8 ส.ค. 2023 เวลา 07:10 • ความคิดเห็น
เรื่องชำระหนี้สงฆ์ นี้เรากไม่รู้เหมือนกัน เราเข้าใจว่า คนรุ่นก่อนๆ เค้าสร้างวัด รวบรวมแรงกายแรงใจ สละทรัพย์สินเงินทอง สร้างโบสถ์ศาลา เค้าสร้างถวายต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สร้างไว้ในศาสนา ..เพื่อเป็นสมบัติของศาสนา สมบัติที่เค้าถวายไว้ในศาสนา เค้าก็ถือว่า สมบัตินี้ เป็นเสมือนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กุลบุตรกุลธิดา ได้มาศึกษา ในเรื่องราวของพระศาสนา เรื่องของการสร้างบุญกุศล ให้รู้จักว่าสิ่งไหนที่ทำแล้วเป็นบาปเป็นกรรม สิ่งไหนที่ทำแล้ว เป็นความสุขความเจริญยิ่งในคำว่าบุญกุศล ..
1
เมื่อมีคนเค้าไปในสถานที่วัด เค้าก็ระมัดระวัง เราจึงเห็นคนที่ในยุคก่อนๆ เวลาเดินเข้าธรณีประตูวัด เค้าก็ถอดรองเท้ากัน ในพม่า..ชะเวดากอง ..เค้าก็ถอดรองเท้าเดินขึ้นไป กราบไหว้พระธาตุ คนทางเหนือ ..สมัยที่เราเด็กๆ ป้ออุ๊ยแม่อุ๊ย ก็ถอดรองเท้า ก่อนออกจากวัด ก็ยังระมัดระวัง ไม่ให้ทรายในวัดติดเท้าออกไป แล้วก็ยังมีประเพณีจนทรายเข้าวัด เหมือนเอาทรายไปคืนวัดที่ติดออกไป
4
เรื่องของวัดนั้น วัดถุสิ่งของที่เรา เข้าวัดไป ..ไปใช้ของๆวัด ..ห้องน้ำในวัด น้ำไฟในวัด มันเป็นของที่ญาติโยม เค้าอนุโมทนา ..ถวายพระในวัด ที่มาอาศัยวัด อยู่ในวัดที่เค้าสร้างถวายองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เค้าก็ปรารถนา เสียสละหยาดเหงื่อแรงกาย ไปหาวัตถุปัจจัยมา แล้วก็แบ่งปันปัจจัย สละความเหนื่อยยากแรงกายที่ำไปหามา ..นำมาแปรสภาพให้เป็นบุญกุศล ฝากไว้ในศาสนา ..เค้าจึงว่า ..ปัจจัยวัดถุสิ่งของนั่น..เป็นของสาธุ
..เมื่อเราเข้าไปใช้ ..ของที่เค้าสละมา ..ของที่อยู่ในวัด ก็ร่วมเป็นของสาธุ ที่ผู้ที่สร้างถวายไว้ในศาสนา เค้าต้องการบุญกุศล ..บุญกุศลนั้นก็เกิดขึ้นจากการที่คนเข้าไปวัดนั้น เข้าไปสร้างบุญกุศล สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ในรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเราไปใช้สถานที่นั้น ..ไปใช้ของที่เค้าสาธุมา .ก็เกิดเป็นหนี้ . เกิดขึ้น ..คล้ายเรื่องเม็ดทรายทีาติดเท้าออกไปจากวัด เค้าก็เลยมีเรื่องราวของการชำระหนี้สงฆ์ ..ที่จริงก็หนี้ ..ญาติโยมที่เค้าสาธุ..อนุโมทนามา เพื่ออยากจะมีบุญกุศลให้เกิดขึ้น
1
โฆษณา