendencies. Personality and Social Psychology Bulletin, 42(1), 3–24.
Haar, J., & de Jong, K. (2023). Is the dark triad always detrimental to firm performance? Testing different performance outcomes and the moderating effects of competitive rivalry. Frontiers in Psychology, 14, 1061698. https://doi.org/10.3389/fpsyg.2023.1061698
Hare, R. D., & Neumann, C. S. (2008). Psychopathy as a clinical and empirical construct. Annual Review of Clinical Psychology, 4, 217–246.
Harms, P. D., Spain, S. M., & Wood, D. (2014). Mapping personality in dark places. Industrial and Organizational Psychology: Perspectives on Science and Practice, 7(1), 114–117.
Hoffman, M. L. (2001). Empathy and moral development: Implications for caring and justice. Cambridge University Press.
Hogan, J., Hogan, R., & Kaiser, R. B. (2011). Management derailment. In S. Zedeck (Ed.), APA handbook of industrial and organizational psychology, Vol. 3. Maintaining, expanding, and contracting the organization (pp. 555–575). American Psychological Association.
Jonason, P. K., & Sherman, R. A. (2020). Personality and the perception of situations: The Big Five and Dark Triad traits. Personality and Individual Differences, 163, 110081.
Jonason, P. K., Slomski, S., & Partyka, J. (2012). The Dark Triad at work: How toxic employees get their way. Personality and Individual Differences, 52(3), 449–453.
Jones, D. N., & Figueredo, A. J. (2013). The core of darkness: Uncovering the heart of the Dark Triad. European Journal of Personality, 27(6), 521–531.
Jones, D. N., & Neria, A. L. (2015). The Dark Triad and dispositional aggression. Personality and Individual Differences, 86, 360–364.
Jones, D. N., & Paulhus, D. L. (2017). Duplicity among the dark triad: Three faces of deceit. Journal of Personality and Social Psychology, 113(2), 329–342.
Kajonius, P. J., Persson, B. N., & Jonason, P. K. (2015). Hedonism, Achievement, and Power: Universal values that characterize the Dark Triad. Personality and Individual Differences, 77, 173–178.
Lee, K., Ashton, M. C., Wiltshire, J., Bourdage, J. S., Visser, B. A., & Gallucci, A. (2013). Sex, power, and money: Prediction from the Dark Triad and Honesty–Humility. European Journal of Personality, 27(2), 169–184.
O'Boyle, E. H., Jr., Forsyth, D. R., Banks, G. C., & McDaniel, M. A. (2012). A meta-analysis of the Dark Triad and work behavior: A social exchange perspective. Journal of Applied Psychology, 97(3), 557–579.
O'Reilly, C. A. III, Doerr, B., & Chatman, J. A. (2018). "See you in court": How CEO narcissism increases firms' vulnerability to lawsuits. The Leadership Quarterly, 29(3), 365–378.
Paleczek, D., Bergner, S., & Rybnicek, R. (2018). Predicting career success: Is the dark side of personality worth considering? Journal of Managerial Psychology, 33(6), 437–456.
Paulhus, D. L. (2014). Toward a taxonomy of dark personalities. Current Directions in Psychological Science, 23(6), 421–426.
Spurk, D., Keller, A. C., & Hirschi, A. (2016). Do bad guys get ahead or fall behind? Relationships of the Dark Triad of personality with objective and subjective career success. Social Psychological and Personality Science, 7(2), 113–121.
Shultz, C. J. (1993). Situational and dispositional predictors of performance: A test of the hypothesized Machiavellianism × structure interaction among sales persons. Journal of Applied Social Psychology, 23(6), 478–498.
van Geel, M., Goemans, A., Toprak, F., & Vedder, P. (2017). Which personality traits are related to traditional bullying and cyberbullying? A study with the Big Five, Dark Triad and sadism. Personality and Individual Differences, 106, 231–235.
Vedel, A., & Thomsen, D. K. (2017). The Dark Triad across academic majors. Personality and Individual Differences, 116, 86–91.
Volmer, J., Koch, I. K., & Göritz, A. S. (2016). The bright and dark sides of leaders' dark triad traits: Effects on subordinates' career success and well-being. Personality and Individual Differences, 101, 413–418.
Williams, K. M., Nathanson, C., & Paulhus, D. L. (2010). Identifying and profiling scholastic cheaters: Their personality, cognitive ability, and motivation. Journal of Experimental Psychology: Applied, 16(3), 293–307.
ภาพปก: Image by PublicDomainPictures from Pixabay

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา