9 ส.ค. 2023 เวลา 02:30 • ข่าว

อยากกลับไทย “ท่านอ้น” เปิดใจ ในฐานะของ “สามัญชน” สุดตื้นตันยังมีคนจำได้ (คลิป)

“ท่านอ้น” เปิดใจการกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนหลังจากไปกว่า 27 ปี เพราะอยากมาเยี่ยมบ้าน ระบุถึงจากไปนานแต่ยังใช้ชีวิตเป็นคนไทย ยันกลับมาในฐานะสามัญชน สุดตื้นตันยังมีคนจำได้ มาต้อนรับอบอุ่น ย้ำถึงอยู่เมืองนอกมานานไม่เคยลืมว่าเป็นคนไทย ความสำคัญของวัฒนธรรมไทย และสำนึกถึงพระคุณของประเทศชาติ หวังมาเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อในต่างแดนให้รับรู้ถึงเสน่ห์และสมบัติอันล้ำค่าของประเทศ และหากมีโอกาสจะกลับมาอีก
หลังจากที่ท่านอ้น-วัชเรศร วิวัชรวงศ์ โอรสคนที่ 2 ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เดินทางกลับมาประเทศไทยเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี เมื่อเย็นวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีกำหนดอยู่ไทยราว 1 สัปดาห์ สร้างความปราบปลื้มและตื่นเต้นให้กับคนไทยที่ทราบข่าวเป็นอย่างมาก โดยค่ำคืนแรกในเมืองไทย ท่านอ้นได้นั่งรถตุ๊กๆตระเวนดูความงดงามรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ก่อนที่รุ่งขึ้นได้เข้ากราบสมเด็จพระสังฆราช ที่วัดราชบพิธสถิต มหาสีมาราม สักการะศาลหลักเมือง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ย่านอรุณอัมรินทร์
1
ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 ส.ค. ท่านอ้น เดินทางไปที่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัม ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ บ้านแห่งความหวัง หรือชุมชนกองขยะอ่อนนุช ซอยอ่อนนุช 88 แยก 10 มีนางจิตราภา หิมะทองคำ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ และนางศีลดา รังสิกรรพุม ผู้จัดการมูลนิธิฯ ต้อนรับด้วยความตื่นเต้นเนื่องจากมีคนแจ้งมาว่าจะมีคนมาเลี้ยงอาหารเด็ก แต่ไม่ทราบว่าเป็นใคร
เมื่อมาถึง ท่านอ้นเข้าชมและดูวิดีโอการดูแลเด็กอ่อนและเด็กยากจนของมูลนิธิฯ จากนั้นเข้าเยี่ยมเด็กๆในห้องเด็กอ่อน เด็กกลาง เด็กโต พร้อมทั้งพูดคุยทักทายเด็กๆอย่างใกล้ชิด และรับฟังการดำเนินงานของมูลนิธิฯ การช่วยเหลือเด็ก และครอบครัวที่ยากจนด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก และมอบสิ่งของ ของใช้จำเป็น พร้อมมอบเงินส่วนตัวอีก 1 หมื่นบาท จากนั้นจัดเลี้ยงอาหารเด็กจำนวน 55 คน และได้พูดคุยกับเด็กๆอย่างเป็นกันเอง ไม่ถือตัว รวมทั้งให้กำลังใจแก่คณะทำงานของมูลนิธิฯ มุ่งมั่นทำงานช่วยเหลือเด็กๆต่อไป
พร้อมกันนี้ ท่านอ้นยังได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงการที่กลับมาเมืองไทยในครั้งนี้ด้วยว่า อยากจะเยี่ยมบ้าน เพราะไม่ได้กลับมาประเทศไทย 27 ปีแล้ว อยู่เมืองนอกก็ใช้ชีวิตเหมือนกับว่าเป็นคนไทย เป็นคนส่งเสริมวัฒนธรรมไทยในต่างแดน ให้เขารู้ว่าวัฒนธรรมเรามีเสน่ห์ขนาดไหนและเป็นสมบัติอันล้ำค่าของเรา
“อยากจะกลับมาเมืองไทยเพื่อเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมของเรามากขึ้น เพื่อนำไปเผยแพร่ในต่างแดนต่อไปครับ ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก อยากจะมาวัด มาที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ มากราบวัดพระแก้ว ศาลหลักเมือง ก็สำเร็จตามที่วางแผนไว้เท่านี้ครับ” ท่านอ้นกล่าวพร้อมเผยความรู้สึกในการได้มาเยือนบ้านเกิดเมืองนอนเป็นครั้งแรกอีกว่า รู้สึกตื้นตันใจ เพราะว่าได้รับความอบอุ่นจากชาวไทย และไม่นึกเลยว่ายังมีคนที่จำได้หรือว่ายังจะมีความรักให้กับเราอยู่
“ผมไม่ได้กลับมาในฐานะอะไรเป็นพิเศษ กลับมาในฐานะสามัญชนธรรมดา แต่ยังมีคนมารับและมาดูแลอย่างอบอุ่น คราวนี้มาไม่กี่วันนะ แค่ 7 วันเพราะยังมีภารกิจที่เมืองนอกอยู่อีกเยอะ ก็หวังว่าจะได้มาอีกเร็วๆนี้นะครับ” ท่านอ้นกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทันทีที่ชาวบ้านละแวกมูลนิธิฯทราบข่าวว่า ท่านอ้นเดินทางมาเยือนได้พากันมาพบและขอร่วมทำบุญด้วย ท่านอ้นพูดคุยกับชาวบ้านอย่างเป็นกันเอง และบางจังหวะมีผู้สูงอายุเข้ามาสวมกอดด้วยความรัก ท่านอ้นโอบกอดกลับอย่างไม่ถือตัว และหลังจากอยู่ที่มูลนิธิฯประมาณ 1 ชั่วโมง ท่านอ้นเดินทางกลับ
ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมขณะขึ้นรถด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า จากประเทศนี้มานาน 27 ปี ถือเป็นฝันที่เป็นจริงที่ได้กลับมา ตั้งแต่ก่อนเครื่องลงแล้ว มองนอกหน้าต่างเครื่องบินก็รู้สึกตื้นตัน และมีสำนึกถึงพระคุณของประเทศชาติ อยู่เมืองนอกมานานไม่เคยลืมเลยว่าเราเป็นคนไทย
ไม่เคยลืมความสำคัญของวัฒนธรรมไทย อยู่เมืองนอกใช้เวลาส่งเสริมวัฒนธรรมไทยเพื่อให้ฝรั่งรู้ว่า เรามีมรดกอันล้ำค่าเป็นสมบัติของประเทศ กลับมาเมืองไทยคราวนี้อยากจะหาความรู้ใส่ตัวมากขึ้น เพื่อนำวัฒนธรรมของเราไปเผยแพร่ในต่างแดน ดีใจมากที่ได้กลับมา และขอขอบคุณทุกคน
วันเดียวกัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถึงภารกิจระหว่างการเดินทางมาเยี่ยมและบริจาคสิ่งของที่มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯเช่นกัน ระบุ ท่านอ้นสวมเสื้อโปโลสีน้ำเงินเข้มและกางเกงยีนส์ดูทะมัดทะแมงและให้สัมภาษณ์กับสื่อเพียงสั้นๆว่าดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากไปนาน 27 ปีแล้ว และเหมือนกับความฝันที่เป็นจริง
ขณะเดียวกันมีประชาชนในชุมชนที่ทราบข่าวออกมารอต้อนรับจำนวนมาก บางรายยังได้โผกอดท่านอ้นอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ขณะที่ท่านอ้นยกมือไหว้ทักทายอย่างนอบน้อม สร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็นอย่างยิ่ง รอยเตอร์ยังได้สัมภาษณ์นางอังสนา สีประสิทธิ์ วัย 66 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่มารอทักทายท่านอ้น ระบุว่า รู้สึกตื้นตันใจมากที่ได้เห็นท่านอ้นอีกครั้ง สำหรับตัวเองแล้ว ท่านยังคงเป็นสมาชิกของราชวงศ์อยู่เสมอ
ชมคลิปที่นี่👇🏻
โฆษณา