9 ส.ค. 2023 เวลา 01:56 • ความคิดเห็น
ที่จริงแล้ว ..ไม่อยากเขียนเรื่องของพระโสดาบันที่เราสนใจกันเลย แต่เราควรมาศึกษา เรื่องหนึ่ง เรื่องราวของคำว่าพระเสขะ พระอเสขะ พระที่ท่านเรียนรู้ศึกษามาดีแล้ว เรียนรู้มาหมดแล้ว เกิดมาชาติสุดท้าย เพื่อชำระสะสางจิต ชำระบัญชีครั้งสุดท้าย แล้วชาติสุดท้าย ก็ต้องทิ้งให้หมด ..ต้องไปอยู่สะสางจิตในป่า ไปคนเดียว..
เช่นเรื่องของพระองคุลีมาร ที่มีบัญชีกรรม ที่ต้องสะสาง เค้าเคยฆ่าท่าน เค้าก็มาเกิดให้ท่านฆ่า .ด้วยอำนาจของบุญกุศลที่พระองคุลีมารสะสมมาเป็นอเนกชาติ ก็ส่งจิตที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาให้ไปเกิดในสถานที่ดีๆ เพื่อที่จะได้ไม่มีบัญชีติดค้างกันอยู่ในธาตุทั้งสี่ ทำบัญชีนี้ให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง เรื่องราวทำนองนี้ พระที่ท่านเกิดในยุคต้นพุุทธกาล ต่างก็ต้องมา ชำระสะสางบัญชีกัน
บัญชีที่บันทึกที่ติดอยู่กับพระแม่ทั้งสี่ พระแม่พระธรณี พระแม่พระคงคา พระแม่พระเพลิง พระแม่พระพาย..เค้าเรียกว่า ชำระสะสาง..ให้ธาตุทั้งสี่เป็นแก้วเจียระไน ..ก่อนเข้าพระนิพพาน ยุติการเกิด..นั่นจึงเป็นเรื่องที่ชาติสุดท้ายต้องไปอยู่ ทิ้งทุกอย่าง .ต้องไปชำระสะสาง จิตต้องนำกายพ่อแม่ไปชำระสะสาง ในป่า .ต้องไปคนเดียว..ในเรื่องราวกรรมที่ติดอยู่กับธาตุทั้งสี่ให้เป็นแก้วเจียระไน
เรื่องราวในสมัยต้นพุทธกาล นั้นจิตที่มีบุญบารมี มาจากชั้นเทพยดาอินทร์พรหม ชั้นดุสิต ท่านลงมาเกิดกันมาก ท่านที่มาจากชั้นดุสิต ท่านก็มาฟังธรรมจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อชำระสะสาง สิ่งที่จิตติดขัดอยู่ เพราะมีเพียงพระพุทธเจ้า ที่ท่านมีกระแสของแสงรัตนะ ..ที่ฟังแล้ว ..สามารถเข้าไปสะกิดจิต เปิดจิตขึ้นมาได้ เหมือนเปิดผอบขึ้นมา
..จิตที่ฟังธรรมจากท่าน ก็ไม่มีอะไรปกปิด สว่างไสวขึ้น เราจึงได้ฟังเศรษฐี ในสมัยต้นพุทธกาล ทิ้งทรัพย์สมบัติ บ้านช่องออกบวช .ในส่วนท่านที่เป็นอุบาสกอุบาสิกา ท่านก็ได้ฟัง กิริยาในการฟังธรรม ท่านก็นอบน้อม การกระทำ .ท่านเอาจิตมาทำ สร้างบุญสร้างกุศล ไม่เอาอารมณ์โลภโกรธหลงมากระทำ
แล้วจิตของอุบาสกอุบาสิกา ก็เข้าใจเรื่องพระคุณบิดามารดา แล้วสร้างบุญกุศล ท่านก็น้อมระลึกจิตอาศัยอยู่ในเรื่องกายคุณบิดามารดามากระทำจิตของท่านมีสัจจะ ..แน่วแน่ในการกระทำ เป็นจิตที่ไม่วุ่นวายด้วยอารมณ์นึกคิดเรื่องนั่นเรื่องนี้
เรื่องที่อารมณ์จะนำพาไปยึดถือ ..มีอารมณ์เกิดบ่อย ก็ต้องมาเกิด…เพราะอารมณ์นำมาเกิด แล้วเวลาทำบุญทำทาน ก็ยังมีจิตหูทิพย์ตาทิพย์มาร่วมอนุโมทนา และฟังธรรม หูทิพย์ตาทิพย์ ที่มาร่วมอนุโมทนา ท่านก็เก็บบันทึกเรื่องราว ที่มาดูมนุษย์สร้างบุญกุศล ใช้กิริยาดีๆ มากระทำ ท่านก็เก็บบันทึกสิ่งดีๆนั่นไว้กับธาตุทั้งสี่ เก็บเอาไว้ใช้..เมื่อต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ สร้างบุญกุศลบารมีขึ้นไปอีก .หากเผลอหลงโลก ก็ลงอบายภูมิ
เมื่อมีการทำบุญทำทาน เรียบร้อยแล้ว กายมีบุญเกิดขึ้น ก็มานั่งสมาธิปฏิบัติธรรม และฟังธรรม .เอาวิญญาณหูมาฟังธรรม ให้เกิดกระแสของธรรมไหลเข้าสู่จิต เก็บบันทึก อยู่ในธาตุทั้งสี่ เพื่อที่จะเก็บไว้ ใคร่ครวญพิจารณา เรื่องอารมณ์กรรมตัวกระทำ ที่จิตของตัวเองสะสมมา แล้วก็ได้เรียนรู้วิธีที่จะสลัด สิ่งที่สกปรกในธาตุทั้งสี่นั้นออกไป ทำให้ธาตุทั้งสี่สะอาดสะอาดสะอ้าน
แล้วมนุษย์ยุคนี้ จิตที่มาเกิด ท่านบอกว่ามาจากอบายภูมิกันมาก แล้วก็มีเรื่องราวที่นำพาให้จิตนั้นยึดติด จมอยู่กับอารมณ์ของโลก เค้าสอนให้ยึดถือ เกจิอาจารย์ท่องคาถานั้นดี ร่ำรวยเฮงๆจมอยู่กับเรื่องราวของโลก ..ไม่ได้เกิดเป็นบุญกุศลชำระสาง ยกกายยกจิตให้สูงขึ้นมาได้ มีแต่จะเดินลงเหว ตามเทวทัต
.เมือชอบกรรมชอบมีกรรม ..เค้าไม่ได้สอนให้ปลดเปลื้องเรื่องอารมณ์กรรม ทำบุญทำทานเค้าก็สอนให้ยึดถือ บ้างก็ให้ท่องคาถา (นั่นแหละตัวยึดถือ ไปพิจารณาดูน่ะ)เรื่องพระคุณพ่อแม่..ก็ถอยห่างกันออกไป คนก็ไม่ใกล้ชิดพ่อแม่เหมือนแต่ก่อน ต้องวุ่นวายทำมาหากิน ต้องจ้างคนมาเลี้ยงดู พอโตขึ้นก็จากพ่อแม่ เหมือนทั่วไปของสัตว์โลก ..พอโตขึ้นก็ต่างไปทำมาหากิน..พ่อม่แก่เฒ่าชราก็โดดเดียว มีสถานที่พักคนชรา .ต่างคนต่างอยู่ ..เสมือนไม่เกี่ยวข้องกัน
เรื่องหนึ่ง ที่ทำไมมีการพูดถึงยุคพระศรีอริยะเมตตไตรย ที่พูดถึง เพราะเค้าอยากจะให้สร้างบุญกุศลบารมี เพื่อจะไปเกิดให้ทันพระศรีอริยะเมตไตรย ..จะได้ไปสร้างบุญกุศลบารมีต่อ หากพลาดยุคพระศรี..แล้วจิตจะต้องเดินทางยาวนาน เป็นอสงไขย ..แล้วก็อีกนานกว่าจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นอีก ..ที่จะมาช่วยเหลือจิตให้ขยับขยายไปสู่สถานที่ดีๆ .ท่านบอกว่า ส่วนมากเดินลงอบายภูมิกันทั้งนั้น
พระที่ท่านสอนเรา ..ท่านบอกว่า ไม่ต้องไปสนใจขั้นชั่นนั้นชั้นนี้หรอก ให้เรารู้จักสร้างบุญสร้างกุศล รู้จักอารมณ์ในกาย.รู้จักกรรม รู้จักโลกพาไปทางไหน ..เราก็ศึกษา..เห็นว่าพาไปหาทุกข์ เราก็ลดละปลีกตัวออกมา สร้างบุญกุศลของเรา เช่น เห็นว่าติเตียนนั้นไม่ดี ..แล้วเราไปติเตียนเค้าทำไม เห็นว่าโกรธนั่นไม่ดี แล้วเราไปโกรธเค้าทำไม ..คนที่เค้ารู้จัก..เค้าก็เอามาทำ มาถือสัจจะ..ไม่ติเตียนใคร รู้ว่าหลงดี..นั่่นไม่ดี..เค้าก็เอาความนอบน้อมมาแก้ไข รู้ว่าขี้เกียจนั้นไม่ดี ..เค้าก็เอาความเพียรมาแก้ไข
พระที่ท่านสอนเรา ..ท่านพูดเสมอ ..อย่าเชื่อฉัน อย่ายึดฉัน ..ท่านให้ยึด คุณบิดามารดา คุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์อัครสาวกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แค่นี้พอแล้ว ไม่ต้องไปเสาะแสวงหาสิ่งอื่นมายึดถือ ..
โฆษณา